อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1003 นางเป็นคนที่ถูกลูกชายทอดทิ้ง
ตอนที่ 1003 นางเป็นคนที่ถูกลูกชายทอดทิ้ง
ตอนที่ 1003 นางเป็นคนที่ถูกลูกชายทอดทิ้ง
อวี้ชิงลั่วได้เดินข้ามลานตำหนักมาแล้ว และเดินช้า ๆ ไปที่ประตูตำหนัก
นางเชิดหน้ามองลงไปยังคังเฟยที่ล้มลงกับพื้นด้วยสายตาเย็นชา แล้วมองไปที่ไทเฮา ฮองเฮา ซูเฟย หลิวเฟย และคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้าคังเฟย
จู่ ๆ หลิวเฟยก็ก้าวเข้าไปตบคังเฟยอย่างแรง “เจ้ามันหญิงสารเลว แสร้งเป็นสหายกับข้ามาตลอดหลายปี แต่คาดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายเจ้าจะฆ่าโอรสของข้าได้ลงคอ”
ขณะที่นางพูด นางก็เงยหน้าขึ้นไปมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาที่ซับซ้อน
นางไม่ได้ชื่นชอบอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋มาก่อน แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะช่วยครอบครัวขององค์ชายสามไว้ และช่วยลูกชายกับหลานชายของนางในท้ายที่สุด
คังเฟยหน้าหันหลังจากถูกสะบัดตบ ก่อนจะหันหน้ามาด้วยสีหน้าชั่วร้าย แล้วจ้องมองหลิวเฟย “เพราะเจ้ามันโง่เอง เรื่องนี้จะโทษใครได้?”
“เจ้า…” หลิวเฟยต้องการจะเข้าไปสั่งสอนนางอีกครั้ง แต่ไทเฮากระแอมเบา ๆ
ทันใดนั้นหลิวเฟยก็ตัวสั่นด้วยความตกใจ แล้วรีบลุกขึ้นและถอยไปอยู่ข้างหลังไทเฮาอย่างเชื่อฟัง
สายตาของคังเฟยจับจ้องไปที่ไทเฮา ตอนนี้นางรู้สึกกลัวมาก จึงรีบเข้าไปไปหาไทเฮาอย่างลนลาน “ไทเฮา โปรดไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเพคะ หม่อมฉันถูกบังคับ หม่อมฉันถูกบังคับ”
“ถูกบังคับหรือ?” อวี้ชิงลั่วที่ยืนพิงประตูพูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เช่นนั้นการที่องค์ชายสี่คิดจะปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เขาก็ถูกบังคับด้วยงั้นหรือ?”
“อะไรนะ?” ไทเฮาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ “องค์หญิงเทียนฝู เจ้าเพิ่งพูดอะไร? องค์ชายสี่คิดจะปลงพระชนม์ฝ่าบาทหรือ?”
“ใช่แล้วเพคะ”
ฮองเฮาหรี่ตา ซูเฟยและคนอื่น ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย องค์ชายสี่ที่ขี้อายและเอาแต่หลบอยู่หลังองค์ชายสามมาตลอด กลับบังอาจมีความมักใหญ่ใฝ่สูงและโหดร้ายเช่นนี้
ไทเฮาปัดมือคังเฟยออกไป แล้วพูดกับอวี้ชิงลั่วด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “องค์หญิง จัดการคังเฟยได้ตามใจ หากเจ้าต้องการจะฆ่าหรือทรมาน อายเจียก็จะไม่เอ่ยคำใด”
คำพูดของไทเฮาไม่ใช่สิ่งที่อวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ รอคอยหรอกหรือ?
