อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า) - บทที่ 85 พูดเรื่องเก่าอีกครั้ง
หลินจือกับเทาเท่ ทั้งสองคนไม่รู้เลยว่าความคิดของพวกเขานั้นวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้ามแล้ว
เทาเท่คิดว่าที่หลินจือบอกว่าจะจัดการนั้น ก็คือเธอยอมที่จะเลี้ยงข้าวเขาแล้วเช่นกัน แม้กระทั่งเขาคิดเอาไว้แล้วว่าถึงตอนนั้นจะให้เธอทำอาหารให้เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจอีกด้วย
แต่หลินจือกลับคิดว่าเทาเท่ต้องการให้เธอแสดงออกผ่านทางสิ่งของ เนื่องจากไม่อยากถูกซูซีเล่นงานอีก ดังนั้นเธอจึงเลือกวิธีที่ปลอดภัย โดยการส่งปากกาหนึ่งด้ามเพื่อแสดงความขอบคุณ
ทั้งสองคนคิดว่าบรรลุถึงข้อตกลกกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้คุยกันถึงประเด็นนี้ต่อ
เทาเท่เอ่ยพูดขึ้นมาในสาย : “ได้ยินว่าเจเทาวน์จะช่วยคุณทำให้ความจริงกระจ่างขึ้นมาโดยใช้ในนามของบริษัท?”
หลินจือกำลังรู้สึกไม่สบายใจว่าเขารู้ได้อย่างไร ก็ได้ยินเขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง : “ผมแนะนำคุณนะ ใช้บัญชีของคุณเองทำให้ความจริงกระจ่างจะดีกว่า”
“บริษัทของเจเทาวน์ถึงอย่างไรก็เป็นตัวแทนของผลประโยชน์ส่วนรวม ถ้าหากเรื่องนี้เขาไม่สามารถยุติได้ แล้วทำลายผลประโยชน์ของคนอื่นๆ จะต้องเกิดเจตนาร้ายกับคุณอีกอย่างแน่นอน”
หลินจือเม้มปากเบาๆ เธอยอมรับว่าที่เทาเท่วิเคราะห์มานั้นก็มีเหตุผล
บางทีตัวเขานั้นก็มีพลังที่ทำให้คนเชื่อถือ ดังนั้นคำแนะนำของเขาเธอจึงรับได้โดยสัญชาตญาณ
เธอพึมพำขึ้นมา : “ค่ะ”
ความจริงแล้วเธอเองก็ลังเลอยู่ตลอดว่าจะให้เจเทาวน์ช่วยเธอทำให้ความจริงนี้กระจ่างขึ้นมาโดยใช้ชื่อของบริษัทดีหรือเปล่า เธอรู้สึกว่าแบบนี้เธอจะติดค้างบุญคุณกับเจเทาวน์มากเกินไป เธอไม่สามารใช้คืนได้เลย
ที่เทาเท่ให้หลินจือใช้บัญชีของตัวเองในการเปิดเผยความจริงนั้น ด้านหนึ่งก็เพื่อพิจารณาถึงคนที่ต้องการจะโจมตีเธอ อีกทางด้านหนึ่งก็คือคนที่มีเจตนาไม่ดีแอบแฝงอยู่ต้องการจะโจมตีเจเทาวน์
ทำให้ความจริงกระจ่างในนามของบริษัท หลินจือจะต้องติดหนี้บุญคุณเขาอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้นเจเทาวน์ก็จะใช้บุญคุณนี้มาจีบหลินจือ และจากนิสัยที่ปฏิเสธไม่เป็นอย่างหลินจือ ไม่แน่ว่าจะถูกเจเทาวน์จีบจนติดก็ได้
ความคิดของเจเทาวน์นั้นหลินจือมองไม่ออก แต่เขาเพียงแค่มองแวบเดียวก็รู้แล้ว
เทาเท่เอ่ยถามหลินจือขึ้นอีกครั้ง : “คุณมีบัญชีweiboของตัวเองอยู่ใช่ไหม?”
