อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1001 ใครทรมานเป่าเอ๋อร์
ตอนที่ 1001 ใครทรมานเป่าเอ๋อร์
ตอนที่ 1001 ใครทรมานเป่าเอ๋อร์
องครักษ์หลิวตกตะลึงและกำลังจะถามอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ องครักษ์บนหลังคาก็ดูเหมือนจะหมดเรี่ยวแรงไปทีละคน ก่อนจะร่วงลงมาจากด้านบนตามกันมาติด ๆ
ดวงตาของเขาเบิกโพลงด้วยความตกใจ วินาทีต่อมา เขารู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยและอ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว
เขาหยิกตัวเองอย่างแรง ใช้ดาบยันพื้น แล้วมองอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ
อวี้ชิงลั่วยืนตัวตรงหัวเราะ “เหมิงกุ้ยเฟยเคยบอกเจ้าหรือไม่ ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้า ไม่ควรพูดเรื่องไร้สาระมากเกินไป แต่ให้รีบฆ่าข้าเสีย?”
องครักษ์หลิวตกตะลึง คำพูดเหล่านี้… เหมิงกุ้ยเฟยบอกเขาแล้ว เพียงแต่… เขาไม่คาดคิดว่าตนจะประมาท
“ครั้งล่าสุดที่เหมิงพั่วตกอยู่ในกำมือของข้า ก็เป็นเพราะเขาพูดมากเกินไป และไม่ได้ชิงฆ่าข้าตั้งแต่แรก เขาจึงถูกข้าวางยา” อวี้ชิงลั่วเดินไปหาเขาด้วยความสาแก่ใจ นั่งยองด้วยรอยยิ้ม ก่อนจิกผมเขา แล้วกระแทกศีรษะเขากับพื้นอย่างแรง
ซวนหย่ารีบเบือนหน้าหนี โหดร้ายเกินไป โหดร้ายเกินไปแล้ว นางไม่อยากเห็นเลย
เมื่อองครักษ์หลิวโดนนางโจมตี ฟันซี่หนึ่งของเขาก็กระเด็นออกมาทันที แต่ยังคงมีสติ “เจ้า…”
“ว่าอย่างไร เหตุใดจึงออกฤทธิ์ช้านักเล่า?” ผงยาของนางต้องใช้ที่กลางลานบ้าน ใกล้กับบ้านหลังเล็ก ๆ ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ผล
นั่นเป็นเหตุผลที่ลู่หลานเฟิงและลู่หลานอวิ๋นถ่วงเวลาไว้ ทำให้นางมีโอกาสมากมายในการเตรียมตัว
นางรู้อยู่แล้วว่าองค์ชายเจ็ดพยายามลักพาตัวเป่าเอ๋อร์อย่างเต็มที่ จึงจับเขาเข้าวังมาอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้ส่งคนเพียงไม่กี่คนนี้มาเฝ้าเขาแน่ และไม่ปล่อยให้องครักษ์หลิวคนเดียวจัดการกับลู่หลานเฟิงและน้องสาวที่ไม่ได้มีฝีมือธรรมดา
อวี้ชิงลั่วไม่ใช่คนโง่ หากนางกระโดดลงไปในกับดักของคนอื่นอย่างง่ายดาย นางคงไม่พาหนานหนานตะลุยยุทธจักรมาเป็นเวลาหลายปีได้โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ
“ฮึ่ม ท่านอัน ท่านปู่ฮวา มัดพวกมันทุกคนให้หมด”
อวี้ชิงลั่วยืนขึ้น จากนั้นสายตาของนางก็เปลี่ยนไปจับจ้องห้องเล็ก ๆ ลู่หลานอวิ๋นแกะตาข่ายออกแล้ว อวี้ชิงลั่วรีบเดินเข้าไปหา โดยจูงมือของท่านยายฮ่วนไปด้วย
เมื่อเห็นกล่องเหล็กตรงหน้า อวี้ชิงลั่วก็เม้มปากแน่น
“ท่านยายฮ่วน รีบไขกุญแจเร็วเข้า”
“ได้เลย” ท่านยายฮ่วนย่อตัวลงมองแม่กุญแจอย่างระมัดระวัง วินาทีต่อมา นางออกแรงด้วยสองนิ้ว และมีเสียงดัง “คลิก” จากแม่กุญแจ
ในพริบตาเดียว แม่กุญแจขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนกล่องเหล็กก็ร่วงลงพื้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังออกมาจากภายในกล่อง อวี้ชิงลั่วตกใจและรีบเปิดฝากล่อง
