อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1004 นางมีเวลาทั้งคืน
ตอนที่ 1004 นางมีเวลาทั้งคืน
TW: ฉากนองเลือด การทรมานร่างกายอันน่าสยดสยอง
ตอนที่ 1004 นางมีเวลาทั้งคืน
ใช่แล้ว ตลอดทั้งคืน
นางต้องการให้พวกเขาทั้งหมดได้ลิ้มรสความทรมาน และความเจ็บปวดที่อวี้เป่าเอ๋อร์และหนานหนานต้องทนทุกข์ในเวลานั้น นางยังคงไม่อาจลืมภาพหนานหนานเป็นลมจากการร้องไห้ได้ และนางก็ไม่อาจลืมภาพอวี้เป่าเอ๋อร์ออกมาจากกล่องเหล็กในสภาพเลือดท่วมตัวได้
นางไม่มีทางปล่อยคนเหล่านี้ไปง่าย ๆ
ซวนหย่าและขันทีที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน เมื่อได้ยินเสียงอันเหี้ยมเกรียมของอวี้ชิงลั่ว
ครั้งนี้อวี้ชิงลั่วโกรธมาก การฆ่านั้นช่างง่ายดายสำหรับนาง วิธีการสังหารของนางประณีตเรียบร้อยอยู่เสมอ ทว่าคราวนี้นางใช้วิธีนี้ล้างแค้นให้หนานหนานและอวี้เป่าเอ๋อร์ แสดงว่านางต้องโกรธมาก
ไม่มีใครก้าวเข้าไปห้ามปรามนาง ไม่ต้องพูดถึงพวกเขาที่ได้เห็นสภาพของอวี้เป่าเอ๋อร์และหนานหนาน พวกเขารู้สึกเป็นปวดใจมาก และแทบรอไม่ไหว เมื่อคิดว่าคนเหล่านี้จะได้รับความทุกข์ทรมานยิ่งกว่าหนานหนาน
เสียงกรีดร้องดังมาจากกล่องเหล็ก หลังจากที่ขันทีดัดแปลงใบมีดเหล่านั้น เมื่อมันกรีดลงบนร่างกายของคนที่อยู่ข้างในก็จะเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม
เหล่าองครักษ์ยังคงร้องขอความเมตตา แต่ใบหน้าของอวี้ชิงลั่วยังคงเคร่งขรึม นางตบกล่องเหล็กครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝ่ามือของตัวเองแดงและบวมไปแล้ว
ปู่ฮวารู้สึกสงสารนาง จึงยื่นค้อนขนาดเล็กให้ “ชิงลั่ว ใช้นี่สิ มือของเจ้างดงามนัก หากเจ้ากลับไปแล้วมือบวมแดงเช่นนี้ มันจะไม่ทำให้ท่านอ๋องซิวรู้สึกไม่ดีหรือ?”
“ใช่ๆ เจ้ากำลังลงโทษคนอื่นหรือลงโทษตัวเองกันแน่” อันฝูซือยังส่ายหน้า และพูดด้วยความไม่เห็นด้วย
ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็ชักมือกลับ ให้ตายเถอะ นางลืมตัวไปชั่วขณะ จนลืมสงสารมือตัวเอง
ทว่านางยังคงผลักค้อนเล็ก ๆ ที่ปู่ฮวาส่งให้กลับไป จากนั้นมองไปยังคังเฟยที่หยุดกรีดร้องแล้ว ก่อนจะลากนางมาข้างกล่องเหล็ก และพูดกับนางว่า “เอาเลย เคาะมัน”
คังเฟยตกตะลึง ก่อนจะตะโกนว่า “ไม่นะ ไม่นะ อย่าแม้แต่จะคิด เจ้า… โอ๊ย…”
มีดสั้นในมือของอวี้ชิงลั่วเปื้อนเลือดสีแดงสด แขนเสื้อผ้าของคังเฟยค่อย ๆ เปื้อนเลือดแดงฉาน
“ก๊อก!!” เสียงเคาะกล่องของอวี้ชิงลั่วเงียบลงทันที
คังเฟยสั่นสะท้านไปทั้งตัว ริมฝีปากของนางสั่น ขณะรีบเอื้อมมือไปเคาะด้านนอกของกล่องเหล็ก
เสียงกรีดร้องที่เพิ่งหยุดลงดังมาจากข้างในอีกครั้ง อวี้ชิงลั่วเอนกายลงบนเก้าอี้อย่างสบาย ๆ ขณะมององครักษ์หลี่และคนอื่น ๆ
องครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นไม่อาจทนได้อีกต่อไป เสียงกรีดร้องโหยหวนนั้นทำให้พวกเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ความเจ็บปวดนั้นยังไม่ใช่ความตาย แต่ก็รู้ว่ากำลังจะเผชิญกับความตาย และทำได้เพียงรอให้มันคืบคลานมาทีละน้อย
ความรู้สึกรอของการรอความตายนี้ ทำให้ทุกคนเริ่มจะสติแตก
คังเฟยเคาะสองสามครั้ง เมื่อนางเริ่มเจ็บมือก็หยุดเคาะ
อวี้ชิงลั่วไม่ได้เอ่ยคำใด และกรีดแขนนางอีกครั้ง
“โอ๊ย…” คังเฟยร้องลั่น เมื่อนางหันไปเผชิญหน้ากับใบหน้าเย็นชาของอวี้ชิงลั่ว นางก็หวาดกลัวจนเหงื่อเย็นไหลออกมาทั่วร่างกาย นางทำได้เพียงยกมือข้างที่เจ็บขึ้น แล้วเคาะกล่องเหล็กต่อไป
“เอาเกลือมา” เสียงที่ราวกับดังมาจากขุมนรกของอวี้ชิงลั่วดังขึ้นอีกครั้ง
องครักษ์หลี่และคนอื่น ๆ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ขณะก้มหน้างุด
อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน เกลือในมือค่อย ๆ ร่วงหล่นออกมาจากหว่างนิ้วทีละน้อย มันถูกโรยใส่คนที่อยู่ข้างในผ่านรอยแยกของกล่องเหล็ก
“อ๊าก… อ๊าก… อ๊าก…” เสียงโหยหวนกรีดแทงหัวใจของทุกคนอย่างหนักหน่วง ความเจ็บปวดนั้นเสียดแทงหัวใจจนทำให้ทุกคนขนหัวลุก
เสียงหัวเราะอ่อนหวานของอวี้ชิงลั่วชัดเจนและไพเราะมาก “ทนความเจ็บปวดนี้ไม่ไหวหรือ? ในเมื่อพวกเจ้าคิดวิธีนี้ขึ้นมาเอง ดังนั้นพวกเจ้าก็ย่อมต้องทนให้ได้”
นางยื่นเกลือให้ซวนหย่า ซึ่งซวนหย่าดีใจมากที่จะได้ทำเช่นนี้ และรับไปด้วยรอยยิ้มทันที
อวี้ชิงลั่วหันหลังกลับเข้าไปในห้องชั้นใน นางได้ใส่ยานอนหลับลงในชาของอวี้เป่าเอ๋อร์ ดังนั้นแม้ว่าเสียงกรีดร้องข้างนอกจะดังอย่างไม่รู้จบ อวี้เป่าเอ๋อร์ก็จะยังคงนอนหลับสนิท
นิ้วของอวี้ชิงลั่วลูบไล้ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเบา ๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าวิธีการก่อนหน้านี้ของพี่สาวเจ้าจะผิดไปหมด บางทีสิ่งที่พี่ควรสอนเจ้ามากที่สุดก็คือทักษะป้องกันตัวเอง เมื่อเจ้าดีขึ้นคราวนี้ พี่จะสอนทุกทักษะที่รู้ให้เจ้าเอง”
อวี้เป่าเอ๋อร์บนเตียงหายใจสม่ำเสมอและหลับสนิท
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ จากนั้นพิงหัวเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน แล้วหลับตาลง
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าเสียงกรีดร้องข้างนอก… ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก
คืนนั้นทั้งตำหนักจิ่นหวามีเลือดนองไปทั่ว ดูเหมือนว่ากลิ่นคาวเลือดในตำหนักคงไม่หายไปอีกหลายวัน ในคืนนั้น ขันทีและสาวใช้ทั้งหมดที่ผ่านตำหนักจิ่นหวา ต่างเล่าลือกันว่าพวกเขาได้ยินเสียงเหมือนผีคร่ำครวญกรีดร้อง ซึ่งน่ากลัวมาก