นางกังวลจริง ๆ ว่าหากไทเฮามาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้ อาจจะยอมประนีประนอมกับคังเฟย เพราะยังเห็นแก่ภาพลักษณ์ของราชวงศ์
ตอนนี้ไทเฮารู้แล้วว่าการปลงพระชนม์ฮ่องเต้เป็นความคิดขององค์ชายสี่ เกรงว่านางคงจะเกลียดคังเฟยเข้ากระดูกดำไปแล้ว
คังเฟยตกตะลึง จากนั้นหันไปมองอวี้ชิงลั่ว ฝ่ายหลังแสยะยิ้มมุมปาก สีหน้าของนางดูเหมือนมาจากนรก ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
การเผชิญหน้ากับนาง ทำให้คังเฟยหวาดกลัวมากกว่าต้องเผชิญหน้ากับไทเฮา
“ไม่… ไม่…” คังเฟยรีบถอยหนี เสื้อผ้าบนร่างกายของนางลากไปบนพื้นจนสกปรกไปหมด
ในเวลานี้อันฝูซือและคนอื่น ๆ ก็มัดองครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ได้หมดแล้ว แล้วเดินไปข้างหน้าพวกเขา
จับพวกเขาทั้งเป็น…
จากนั้นคังเฟยก็หวาดกลัวจริง ๆ น้ำเสียงของนางสั่นเครือ “เจ้าจะฆ่าเปิ่นกงไม่ได้ ไม่เช่นนั้นองค์ชายสี่จะมาล้างแค้นให้เปิ่นกงแน่นอน องค์ชายสี่จะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่นอน”
อวี้ชิงลั่วย่อตัวลง พร้อมกับทำสีหน้าเย้ยหยัน “คังเฟยเหนียงเหนียง เหตุใดท่านจึงไร้เดียงสาเช่นนี้? ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าตนถูกองค์ชายสี่ทิ้งไว้ในวัง เป็นคนที่ถูกลูกชายทอดทิ้งไปแล้ว”
“เจ้ากำลังพูดบ้าอะไร?”
“นี่ คังเฟยเหนียงเหนียง หากองค์ชายสี่เห็นคุณค่าของท่านจริง ๆ เขาย่อมต้องพาท่านหนีออกจากวัง เหมือนองค์ชายเจ็ดที่พาเหมิงกุ้ยเฟยหนีไป แทนที่จะทิ้งท่านไว้ตามลำพังในวังที่ถูกปิดล้อมเช่นนี้ เขารู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งหากอ๋องซิวโกรธขึ้นมา คนแรกที่ในวังที่จะถูกดาบตัดคอก็คือท่าน หากท่านอยู่ที่นี่ก็จะไม่มีทางหนีไปได้ เจ้าก็เห็นว่าองครักษ์ขององค์ชายเจ็ดไม่ฟังท่านเลย และทหารองครักษ์ของท่าน… แค่สิบกว่าคน จะทำอะไรได้? องค์ชายสี่จะส่งทหารเดนตายอีกสักสองสามคนมาคุ้มกันท่านงั้นหรือ?”
ด้วยคำพูดที่ชัดเจนเช่นนี้ คังเฟยก็รู้สึกราวกับว่าตัวเองถูกสายฟ้าฟาด ร่างกายของนางพลันอ่อนปวกเปียก
ไทเฮาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา และจากไปพร้อมกับฮองเฮาและคนอื่น ๆ
อวี้ชิงลั่วยืนขึ้นช้า ๆ และพูดกับซวนหย่า “พานางเข้ามา”
ซวนหย่ารู้สึกขยะแขยงเล็กน้อย นางชอบจับผู้ชายหล่อ ๆ มากกว่า นางไม่อยากแตะต้องหญิงชราคนนี้เลย
แต่เมื่อนึกถึงบาดแผลเหวอะหวะทั่วร่างกายของอวี้เป่าเอ๋อร์ นางก็ลากคังเฟยเข้าไปข้างในอย่างเชื่อฟัง ราวกับว่าถูกปลุกความฮึกเหิมขึ้นมา
ประตูตำหนักจิ่นหวาถูกปิดลงอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วนั่งบนเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์อีกครั้ง พลางมองทหารองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่ด้านล่าง แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “มีใครบอกได้บ้างว่าเมื่อคืนนี้ใครอยู่ในห้อง คอยเคาะกล่องเหล็กทั้งคืน แถมยังโรยเกลืออีกด้วย?”
องครักษ์กว่าสิบคนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ามีไม่กี่คนที่หลบสายตา
อวี้ชิงลั่วยืนขึ้น แล้วเดินไปหาพวกเขา “พวกเจ้าตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”
คนเหล่านั้นเม้มปากแน่น ไม่ยอมพูดอะไร อวี้ชิงลั่วจึงตะคอก “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันทุกคน ดังนั้นก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน”
นางเงยหน้าขึ้นมองขันทีที่ยืนอยู่ข้างประตู “แล้วเจ้าจัดการกลไกของกล่องเหล็กแล้วหรือยัง?”
