อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1 นังแพศยาถูกจับถ่วงน้ำ
ตอนที่ 1 นังแพศยาถูกจับถ่วงน้ำ
“นังแพศยา! ไสหัวเข้าไป!!”
เสียงตวาดด้วยโทสะดังขึ้นท่ามกลางรัตติกาลอันมืดมิด อวี้ชิงลั่วถึงกับซวนเซฉับพลันหลังถูกนายหญิงอวี๋โยนเข้าไปในห้องเก็บฟืน ครั้นเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูก็ถูกลงกลอนไว้เสียแล้ว
อวี้ชิงลั่วปกป้องครรภ์ของตนอย่างสุดความสามารถ นิ้วมือรีบคว้าตะกุยประตูบานเล็กที่ถูกปิดลง รูม่านตาหดเล็ก ขณะที่ปากตะโกนเรียก “ท่านแม่…”
“หุบปาก อย่ามาเรียกข้าว่าแม่ ศีลธรรมของเจ้ามันเน่าเฟะ แอบคบชู้แล้วยังอุ้มท้องเด็กสารเลวกลับมาอีก เจ้าทำให้ตระกูลของเราต้องอับอายขายขี้หน้า วันพรุ่งเจ้ารอนายท่านกลับมาจับใส่กรงถ่วงน้ำเสียเถอะ”
นายหญิงใหญ่อวี๋ที่ยืนอยู่นอกประตูมีใบหน้าเขียวคล้ำ น้ำเสียงฟังดูอำมหิต ไม่ได้มีความรักความเมตตาซ่อนอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย ราวกับแทบอดใจรอไม่ไหวอยากสังหารอวี้ชิงลั่วลูกสะใภ้ให้ตายอยู่ในนี้เพื่อมิให้รกหูรกตานางอยู่แล้ว
จับใส่กรงถ่วงน้ำ?
เดิมทีใบหน้าของอวี้ชิงลั่วก็ขาวซีดอยู่แล้ว แต่บัดนี้ดูราวกับโปร่งใสไร้ซึ่งเลือดฝาด คิดมิถึงเลยว่านางแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลอวี๋ได้ครึ่งปี ประพฤติตนเหมาะสมและปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมไม่ต่อสู้ไม่แย่งชิงมาโดยตลอด พยายามทำตัวให้เหมือนกับเป็นมนุษย์ล่องหนคนหนึ่ง แต่นางกลับขวางทางคนอื่น นางถูกวางแผนใส่ร้ายหนแล้วหนเล่า ท้ายที่สุด คิดไม่ถึงเลยว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องถูกขังกรงถ่วงน้ำ
“ท่านแม่ อย่าไปสุงสิงกับสตรีไร้ยางอายพรรค์นี้เลย เรื่องนี้ให้ลูกจัดการก็สิ้นเรื่อง นี่ก็ดึกแล้ว ท่านแม่ไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถิด” ในเวลานี้กลับมีเสียงทุ้มต่ำของบุรุษอีกคนดังขึ้นด้านนอกประตู
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ภายในห้องเก็บฟืนเงยหน้าขึ้นทันใด นางย่อมจำเจ้าของเสียงนี้ได้ว่าเป็นใคร นี่มิใช่อวี๋จั้วหลินสามีของนางที่ทิ้งนางในวันแต่งงานและหนีไปกับชู้รักหรอกหรือ? เขากลับมาในเวลาที่ประจวบเหมาะเสียเหลือเกิน ออกไปอยู่ข้างนอกไร้ซึ่งข่าวคราวมาครึ่งปี ทันทีที่กลับมาก็จับหมอคนหนึ่งมาโยนมาตรงหน้านาง ให้ตรวจสอบอะไรบางอย่างจนได้ข้อเท็จจริงว่านางมีข่าวดี
อวี้ชิงลั่วลอบขบฟันแน่น เรื่องนี้ช่างประหลาดพิกลนัก โดยเฉพาะการกระทำของอวี๋จั้วหลินที่โยนหมอมาไว้ตรงหน้า ซึ่งการแสดงออกในตอนนั้นเผยให้เห็นถึงความชั่วร้ายอย่างชัดเจนหลายส่วน
