อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1005 เป่าปากโล่งอก
ตอนที่ 1005 เป่าปากโล่งอก
ตอนที่ 1005 เป่าปากโล่งอก
อวี้ชิงลั่วเอนหลังหนี จนศีรษะเกือบจะชนกรอบประตูรถม้า
โชคดีที่คนคนนั้นรีบหยุด ก่อนจะดึงนางกลับมา แล้วกล่าวขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าขอโทษ ข้ากระวนกระวายเกินไปจึงรีบเข้าไปกอดท่าน ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วไม่ได้นอนทั้งคืน น้ำตาลในเลือดของนางจึงต่ำเล็กน้อย และรู้สึกปวดหัวด้วย เมื่อถูกนางกอดและชนเช่นนี้ จิตใจก็ยิ่งสับสนมากขึ้น
จนกระทั่งเสียงแหลมนั้นกระทบโสตประสาทของนาง นางขมวดคิ้วและมองลงไปยังสาวน้อยที่กอดนางอยู่
“เจ้า…” ใครกัน? นางไม่รู้จัก ไม่คุ้นหน้าเลย
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวจับมือนางไว้ด้วยความกังวลมาก “ท่านเป็นหมอปีศาจใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วมึนงงเล็กน้อย และพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
วินาทีต่อมา นางรู้สึกว่าแขนของนางถูกดึงอย่างกะทันหัน ทำให้นางต้องโน้มตัวไปข้างหน้า เซไปสองสามก้าว และถูกลากเข้าไปในตำหนักอ๋องซิว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกะทันหัน และชวนให้แปลกใจยิ่งนัก หนานหนานและเย่หลานเฉิงจึงไม่มีเวลาตอบสนอง
เมื่อรู้สึกตัว อวี้ชิงลั่วก็ถูกฟ่านเสี่ยวเสี่ยวลากเข้าไปในตำหนักอ๋องซิวแล้ว โดยทิ้งพวกเขาไว้ด้านหลัง
หนานหนานไม่สนใจอะไรแล้ว และรีบวิ่งเข้าไปหา “พี่สาวตัวน้อย เหตุใดท่านต้องลากแม่ข้าด้วย? แม่ข้ากำลังจะล้มเพราะถูกท่านลาก ท่านปล่อยมือก่อน ปล่อยมือ มือของท่านแม่จะหักอยู่แล้ว ท่านทำร้ายแม่ของข้า”
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าหยุดอย่างรวดเร็ว เมื่อนางได้ยินเสียงคำพูดของหนานหนาน
อวี้ชิงลั่วเกือบชนหลังนาง แต่ก็หยุดได้ทัน นางทำหน้าบึ้งก่อนสะบัดมือออก แล้วถามด้วยเสียงหอบ “เจ้ากำลังทำอะไร? หืม เจ้าเป็นใคร? เหตุใดข้าไม่เคยเห็นเจ้าเลย?”
เหตุใดสาวน้อยคนนี้จึงบุ่มบ่ามนัก? พิจารณาจากเสื้อผ้าของนางแล้ว นางดูไม่เหมือนคนรับใช้ในตำหนักองค์ชายซิว แล้วนางมาจากไหน?