“หลังจากตรวจสอบแล้ว มีใบมีดอยู่ทุกด้านของกล่อง ซึ่งจะทำให้เกิดรอยบาดที่ไม่ลึกมาก มันใช้ได้ดีกับเด็กที่ผิวละเอียดและเนื้อนุ่ม แต่สำหรับผู้ใหญ่ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมาะนัก แต่ข้าได้ปรับเปลี่ยนมันเล็กน้อย ด้วยการแทนที่ใบมีดเดิมด้วยใบมีดรูปเขี้ยว ข้าคิดว่าต่อให้มันต้องบาดลงบนผิวหยาบกร้าน ก็จะสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสได้ อีกทั้งข้ายังเพิ่มใบมีดอีกสองสามเล่มด้วย ผลลัพธ์จะทำให้ท่านพึงพอใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ขณะที่พูด กล่องเหล็กก็ถูกสองพี่น้องลู่หลานเฟิงและลู่หลานอวิ๋นแบกไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วพอใจมาก แม้ว่าขันทีคนนี้จะไม่ได้เก่งมาก แต่ก็นับว่ามีความสามารถอย่างแท้จริง
นางขยิบตาให้อันฝูซือ ฝ่ายหลังเข้าใจทันที และลากหนึ่งในบรรดาองครักษ์มาที่กล่องเหล็ก
ชายคนนั้นเข้าใจความหมายของการทำเช่นนี้ทันที และแทบจะสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ รีบชี้ไปยังองครักษ์คนที่สองทางด้านซ้ายที่ไม่พูดอะไรสักคำ แล้วพูดว่า “เขาเอง คนที่ทรมานเด็กคนนั้นทั้งคืน ข้าก็แค่ยืนดูเท่านั้น และข้ายังได้เกลี้ยกล่อมเขาแล้วด้วย แต่เขาไม่สนใจข้า”
อวี้ชิงลั่วโบกมือด้วยรอยยิ้ม จากนั้นอันฝูซือก็โยนเขาลงบนพื้น แล้วหันไปจับตัวองครักษ์ที่ถูกสหายชี้เป้าและกำลังตัวสั่นสะท้านอยู่
อวี้ชิงลั่วเปิดประตูเหล็กด้วยตัวเอง และพูดกับองครักษ์ที่ถูกอันฝูซือโยนเข้าไปว่า “ข้าแค่ตอบแทนเจ้าด้วยวิธีเดียวกัน ข้าเป็นคนยุติธรรมมาก ข้าจึงไม่คิดจะจัดการกับเจ้าด้วยวิธีที่เลวร้ายไปกว่านี้”
“แม่นาง แม่นางโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าแค่…”
“โครม” อวี้ชิงลั่วไม่ฟังเขาเลย และปิดประตูกล่องใส่หน้าเขา
จากนั้นใบหน้าของเขาก็ถูกกระแทก พร้อมกับที่นางตีกล่องเหล็กอย่างแรง
“อ๊าก…” คนข้างในร้องลั่น แม้ว่าเสียงจะอู้อี้ แต่ก็ดังไปถึงหูขององครักษ์คนอื่นอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างตัวสั่นอย่างรุนแรง
น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วเย็นชามาก “เป่าเอ๋อร์อายุเพียงสิบขวบ พวกเจ้าสามารถปฏิบัติกับเด็กอายุสิบขวบด้วยวิธีที่โหดร้ายเช่นนี้ได้ พวกเจ้าจึงสมควรได้รับผลกรรมเช่นนี้ ข้าบอกไว้เลยว่า ใครก็ตามที่รังแกเป่าเอ๋อร์ ข้าจะไม่ปล่อยให้มันตายง่าย ๆ หรอก ไม่เป็นไร ข้ายังมีเวลา ข้ายังมีเวลาเล่นกับพวกเจ้าช้า ๆ ทั้งคืน”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พอเป็นชิงลั่วเวอร์ชันโหดก็โหดไม่แพ้คนอื่นเลยค่ะ
ไหหม่า(海馬)