เสียงสวบสาบด้านนอกประตูค่อย ๆ ห่างไกลออกไป หัวใจของอวี้ชิงลั่วสะดุดไปจังหวะหนึ่ง จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงของอวี๋จั้วหลินดังขึ้นอีกหน “อวี้ชิงลั่ว ข้าเคยเตือนเจ้าตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอย่าริอ่านพยายามแต่งงานเข้ามาอยู่ในตระกูลอวี๋ แต่เป็นเพราะเจ้าดื้อดึงไม่เชื่อฟัง นี่จึงกลายเป็นจุดจบของเจ้า”
เสียงของเขาทุ้มต่ำและเนิบช้าราวกับพยายามเอ่ยผ่านช่องว่างของประตู ครั้นมันผ่านโสตประสาทของอวี้ชิงลั่วแล้วก็คล้ายลมหนาวสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้นางตัวสั่นสะท้านอย่างมิอาจบรรยายได้
“เดิมทีข้าก็แค่อยากให้ท่านหมอช่วยตรวจร่างกายให้เจ้าว่าแข็งแรงสมบูรณ์ดีหรือไม่ คิดมิถึงเลยว่าจะเกิดผลลัพธ์เหนือความคาดหมายเช่นนี้”
อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้างทันใด ในสมองเกิดความคิดหนึ่งแวบผ่าน พริบตาต่อมานางจึงเปล่งเสียงทุ้มต่ำราวกับไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่คิด “เจ้านี่เอง คืนนั้นเป็นแผนการของเจ้า บุรุษคนนั้นคือคนที่เจ้าหามา เจ้า…”
“เพลิดเพลินกับราตรีนี้ให้เต็มที่เถิด เรื่องที่เจ้าตั้งครรภ์เป็นความจริงที่มิอาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด เจ้าย่อมหนีจากการถูกจับใส่กรงถ่วงน้ำวันพรุ่งไม่พ้นแล้ว หึ ๆ” อวี๋จั้วหลินหัวเราะด้วยน้ำเสียงมืดหม่น เขาลุกขึ้นยืนในทันทีและโอบสตรีที่ยืนรออยู่เคียงข้าง ก่อนเบือนสายตาหมุนกายเดินออกไป
อวี้ชิงลั่วจ้องนิ่ง สองมือกำแขนเสื้อไว้แน่น จากนั้นจึงรู้สึกวิงเวียนก่อนล้มตัวลงนั่งบนพื้นในทันที
ขังกรงถ่วงน้ำ…ขังกรงถ่วงน้ำ…นี่คือจุดจบสุดท้ายของนาง นางต้องถูกขังกรงถ่วงน้ำจริง ๆ หรือ?
นี่คือจุดจบที่อวี้ชิงลั่วไม่เคยคาดคิดมาก่อน
คิดไม่ถึงเลยว่าอวี๋จั้วหลินจะโหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ เพียงเพราะต้องการดึงนางออกจากตำแหน่งนายหญิงน้อยตระกูลอวี๋ ต่อให้ทำลายชื่อเสียงของนางหรือแม้กระทั่งพรากชีวิตของนางก็ไม่นึกเสียดาย บุรุษผู้นี้ผู้ที่มียศเป็นถึงขุนพลหนุ่มแต่กลับประพฤติตนไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลเลย
อวี้ชิงลั่วหอบหายใจอย่างหนัก แค่นึกถึงเรื่องถูกขังกรงถ่วงน้ำ จิตใจของนางก็เคว้งคว้างไปหมด
อย่างไรก็ตามกลับไม่มีใครคาดคิดว่าการจับขังถ่วงน้ำที่ทุกคนโหยหาจะยังไม่เกิดขึ้น เพราะในช่วงกลางดึกคืนนั้นเองได้เกิดฟ้าผ่าหนึ่งสายลงบนหลังคาของห้องเก็บฟืนทรุดโทรมที่อวี้ชิงลั่วถูกขังอยู่ ไม้แห้งที่กองทับถมกันเกิดการเผาไหม้ในทันที เปลวไฟลุกโชติช่วงอย่างหนัก ส่องสว่างจ้าทั่วท้องนภาบริเวณจวนอวี๋ทั้งหมด