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกอายมาก และรีบพูดว่า “พระชายา ท่านรีบไปช่วยเสิ่นอิงเถิดเพคะ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ฟื้นเลย ช่างน่าสงสารยิ่งนัก พระชายา หากท่านช่วยเขาได้ จะให้ข้าบูชาท่านก็ไม่เป็นอะไรเพคะ”
พระชายาหรือ? อวี้ชิงลั่วเม้มปาก รู้สึกว่าคำเรียกนี้… ฟังดูประจบประแจงอย่างอธิบายไม่ถูก
ทันทีที่หนานหนานวิ่งมาข้างหน้านาง เขาก็เห็นว่าแม่กำลังยกยิ้มจางที่มุมปาก จึงรีบดึงแขนเสื้อของนาง “ท่านแม่ ท่านตั้งใจฟังสิ่งที่พี่สาวตัวน้อยพูดหรือไม่ขอรับ”
ประเด็นของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวคือ… เสิ่นอิงได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และยังไม่ได้สติ
อวี้ชิงลั่วตัวสั่นทันที และกลับมามีสติสัมปชัญญะ
เสิ่นอิงได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือ? ให้ตายเถอะ
ตอนนี้ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวไม่จำเป็นต้องลากนางอีกต่อไป นางวิ่งตรงไปที่ห้องของเสิ่นอิง
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวและหนานหนานมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง วินาทีต่อมา พวกเขาก็กระโดดวิ่งตามไปอย่างใจจดใจจ่อ
โม่เสียนเฝ้าอยู่นอกห้องของเสิ่นอิง เมื่อเขาเห็นอวี้ชิงลั่วใกล้เข้ามา นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น และรีบเปิดประตูให้เข้าไปทันที
อวี้ชิงลั่วถามขณะเดิน “อาการเป็นอย่างไรบ้าง? หมอว่าอย่างไร?”
“เขาถูกฝ่ามือซัดเข้าที่หน้าอกจนกระอักเลือด เดิมทีหมอที่เชิญมาบอกว่าเขาไม่รอดแน่ ต่อมาหนานหนานหยิบขวดยาสีน้ำตาลมาจากห้องของแม่นางอวี้ และให้เสิ่นอิงกินยานั้นเพื่อประวิงเวลาไว้ โชคดีที่หมอเจียงรีบกลับมาจากเมืองตันหยางได้ทันเวลา และช่วยชีวิตเขาไว้ได้ชั่วคราว อาการบาดเจ็บภายในนั้นสาหัสเกินไป และเขายังฟื้นเลย…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ทั้งสองก็เข้าไปในห้องชั้นในแล้ว
เพียงแวบเดียว อวี้ชิงลั่วก็เห็นเสิ่นอิงนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว
นางพยักหน้าเล็กน้อย นั่งลงข้างเตียง แล้ววางนิ้วบนข้อมือของเขา
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวและหนานหนานเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ อย่างกระวนกระวาย หลังจากนั้นไม่นาน อวี้ชิงลั่วก็ถอนมือออกและพูดว่า “ข้าต้องการที่ที่สว่างกว่านี้ ย้ายเตียง”
โม่เสียนเข้าใจ “กระหม่อมจะจัดเตรียมทันทีพ่ะย่ะค่ะ”
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวต้องการถามอาการเขา แต่หนานหนานรั้งไว้ เมื่อนางถูกห้ามจึงไม่ได้ถามออกไป
โม่เสียนเตรียมสิ่งของอย่างรวดเร็ว และย้ายเตียงของเสิ่นอิง
อวี้ชิงลั่วหยิบอุปกรณ์ทางการแพทย์ออกมาวางบนโต๊ะด้านข้างทีละชิ้น
“พวกเจ้าออกไปก่อน หนานหนานอยู่ต่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ” โม่เสียนตอบ และหันไปดึงฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่ต้องการอยู่ต่อออกมา “เจ้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร เมื่อแม่นางอวี้ทำการตรวจและรักษาต่อไป ความกระวนกระวายของเจ้าจะส่งผลต่อแม่นางอวี้”
