อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1002 สมควรตาย
ตอนที่ 1002 สมควรตาย
ตอนที่ 1002 สมควรตาย
คังเฟยเดินอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยนางกำนัลในราชสำนัก ขันทีและองครักษ์กลุ่มใหญ่ มุ่งหน้ามายังตำหนักจิ่นหวาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
ก่อนเข้าประตูตำหนัก เสียงเย็นชาก็ดังขึ้น “เจ้าเด็กแสบนั่นกล้าดีอย่างไรมาโกหกเปิ่นกง ประเดี๋ยวต้องทำให้ได้ชดใช้อย่างสาสม องครักษ์หลี่ เจ้ารีบไปพาตัวเจ้าคนสารเลวนั่นมาให้เปิ่นกงเร็ว ๆ จับเป็นไม่ต้องจับตาย”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์หลี่ที่อยู่ข้างหลังนางรีบตอบรับ พวกเขายังคงประมาท จึงไม่ได้สังเกตว่าเด็กแสบที่ว่านั้นหายไปเมื่อใด
“ข้าถูกคนของเย่ซิวตู๋ทำให้อับอายขายหน้า ข้าต้องเอาคืนจากเด็กคนนั้นให้ได้” คังเฟยพูดด้วยสีหน้าชั่วร้าย นางกำนัลและขันทีที่อยู่ข้างหลังอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน
เมื่อสักครู่นี้พวกเขาวิ่งไปที่ห้องบรรทมของฮ่องเต้ ที่ล้อมรอบด้วยทหารรักษาพระองค์ที่เย่ซิวตู๋ทิ้งไว้ ทุกคนมีใบหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก และทั้งวังหลวงก็เงียบอย่างน่าขนลุก
เมื่อได้ยินเหตุผลที่พวกเขามา ทหารรักษาพระองค์ต่างก็หัวเราะเยาะ และบอกว่าวันนี้องค์ชายซิวยังไม่ได้เข้าวังเลย
เหมียวกงกงถึงกับวิ่งออกมาหลังจากได้ยินเสียง โดยบอกว่าคังเฟยกำลังรบกวนการพักผ่อนของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้สั่งให้คังเฟยกลับไปที่ตำหนักจิ่นหวา แล้วให้หันหน้าเข้าหากำแพงสำนึกผิด
องครักษ์หลี่ใช้โอกาสนี้พิสูจน์ให้ชัดเจนว่าองค์ชายซิวไม่ได้เข้ามาในวัง นับประสาอะไรกับองค์ชายสี่
คังเฟยรู้ตัวว่าตนถูกหลอก ตอนนั้นนางจึงกลั้นใจเดินไปที่อุทยานหลวงพร้อมกับโทสะที่พลุ่งพล่านทันที ในเมื่อไม่มีเจ้าเด็กแสบนั่นอยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นคนรับใช้เหล่านี้ก็ต้องเป็นที่ระบายอารมณ์แทน ขันทีสองคนที่อยู่ตรงนั้นถูกคังเฟยเตะอย่างแรง และถูกองครักษ์หลี่ลากไปสังหาร
ตอนนี้นางกลับมาแล้ว… และกำลังจะเอาคืนจากเด็กคนนั้นให้สาสม…
คนรับใช้ที่ติดตามคังเฟยเริ่มเห็นใจเด็กที่ถูกขังอยู่ในกล่องเหล็ก พวกนางได้ยินมาว่าเขาถูกสั่งทรมานทั้งคืน และตอนนี้คังเฟยก็กำลังโกรธมาก เกรงว่าต่อให้เขาจะไม่ตายก็คงต้องตายทั้งเป็น
เขาก็เป็นแค่เด็ก…
ทว่าด้วยท่าทางในตอนนี้ของคังเฟย ก็ทำให้ไม่มีใครกล้าโน้มน้าวนาง พวกเขาทำได้เพียงเดินตัวสั่นตามหลังนางไปตำหนักจิ่นหวา และเดินไปที่ห้องนอนของนาง
มีเพียงประตูห้องที่ปิดอย่างแน่นหนา ไม่มีคนรับใช้รอบห้องนอนเลยแม้แต่คนเดียว
คังเฟยรู้สึกโกรธจัด จนไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ทว่าองครักษ์หลี่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงรีบตรวจตราตำหนักด้วยสายตาระแวดระวัง