ห้องของอวี๋จั้วหลินอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้มารายงาน เขาจึงปลอบโยนสตรีที่นอนอยู่ข้างกาย ก่อนจะคลุมเสื้อวิ่งออกมานอกห้อง
รอบห้องเก็บฟืนเกิดความโกลาหลในทันที พ่อบ้านประจำตระกูลสั่งให้บ่าวรับใช้เริ่มดับไฟ ทว่าเพลิงนั้นโหมรุนแรงมาก จะให้ดับลงภายในระยะเวลาชั่วครู่ชั่วยามได้อย่างไร? แต่โชคดีที่ห้องเก็บฟืนนี้ตั้งแยกจากส่วนอื่นของจวน เปลวไฟจึงไม่ได้ลุกลามไปถึงห้องอื่น ๆ ภายในจวนอวี๋
ครั้นเห็นอวี๋จั้วหลินออกมา พ่อบ้านตระกูลอวี๋จึงวิ่งปาดเหงื่อมาอยู่ข้าง ๆ เขา ขมวดคิ้วมุ่นกล่าวว่า “นายน้อย นายหญิงน้อยยังอยู่ข้างใน พวกเรา…”
ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ อวี๋จั้วหลินก็จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบ “ใครคือนายหญิงน้อย? นั่นคือหญิงแพศยาต่างหาก”
“ขอรับ ขอรับ หญิงแพศยา หญิงแพศยาคนนั้นยังอยู่ด้านใน พวกเราควรถอดกลอนให้นางก่อน…”
“ถอดกลอนอะไร?” อวี๋จั้วหลินแค่นเสียงเย็นแหงนหน้ามองฟ้า ก็พบว่าท้องฟ้ายามราตรีแม้ว่าจะเกิดฟ้าร้องมิหยุด ทว่ากลับไม่มีหยาดฝนตกลงมาแม้แต่หยดเดียว ดวงตาของเขาหรี่เล็กลง รอยยิ้มค่อย ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก “นี่เป็นเพราะสวรรค์ไม่อยากปล่อยให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปให้อับอาย ดังนั้นจึงเกิดอสุนีบาตมายังตำแหน่งด้านบนห้องที่นางอยู่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ทำตามประสงค์ของสวรรค์เถิด คนอื่น ๆ ของจวนอวี๋จะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานไปด้วย”
ระหว่างที่พูด สายตาของเขาก็เบนไปทางห้องเก็บฟืนอย่างเงียบ ๆ ในเวลานี้เขากลับพบว่าประตูบานนั้นที่ลงกลอนไว้ถูกอวี้ชิงลั่วที่อยู่ด้านในออกแรงดึงด้วยแรงมหาศาล จนคิดไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้ประตูบานนั้นสั่นได้ ราวกับว่าหากผ่านไปอีกครู่หนึ่งอวี้ชิงลั่วจะสามารถพังประตูออกมาได้อย่างไรอย่างนั้น
คิ้วของอวี๋จั้วหลินพลันขมวดเป็นปม เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและพูดกับพ่อบ้าน “เจ้าบอกให้คนดับไฟระวังหน่อย อย่าให้ไฟลุกลามไปที่อื่น ส่วนห้องเก็บฟืนคงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ไม่ต้องไปสนใจ”
พ่อบ้านก้มหน้ารับคำ “ขอรับ”
เพียงแต่ตอนที่เขากำลังจะไป ก็ถูกอวี๋จั้วหลินเรียกกลับมาอีกหน “เจ้าไปหาคนมาสักสองคนที่พึ่งพาได้ ไปผนึกปิดตายประตูห้องเก็บฟืนซะ”