วินาทีต่อมา อวี้เป่าเอ๋อร์ที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือดก็ล้มลงมาหานางอย่างไร้เรี่ยวแรง
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจลึก แล้วรีบกอดเขาไว้ “เป่าเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์”
อวี้เป่าเอ๋อร์อยู่ในอาการมึนงง เขาลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก แล้วเผยรอยยิ้ม “พี่สาว ในที่สุด…ก็ได้เจอกัน”
“เฮ้ ไม่เป็นอะไร พี่อยู่นี่แล้ว พี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องทรมานเช่นนี้อีกแล้ว” มีบาดแผลทั่วตัว ทั้งตัวจึงเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่นด้วยใบมีด ทั้งแขน ใบหน้า ต้นขา ตามลำตัว ล้วนเต็มไปด้วยรอยมีดกรีด
เลือดทั่วร่างกายของอวี้ชิงลั่วดูเหมือนจะจับตัวเป็นก้อน ในที่สุดนางก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดของหนานหนานที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงตลอดทั้งคืน
ขันทีและคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงเช่นกัน “ช่างโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรมเสียจริง”
ลู่หลานเฟิงรีบพาอวี้เป่าเอ๋อร์ออกมา “หาเตียงให้เขานอนก่อน ชิงลั่ว เจ้ารีบไปช่วยรักษาเขา”
“… อืม” เสียงของอวี้ชิงลั่วแหบแห้ง มือและเท้าของนางสั่นเทา แต่ยังคงสูดหายใจลึก แม้กลิ่นเลือดจะโชยเข้าจมูก นางก็ยังสูดหายใจเข้า แล้วเดินตามหลังลู่หลานเฟิงออกไปด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ
เมื่อเดินผ่านองครักษ์หลิวที่ยังคงนอนนิ่งเงียบ นางก็ขยี้เหยียบนิ้วก้อยของเขาโดยไม่แม้แต่จะคิด
ลู่หลานเฟิงอุ้มอวี้เป่าเอ๋อร์ไปที่ห้องนอนของคังเฟย แล้ววางเขาไว้บนเตียงของคังเฟย จากนั้นก้าวถอยออกไป เพื่อให้อวี้ชิงลั่วตรวจอาการ
ซวนหย่ารีบไปหยิบอ่างน้ำมาเช็ดตัวให้เขาอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นบาดแผล นางก็อดไม่ได้ที่จะกำมือแน่น และเบือนหน้าหนีเงียบ ๆ
อวี้ชิงลั่วค่อย ๆ ทายาลงบนบาดแผลของเขา คนเหล่านั้นช่างโหดร้ายไร้มนุษยธรรมนัก พวกเขาต้องการทรมานอวี้เป่าเอ๋อร์ โดยไม่ปล่อยให้เขาตาย
หลังจากแสบทรมานอยู่พักหนึ่ง นางก็ทายาห้ามเลือดให้เขา
เมื่อพักผ่อนเพียงพอแล้ว ก็ทำซ้ำอีก
อวี้ชิงลั่วนึกภาพไม่ออกว่าสองวันที่ผ่านมา อวี้เป่าเอ๋อร์ต้องใช้ชีวิตทรมานราวตกนรกเช่นไร
“เป่าเอ๋อร์ เป็นความผิดของพี่เองที่ไม่ปกป้องเจ้าให้ดี” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วปนสะอื้น นางจับมือเล็ก ๆ ของเขาไว้ ทั้งร่างของนางเย็นยะเยือก
ริมฝีปากที่แห้งแตกและซีดเซียวของอวี้เป่าเอ๋อร์ขยับ สักพักเขาก็ลืมตาขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง “พี่สาว…”
“ข้าอยู่นี่ ข้าอยู่นี่”
“หนานหนาน หนานหนานเป็นอะไรหรือไม่?”