“มีค่ะ……” หลินจือตอบกลับอย่างลำบากใจ
เธอมีบัญชีweiboอยู่จริงๆ แต่เนื้อหาในนั้นส่วนมากแล้วเกี่ยวข้องกับเทาเท่ทั้งสิ้น
ในนั้นบันทึกความในใจของเธอ ตอนที่เธอรักเขา ทุกความสุขความทุกและน้ำตา ในช่วงเวลาสามปีนั้นเธอบันทึกเอาไว้ในweiboของตัวเองตลอด
เธอใช้เป็นที่ระบายของตัวเอง เธอไม่เคยเปิดเผยใบหน้า และไม่เคยเปิดเผยตัวตนใดๆมาก่อน ดังนั้นไม่มีใครรู้จักเธอ ตอนที่เธอเขียนข้อความเหล่านั้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครรู้
เนื่องจากว่าเธอก็เป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับงานเขียน ดังนั้นบางครั้งเธอก็จะแชร์ข้อมูลที่ให้แรงบันดาลใจหลังจากที่ดูละครหรือดูหนังแล้วออกมาด้วยเช่นกัน ทุกครั้งเป็นเพียงแค่บทความสั้นๆ แต่ข้อความคำพูดที่สวยงามและลึกซึ้งนั้นก็สามารถดึงดูดกลุ่มแฟนคลับได้บ้างเช่นกัน
แต่จำนวนแฟนคลับนั้นมีไม่มาก ประมาณสองสามพันคนเท่านั้น
บางครั้งเธอก็จะแชร์อาหารที่เธอเป็นคนทำเอง นอกจากนี้weiboของเธอนั้นก็จะเป็นเนื้อหาละครใหม่หรือภาพยนตร์ใหม่ของนานินั่นเอง
ตอนที่หย่าเธอโพสต์ข้อความสุดท้ายในweibo แล้วก็ไม่ได้เข้าไปอีกเลย
สิ้นสุดชีวิตการแต่งงานในช่วงเวลาสามปี ก็ดูเหมือนกับตื่นขึ้นมาจากความฝันที่ไม่เป็นเรื่องจริง
ถึงแม้ว่าหัวใจจะแตกสลาย แต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป
นี่เป็นเนื้อหาสุดท้ายที่เธอโพสต์ลงในweibo ข้างใต้นั้นมีโพสต์ความคิดเห็นอยู่บ้าง ล้วนแต่เป็นการให้กำลังใจเธอทั้งสิ้น
“สู้ๆนะพี่สาว ต่อไปจะดีขึ้นเรื่อยๆ”
“เห็นได้เลยว่าพี่เป็นคนอ่อนโยนเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม เขาไม่รู้จักที่จะรักษาเอาไว้ให้ดีเอง”
“พี่สาวมีพรสวรรค์ด้านวรรณกรรมที่งดงามมาก ไม่เขียนอะไรแล้วคงจะน่าเสียดายมากจริงๆ ต่อไปมาตั้งใจทำงานเขียนเป็นอาชีพดีกว่า”
ตอนนั้นหลินจือเห็นแล้วก็รู้สึกซาบซึ้งใจมาก แต่เธอคิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวจะลบเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องความรักออกไปจากweiboเสียก่อน เพื่อเลี่ยงที่ให้ถูกขุดอะไรขึ้นมาได้อีก
เธอเองก็ไม่อยากจะให้เทาเท่รู้ว่าเธอเคยเขียนข้อความแบบนั้น และยังมีชื่อweiboของเธออีกที่ตั้งเอาไว้ว่า “หลินเท่ฟอร์เอเวอร์”ตอนนี้พอนึกถึงเธอก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตัวแล้ว
ตอนนั้นเธอโง่มาก ไม่คิดว่าจะน้ำเน่าขนาดนี้
เทาเท่ฟังออกถึงความลำบากใจในน้ำเสียงของเธอ จึงเอ่ยถามขึ้นมาจากทางปลายสาย : “ทำไมถึงได้ตอบออกมาดูยากลำบากขนาดนี้ล่ะครับ? ในนั้นไม่ใช่ว่าจะมีความลับที่ให้ใครรู้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
หลินจือรู้สึกโมโหขึ้นมากับคำพูดของเขา ความลับที่บอกใครไม่ได้ของเธอก็ล้วนแต่เกี่ยวกับเขาทั้งนั้น!
ไม่รอให้หลินจือพูดอะไรออกมา เทาเท่ก็เอ่ยพูดขึ้นมาอีกครั้ง : “หลินจือ บัญชีของคุณคงไม่ได้มีมาเพียงแค่วันสองสันนี้ใช่ไหม? นั่นก็เท่ากับว่า ตอนที่แต่งงานกับผม ในใจของคุณก็คิดถึงผู้ชายคนอื่น?”
หลินจือรู้สึกโมโหมาก ก็เลยถือโอกาสไม่แก้ไขไปเลย : “คุณจะโมโหขนาดนั้นทำไมล่ะคะ? คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ช่วงตอนที่แต่งงานกับฉัน ก็คลุมเครือกับซูซีอยู่ตลอดทั้งวัน”เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เขาก็มาว่าในใจของเธอคิดถึงแต่ผู้ชายคนอื่น ตัวเขาเองก็ดีไปกว่านี้เสียที่ไหนกัน?