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังประตูตำหนักที่ปิดสนิท และไม่มีใครรู้ว่าองครักษ์เหล่านั้นเสียชีวิตอย่างไร
เมื่อไทเฮาส่งคนมาดู ตำหนักจิ่นหวาก็เต็มไปด้วยศพแล้ว
ข้างกล่องเหล็กที่สะดุดตามีศพหลายศพที่ตายอย่างน่าสยดสยอง พวกเขาเสียเลือดมากเกินไป มีบาดแผลทั่วทั้งร่างกาย และถูกทรมานให้ตายทั้งเป็น
เมื่ออวี้เป่าเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา เขาก็อยู่ในรถม้าที่โยกไปมาแล้ว
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น เขาก็เห็นว่าอวี้ชิงลั่วกำลังกอดเขาอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลของเขากระทบกระเทือน
เมื่อมองไปยังตาเป็นประกายของนาง เขาก็เม้มปากและยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่สาว… ข้าไม่ได้ฝันไปจริง ๆ ข้าได้เจอท่านอีกครั้งจริง ๆ”
“เด็กโง่” อวี้ชิงลั่วมองรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา พลันรู้สึกเจ็บจมูกเล็กน้อย และผ่อนแรงกอดลงเล็กน้อย “ยังเจ็บอยู่หรือไม่? เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”
“พี่สาว ข้าสบายดี ยาที่ท่านให้ข้าเป็นยาแก้ปวด ตอนนี้ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลยขอรับ” เขาพูดราวกับต้องการยืนยันว่าเขาสบายดีจริง ๆ และกำลังจะยืนขึ้นทันที
อวี้ชิงลั่วรีบดึงตัวเขากลับมา “ดีแล้ว ดีแล้ว ข้ารู้แล้วว่าเจ้าสบายดี ไม่ต้องขยับไปไหน เราจะไปถึงตำหนักองค์ชายซิวในไม่ช้า หนานหนานคิดถึงเจ้ามาก”
เมื่อพูดถึงหนานหนาน ดวงตาของอวี้เป่าเอ๋อร์ก็หรี่ลง “คืนนั้นหนานหนาน… “
“ข้ารู้ เจ้าจึงต้องหายเร็ว ๆ หนานหนานจะได้ไม่เศร้าใจ”
“อืม”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน รถม้าก็ค่อย ๆ มาหยุดที่หน้าประตูตำหนักอ๋องซิว
หนานหนานและเย่หลานเฉิงที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมานานแล้ว รีบออกมาอย่างรวดเร็ว หากอวี้ชิงลั่วไม่หยุดพวกเขาไว้ พวกเขาก็คงเกือบจะชนอวี้เป่าเอ๋อร์แล้ว
“ท่านน้าเป่าเอ๋อร์ ดีจังเลยที่ท่านไม่เป็นอะไร” หนานหนานกำลังจะร้องไห้ขณะที่พูด
อวี้เป่าเอ๋อร์รีบปลอบเขา “หนานหนาน อย่าร้องไห้ ถ้าเจ้าร้องไห้ ข้าจะเริ่มรู้สึกปวดแผลนะ”
เมื่อหนานหนานได้ยินเช่นนั้นก็รีบกลั้นน้ำตา แล้วกวาดสายตามองอยู่พักหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเขาปลอดภัยดีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอก
อวี้ชิงลั่วสั่งให้ใครสักคนช่วยอุ้มอวี้เป่าเอ๋อร์เข้าไป เพราะขาของเขายังคงเต็มไปด้วยบาดแผล
แต่หลังจากออกคำสั่ง จู่ ๆ ก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามากอดนาง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เออะ โหดจริง โหดแท้ แต่ก็สาสมกับสิ่งที่ทำกับเป่าเอ๋อร์อยู่เหมือนกัน
ไหหม่า(海馬)