ซวนหย่าที่อยู่ข้าง ๆ สูดหายใจเข้า นางไม่อยากดูอีกต่อไปแล้ว จึงหันหลังเดินออกจากห้องไป
เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว แต่สิ่งแรกที่เขาพูดเมื่อฟื้นขึ้นมา ก็ยังแสดงชัดว่าเขาเป็นห่วงหนานหนาน ความใสซื่อของเด็กคนนี้ชวนให้ปวดใจยิ่งนัก
อวี้ชิงลั่วหัวเราะ ลูบหัวเขาและพูดเสียงเบาว่า “หนานหนานสบายดี เขาเป็นห่วงเจ้ามาก ดังนั้นเจ้าต้องรีบหายเร็ว ๆ เข้าใจหรือไม่?”
“อืม มีพี่สาวอยู่ด้วย เดี๋ยวข้าก็หาย” อวี้เป่าเอ๋อร์หัวเราะ เพียงแค่ขยับ ริมฝีปากของเขาก็ดูเหมือนจะแตกออก เขาจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
อวี้ชิงลั่วรีบห้ามเขา “อย่าขยับ พักผ่อนให้เพียงพอ ข้าทายาให้เจ้าแล้ว หลังจากพักผ่อนสักสองสามวัน เจ้าก็จะดีขึ้น”
“อืม” เมื่อได้เจออวี้ชิงลั่ว อวี้เป่าเอ๋อร์ก็ผ่อนคลายความเครียดลง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความอ่อนแรงไปทั้งตัว
อวี้ชิงลั่วสูดหายใจเข้าลึก ห่มผ้าห่มให้เขา ก่อนลุกขึ้นและเดินออกจากห้องชั้นใน
ท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว อวี้ชิงลั่วเดินไปที่ลานตำหนัก แล้วดึงตัวองครักษ์หลิวขึ้นมาเตะกล่องดวงใจของเขาอย่างแรง
“อึก…” รูม่านตาขององครักษ์หลิวหดตัว เขาฟื้นคืนสติเพราะความเจ็บปวด
ลู่หลานเฟิงและอันฝูซือที่อยู่ด้านข้างรู้สึกเจ็บแทน และราวกับว่าพวกเขาเป็นคนที่เจ็บปวดเสียเอง
“บอกมา เมื่อคืนนี้ใครทรมานเป่าเอ๋อร์ในห้อง?”
“อึก ข้า ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงอะไร?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มเย้ยหยัน รอยยิ้มของนางเย็นชายิ่งนัก ทำให้แม้แต่ท่านยายฮ่วนที่มักไม่ลงรอยกับนางก็ยังอดตัวสั่นสะท้านไม่ได้
“เจ้าไม่รู้ว่าข้ากำลังพูดถึงอะไรงั้นหรือ?” นางปล่อยมือจากเขา เข็มเงินสองเล่มพลันปรากฏขึ้นที่ซอกนิ้วของนาง ก่อนจะแทงเข้าที่หน้าผากขององครักษ์หลิว
“อ๊าก… อ๊าก… อ๊าก…” องครักษ์หลิวกรีดร้อง ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ร่างกายสั่นเทาราวกับจะขาดใจตาย
เมื่อองครักษ์ที่ถูกมัดอยู่ไม่ไกลเห็นดังนั้นก็อ้าปากค้าง
อวี้ชิงลั่วหันมาสนใจพวกเขา และเผยให้เห็นเข็มเงินในมืออีกครั้ง องครักษ์ที่พยายามซ่อนตัวอยู่ถอยหลังไปสองก้าว และพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่พวกเรา คนที่ทรมานเด็กคนนั้นเป็นคนของคังเฟย”
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น “จริงหรือ?”
องครักษ์พยักหน้าซ้ำ ๆ “ท่านโปรดเมตตาด้วย”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจที่จะคุยกับเขา ขณะที่นางกำลังจะถามว่าเป็นใคร จู่ ๆ ลู่หลานเฟิงก็พูดว่า “คังเฟยกลับมาแล้ว”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาลง แล้วแสยะยิ้มชวนขนลุก
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชิงลั่วภาคเจ้าแม่ทุรคามาแล้วสินะ ทำร้ายน้องเขาสาหัสขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)