เทาเท่ข่มความโมโหเอาไว้พลางอธิบาย : “เธอเป็นศิลปินในสังกัดของผม ผมกับเธอไปร่วมกิจกรรมต่างๆด้วยกันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ? พวกสื่อนักข่าวพวกนั้นเขียนกันไปมั่วๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผม?”
“เขียนมั่ว?” หลินจือรู้สึกโมโหกับคำพูดที่ดูเลี่ยงปัญหาสำคัญไป อดที่จะกล่าวหาเขาขึ้นมาไม่ได้ “คืนวันนั้นที่เราจดทะเบียนสมรสกัน คุณก็ไปค้างคืนกับซูซีที่โรงแรม เป็นสิ่งที่นักข่าวเขียนมั่วๆขึ้นมาอย่างนั้นเหรอคะ?”
หลินจือกับเทาเท่แต่งงานกันสามปี ปล่อยให้เขากับซูซีมีข่าวอื้อฉาวด้วยกันมากมาย เธอก็ไม่เคยเอ่ยพูดถึงต่อหน้าเทาเท่ซักคำเดียว โดยเฉพาะเรื่องนี้
คิดไม่ถึงเลยว่าหย่ากันไปเป็นปีแล้ว เธอจะยังกลับพูดถึงเรื่องเก่าๆซ้ำขึ้นมาอีก
หลินจือก็ไม่รู้ว่าทำไม หรือเป็นเพราะโมโหที่เทาเท่ห้ามคนอื่นให้ทำแต่ตัวเองกลับทำได้แบบนั้น
“วันที่จดทะเบียนสมรส?”แต่เทาเท่กลับทำเหมือนกับจำเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น หลินจือตาแดงขึ้นมาในทันที
“ประธานเทาเท่ ขอบคุณที่วันนี้คุณช่วยฉัน ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วฉันวางสายก่อนนะคะ” หลินจือไม่อยากจะคุยอะไรกับเขาอีกแล้ว หลังจากที่พูดเสร็จเธอก็รีบวางสายไปเลย
เรื่องนี้ในตอนนั้นหลินจือได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นั่นคือวันที่จดทะเบียนสมรสกันวันแรก เนื่องจากว่าไม่มีงานแต่งงาน วันนั้นจึงนับว่าเป็นวันแต่งงานวันแรกของพวกเขา
ตอนกลางคืน เธอเต็มไปด้วยความรอคอยที่จะรอเขากลับบ้าน แต่กลับเป็นการรอเรื่องที่ไม่คาดฝันที่เขากับซูซีอยู่ด้วยกันทั้งคืนที่โรงแรม
ในตอนนั้นเขาไม่ได้อธิบายกับเธอ และตอนนี้ก็ยังคงนิ่งเงียบเช่นเคย
หลินจือรับไม่ได้ หลังจากที่วางสายไปแล้วในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมา
เขาไม่แคร์เธอเลยแม้แต่นิดเดียวจริงๆ ถึงได้ทำร้ายเธอได้อย่างตามอำเภอใจแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
เทาเท่ที่อยู่ทางปลายสายถูกวางสายไปอย่างกะทันหัน ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา
เขาอยากจะบอกเธอว่าที่เขาอยู่ด้วยกันกับซูซีทั้งคืนนั้นคืออะไร อยากจะอธิบาย แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะไม่ฟังแล้ววางสายไปแบบนี้ เธอนี่ช่าง…..
เทาเท่ไม่รู้เลยว่าจะใช้คำไหนมาบรรยายเธอดี เขาเองก็นึกไม่ออกแล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เธอวางสายเขาไปแบบนี้
ผู้หญิงคนนี้ หลังจากที่หย่ากันแล้วก็ใช้ไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว!
วันนั้นที่เขากับหลินจือจดทะเบียนสมรสกัน ซูซีจะเป็นจะตายก็ร้องแต่จะฆ่าตัวตาย
พ่อแม่ของเธอ และแม่ของเขาโทรหาเขา ให้เขาไปปลอบซูซี
เขาไม่อยากเล่นกับชีวิตคน ถึงได้ไปที่โรงแรมที่ซูซีอยู่
หลังจากที่ซูซีก่อความวุ่นวายจบแล้วก็เป็นไข้ เขาจึงทำได้เพียงต้องอยู่ดูแลเธอ
เขายอมรับ ว่าในใจเขาตอนนั้นยังมีความรู้สึกต่อซูซี แต่คืนนั้นเขากับซูซีไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น