ในที่สุดเมื่อเขาเห็นกองเลือดอยู่ไม่ไกล เขาก็สูดหายใจเข้าลึก แล้วรีบส่งเสียงห้ามคังเฟย “ช้าก่อนเหนียงเหนียง…”
ทว่าเสียงของเขายังคงช้าไปหนึ่งก้าว คังเฟยได้ผลักประตูเปิดเข้าไปแล้ว
วินาทีต่อมา ทั้งร่างของนางก็แข็งทื่อทันที และนางมองอวี้ชิงลั่วที่กำลังนั่งอย่างเฉื่อยชาบนเก้าอี้ หันหน้ามาทางประตูห้องนอนด้วยความประหลาดใจ
“เจ้า…”
“คังเฟยเหนียงเหนียง ท่านเพิ่งบอกว่าอยากจะเอาคืนเด็กคนไหนหรือ?” อวี้ชิงลั่วเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชา ขณะวางนิ้วลงบนที่วางแขนของเก้าอี้เบา ๆ และเผยรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษภัย
คังเฟยเขย่งเท้าก้าวถอยหลัง วินาทีต่อมา เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น “ทหาร มีมือสังหาร มีมือสังหาร…”
เมื่อพูดจบ นางก็รีบหันหลังวิ่งออกไปนอกประตูตำหนักจิ่นหวา
แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ประตูตำหนักอันหนาทึบก็ค่อย ๆ ปิดลงต่อหน้านาง
องครักษ์หลี่รีบยกดาบขึ้น เพื่อปกป้องคังเฟย “เจ้า… เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยรอยยิ้ม ก่อนเดินออกไปนอกห้องทีละก้าว จนกระทั่งนางอยู่ห่างจากคังเฟยราวห้าก้าว จึงหยุดยืนนิ่ง “แน่นอนว่าข้าเดินเข้ามา ไม่เช่นนั้นจะให้ทำอย่างไร? เจาะพื้นมุดเข้ามาหรือ”
ขณะที่นางพูด สายตาคมกริบของนางก็จับจ้องไปที่คังเฟย
สีหน้าของคังเฟยซีดเซียวทันที เมื่อต้องเผชิญกับสายตาเย็นชาราวอากาศกลางเดือนสิบสองของอวี้ชิงลั่ว ร่างกายของนางก็เริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“องครักษ์หลิว องครักษ์หลิว ออกมาปกป้องเปิ่นกงเดี๋ยวนี้” คังเฟยหันไปทางอื่น แล้วตะโกนไปที่มุมหนึ่งของตำหนักจิ่นหวา
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ “คังเฟยเหนียงเหนียง ท่านหมายถึงองครักษ์หลิวคนนี้ใช่หรือไม่?”
คังเฟยชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจ้องมองตามสายตานาง ก่อนจะอ้าปากค้างทันที นางเห็นองครักษ์คนหนึ่งลากตัวองครักษ์หลิวที่กำลังชักกระตุกไปทั้งตัวมาโยนลงตรงหน้านาง
“กรี๊ด…” คังเฟยกรีดร้องดังลั่น และรีบปิดตาตัวเอง
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา ดวงตาของนางเย็นชายิ่งกว่าเดิม “คังเฟยเหนียงเหนียง ท่านจะเรียกใครอีก? ข้าจะได้ไปหาทีละคนแล้วพามาหาเจ้า ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ไม่ว่าคังเฟยจะตื่นตระหนกและหวาดกลัวเพียงใด หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนี้ นางก็เข้าใจทันทีว่าทหารองครักษ์ของนางทุกคนในตำหนักจิ่นหวาถูกอวี้ชิงลั่วจัดการไปหมดแล้ว
สตรีคนนี้ สตรีคนนี้มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไร?