“แต่หนานหนานก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก”
โม่เสียนเย้ยหยัน “หนานหนานติดตามแม่นางอวี้ขึ้นเหนือล่องใต้มาหลายปี เมื่อแม่นางอวี้เจอผู้ป่วย หนานหนานก็มักจะอยู่เคียงข้างเพื่อช่วยเหลือ หนานหนานรู้จักแม่นางอวี้ดีที่สุด อีกทั้งกระเป๋าพยาบาลที่แม่นางอวี้นำออกมาเมื่อสักครู่นี้ เจ้าเห็นของข้างในนั้นแล้วรู้จักกี่ชิ้น? หนานหนานรู้จักทั้งหมด เขาจึงสามารถส่งมอบให้แม่นางอวี้ทันที เมื่อนางเอ่ยปากขอ”
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวอ้าปากจะพูด แต่ก็ไม่อาจเถียงเขาได้ จึงจำต้องย้ายเก้าอี้ออกไปนั่งนอกประตูอย่างไม่ค่อยพอใจ
นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวได้ยินแม่นางอวี้พูดเกี่ยวกับยา เข็มเงิน มีด และเลือดคั่ง ซึ่งฟังไม่ชัดเจนเลย นางจึงไม่ค่อยเข้าใจนัก ทำได้เพียงก้มมองพื้น และได้แต่หวังอย่างแน่วแน่ว่าเสิ่นอิงจะดีขึ้นในไม่ช้า
ยุ่งตั้งแต่เช้าถึงเที่ยง ขณะฟ่านเสี่ยวเสี่ยวกำลังจะเคาะประตู นางก็ต้องชะงัก เพราะในที่สุดประตูห้องก็ถูกเปิดออกดัง
จากนั้นก็เห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของอวี้ชิงลั่ว
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวอ้าปากจะพูด โดยไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ส่วนโม่เสียนนั้นหัวไวมาก เขาเรียกให้เยว่ซินเข้ามา ตอนนี้นางเหนื่อยมาก เขาจึงรีบบอกให้เยว่ซินมาช่วยพยุงนาง
ตอนนี้ในบรรดาองครักษ์ทั้งสี่ที่อยู่รอบกายเจ้านาย คนหนึ่งก่อกบฏ อีกคนยังอยู่ในดินแดนเหมิงและยังไม่กลับมา ส่วนเสิ่นอิงได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่
โม่เสียนรู้สึกอ้างว้างเล็กน้อย และต้องการให้เสิ่นอิงดีขึ้นเร็ว ๆ
อวี้ชิงลั่วจับมือเยว่ซิน แล้วพูดกับโม่เสียนว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรง แค่ต้องคอยระวังและย้ายเตียงเขา”
จากนั้นนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ตอนนี้เจ้าต้องทำงานหนักขึ้นเท่านั้น ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การรู้ว่าเขาเป็นไส้ศึกตอนนี้ ก็ยังดีกว่ามารู้หลังจากที่เขาฆ่าพวกเจ้าทุกคนไปแล้ว”
ขณะที่นางกำลังรักษาเสิ่นอิงอยู่ หนานหนานได้เล่าทุกเรื่องเกี่ยวกับเผิงอิงแล้ว
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางไม่คาดคิดว่าคนที่แฝงตัวอยู่ข้างพวกเขาจะเป็นเผิงอิง
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางกลับเป่าปากโล่งอกเมื่อรู้ว่าไส้ศึกไม่ใช่เสิ่นอิง
เพราะสุดท้ายแล้ว ในบรรดาองครักษ์ทั้งสี่ เสิ่นอิงเป็นคนโปรดของนาง เขาเป็นคนแรกที่เป็นมิตรกับนางในตอนนั้น
หลังจากได้ยินคำพูดของนาง โม่เสียนก็ได้แต่ยกยิ้มเจื่อน แต่ก็สูดหายใจเข้าลึก และสั่งให้คนไปย้ายเตียงของเสิ่นอิงอย่างระมัดระวัง
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็เดินไปยังตำหนักของนาง พร้อมกับเยว่ซินที่คอยพยุงนางไว้ แต่ไปได้ครึ่งทาง นางก็เห็นฉินเจี่ยวเพียววิ่งมาหาด้วยสีหน้าตื่นเต้นมาก แล้วพูดกับนางด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราสามารถพาคนที่เจ้าต้องการมาหาได้แล้ว”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านเสิ่นน่าจะรอดแล้วล่ะ ไม่ต้องร้อนใจไปนะเสี่ยวเสี่ยว
ไหหม่า(海馬)