พ่อบ้านชะงัก ทว่ากลับไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด และหมุนกายเดินออกไป
อวี๋จั้วหลินแค่นเสียงหัวเราะเสียงทุ้มต่ำออกมา แสงไฟที่อยู่ห่างออกไปมิไกลตกกระทบลงบนใบหน้าดำทะมึน เป็นความเย็นชามืดมนดูผิดปกติ ราวกับว่าคนที่กำลังดิ้นรนเฮือกสุดท้ายภายในห้องเก็บฟืนเป็นแค่มดตัวหนึ่งที่ชีวิตมีราคาถูกเช่นกระดาษ
อวี้ชิงลั่วที่อยู่ภายในห้องเก็บฟืนตอนนี้กลับโอบกอดความหวังสุดท้ายไว้ เมื่อเห็นไฟยังไม่ลุกลามมาทางประตูฝั่งนี้ นางจึงใช้แรงทั้งหมดที่มีในการดึงประตูห้องเก็บฟืน
เมื่อเห็นว่าประตูเริ่มหลวมเล็กน้อย บนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ แต่ไม่นานนักก็ได้ยินเสียง ‘ตึง ๆ ๆ’ ดังขึ้นจากด้านนอก
ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วขาวซีดในทันใด ฉับพลันต่อมานางก็เข้าใจได้ ร่างกายของนางพลันไร้เรี่ยวแรง ด้วยประตูบานนั้นต่อให้ดึงก็ไม่ขยับอีกแล้ว
เปลวเพลิงภายในห้องเก็บฟืนโหมหนักขึ้นเรื่อย ๆ เพียงไม่นานเขม่าควันก็ทำให้ทัศนวิสัยและสติสัมปชัญญะของอวี้ชิงลั่วพร่ามัวและวิงเวียน ผ่านไปครู่หนึ่ง สติของนางก็ค่อย ๆ เลือนราง ใบหน้าที่ซูบผอมซีดเซียวดวงนั้นมีสีดำปกคลุมเพิ่มมาอีกหนึ่งชั้น
เสียงผนึกประตูจากด้านนอกยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นางกำลังสำลักควันจนสติค่อย ๆ เลือนหาย นัยน์ตาเหลือกขึ้น ในที่สุดก็สิ้นสติเพราะมิอาจทนไหวอีกต่อไป
เปลวไฟภายในห้องเก็บฟืนทำให้หนูแก่และแมลงสาบวิ่งพล่านไปทั่วด้วยความตกใจ พวกมันวิ่งส่งเสียงจี๊ด ๆ ๆ ผ่านเรือนร่างของนาง หายไปไม่เหลือให้เห็นแม้แต่ร่องรอย
อวี้ชิงลั่วคิดได้ในตอนนี้เองว่าการขังกรงถ่วงน้ำกับถูกขังให้ไฟคลอกนั้นไม่ได้ต่างกันเลย หากจะโทษก็คงทำได้เพียงโทษนางที่แต่งงานกับคนไม่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าจะเจอกับคนที่มีจิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตเช่นนี้…
………………………….
สารจากผู้แปล
เปิดมาก็โดนใส่ร้ายว่าคบชู้จนมีลูก กับโดนขังอยู่ในห้องเก็บฟืนให้ไฟคลอกตายแล้ว ทำไมชีวิตนางเอกนิยายจีนมันช่างรันทดอะไรอย่างนี้น้า
อิสามีนี่น่าจับตอนให้เป็ดกินจริง ๆ เลวมาก โทษฐานเจตนาใส่ร้ายและจัดฉากฆ่าภรรยาแต่งได้ลงคอ ไม่ชอบเขาก็หย่าไปให้จบๆ สิเว้ย มาฆ่าแกงเขาเพื่ออะไร
ปล.เรื่องนี้มีฉบับซีรีส์คนแสดงในแอพ youku และ monomax อยู่นะคะ ผู้อ่านลองไปดูกันได้ เพียงแต่การลำดับเรื่องจะแตกต่างจากในนิยายอยู่ค่ะ ในซีรีส์คือเซอร์วิสกระจาย ผู้แปลดูแล้วจิกมือเลยค่ะ
ไหหม่า (海馬)