แม้คนอื่นไม่รู้ แต่นางรู้ดี นางรู้ว่ามีคนจำนวนมากซ่อนตัวอยู่ในตำหนักจิ่นหวา และนางรู้ว่าองค์ชายเจ็ดให้ความสำคัญกับอวี้เป่าเอ๋อร์ในฐานะตัวประกันมากเพียงใด
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่สามารถออกมาปรากฏตัวได้แม้แต่คนเดียว
แต่เมื่อกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อวี้ชิงลั่ว… มีคนเพียงหกเจ็ดคนเท่านั้น พวกเขาเป็นใครกัน? ถึงได้สามารถ… จัดการกับสมุนขององค์ชายเจ็ดทุกคนได้อย่างเงียบเชียบ
เมื่อคังเฟยนึกได้เช่นนั้น หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็นจังหวะ อวี้ชิงลั่วคนนี้ช่างน่ากลัวเสียนี่กระไร
นางอดไม่ได้ที่จะถอยหลังหนี องครักษ์หลี่รู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันไม่เอื้ออำนวยต่อพวกเขา สายตาของเขาจ้องมองไปด้านหลังอวี้ชิงลั่วอย่างระมัดระวัง และเขาก็ถอยหลังเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “พวกเจ้าคิดจะไปไหนกันอีก?”
ดวงตาขององครักษ์หลี่เป็นประกาย ทันใดนั้นเขาก็ตะโกนเสียงดังว่า “กำจัดอวี้ชิงลั่ว”
องครักษ์หลายสิบคนที่ยืนรายล้อมคังเฟยรีบปรี่ไปหาอวี้ชิงลั่ว แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปประชิดตัวได้ ซวนหย่าและคนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างอวี้ชิงลั่วก็รีบวิ่งไปขวางไว้อย่างรวดเร็ว
องครักษ์หลี่ใช้ประโยชน์จากความวุ่นวาย รีบพาคังเฟยวิ่งออกไปข้างนอก
ทว่าทันทีที่พวกเขาเปิดประตูตำหนักจิ่นหวา คนผู้หนึ่งก็มาขวางหน้าพวกเขาไว้
อันฝูซือเย้ยหยัน “องครักษ์หลิวและเหล่าองครักษ์มากมายยังไม่อาจต้านทานพวกเราได้ แต่คิดจะพึ่งพาเพียงแค่องครักษ์กระจอกผู้นี้หรือ? ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง”
องครักษ์หลี่อดรู้สึกไม่ได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาจึงรีบผลักคังเฟยออกไปข้างนอก “เหนียงเหนียงเร็วเข้า กระหม่อมจะขวางอยู่ที่นี่ รีบออกจากตำหนักไปหาองค์ชายสี่เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้ โอ้” คังเฟยไม่แม้แต่จะมององครักษ์หลี่ นางรีบยกชายกระโปรงวิ่งออกไปทันที
นางก้าวเท้าอย่างทุลักทุเล จนเดินโซเซไปสะดุดล้มอยู่ตรงบันไดนอกประตูตำหนัก ทันใดนั้นก็มีคนมากมายมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้านาง
คังเฟยเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ สูดหายใจเข้าลึก แล้วเริ่มถอยหลัง
แต่เสียงทุ้มทรงพลังยังคงดังก้องอยู่ในหูของนาง “คังเฟยแอบชุบเลี้ยงกองกำลังทหารส่วนตัว ประพฤติชั่ว พยายามปลงพระชนม์องค์หญิงเทียนฝูแห่งอาณาจักรเทียนอวี่ มีเจตนาซ่อนเร้นเช่นนี้สมควรตาย”
“พวกเจ้า พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกัน พวกเจ้า…” คังเฟยล้มลงกับพื้นทันที ขณะมองไปยังกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างหน้านาง ด้วยกายอันสั่นเทาอย่างอธิบายไม่ถูก
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครปรากฏตัวกันนะ ท่านอ๋องซิวหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)