อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1007 กระโจนเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
ตอนที่ 1007 กระโจนเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
ตอนที่ 1007 กระโจนเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม
เหตุใดเขาถึงมานอนด้วยที่นี่? นางคิดว่าเขาน่าจะมีเรื่องต้องจัดการมากมาย
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ก่อนจะใช้นิ้วลูบหว่างคิ้วที่กำลังขมวดของเขา แล้วถอนหายใจเงียบ ๆ
แต่วินาทีต่อมา มือของนางก็ถูกมือใหญ่จับไว้ แล้วนัยน์ตาของคนที่อยู่ใต้มือนางก็ลืมตื่นขึ้นทันที
“ตื่นแล้วจะไม่ยอมให้ข้านอนต่อหรือ? เจ้ากำลังแก้แค้นข้าอยู่หรือไม่?” เย่ซิวตู๋หัวเราะเบา ๆ ก่อนจับนิ้วของนางมาวางบนริมฝีปากของตน แล้วกัดนางเบา ๆ
อวี้ชิงลั่วรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าช่วงนี้เขาทำตัวเหมือนสัตว์ร้ายที่ชอบใช้ฟันกัดนางเสมอ
“ท่านนอนกับข้าที่นี่ตลอดเลยหรือ?” อวี้ชิงลั่วถือโอกาสดึงมือกลับขณะที่พูด หันหลังกลับและลุกขึ้นนั่ง จากนั้นหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลมาสวม
เย่ซิวตู๋นอนอย่างเกียจคร้านอยู่บนเตียง เขายิ้มขณะดูนางแต่งตัว “ฟังจากคำพูดของเจ้า ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขนัก”
“อยู่กับองค์ชาย จะให้ข้าไม่มีความสุขได้อย่างไร” อวี้ชิงลั่วหันกลับมาทันที แล้วเข้าไปหาเขาอย่างเอาใจ “ข้าแค่กังวลว่าองค์ชายจะยุ่งกับเรื่องอื่น และจะทำให้ธุระขององค์ชายล่าช้า”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น ก่อนลุกขึ้นนั่ง และลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้า ทันใดนั้นเขาก็กางแขนออก แล้วขอให้อวี้ชิงลั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา
อวี้ชิงลั่วบ่นพึมพำเบา ๆ แต่เห็นแก่ที่เขามาพักผ่อนกับนาง เพื่อให้นางได้นอนหลับสนิท นางจึงช่วยเขาอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เย่ซิวตู๋ก็เดินจูงมือนางออกไปข้างนอก “มีธุระต้องทำ ไปเถิด ไปที่สวนหลังตำหนักด้วยกัน”
อวี้ชิงลั่วตกใจจนเผลอหยุดเดิน
สวนหลังตำหนัก… ในเรือนเล็ก ๆ ด้านหลัง ที่เป็นสถานคุมขังเหมิงกุ้ยเฟย
“เจ้า… นางมาถึงตำหนักอ๋องซิวแล้ว เจ้ายังไม่ได้ไปเจอนางหรือ?”
เย่ซิวตู๋หันมามองนางด้วยรอยยิ้มฝืดฝืน “แน่นอนว่าข้าต้องรอให้เจ้ามาจัดการกับคนที่เจ้า ‘เชิญ’ กลับมาเอง”
“ฮึ่ม” อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขา แล้วเดินนำหน้าไป
มีสนามหญ้าเล็ก ๆ อยู่ในสวนหลังตำหนัก ไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นั่น แม้ว่าจะถูกทิ้งร้างมานาน แต่ก็สะอาดและเป็นระเบียบ เพราะมีคนรับใช้คอยดูแล
เมื่อเย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วเดินผ่านมา ท่านตาถูก็เป็นคนเดียวที่นั่งอยู่ในเรือน กระดานหมากรุกวางอยู่ตรงหน้าเขา การเล่นหมากรุกคนเดียวช่างน่าสนใจนัก
หลังจากได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้น ท่านตาถูก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าให้พวกเขา แล้วชี้ไปที่ห้องและพูดว่า “เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาก็ส่งเสียงเอะอะโวยวาย ข้าดูแล้วไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร จึงทุบไปทีหนึ่ง ตอนนี้ยังไม่ตื่นเลย”
สิ่งที่เขาทำยังถือว่าค่อนข้างใจดี หากเป็นฉินเจี่ยวเพียวก็อาจจะจับนางมัดและปิดปากไว้ โดยไม่สนใจตัวตนของนาง
หลังจากที่ท่านตาถูพูดจบ เขาก็มองลงไปที่กระดานหมากรุกต่อ
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วมองหน้ากัน ขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปข้างใน พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาแต่ไกล “ท่านตาถู ข้าบอกให้ท่าน…”
เจ้าของเสียงหยุดทันทีเมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วอีกคนหนึ่ง แล้วหันหลังกลับเตรียมจะวิ่งหนีไป
อวี้ชิงลั่วเย้ยหยัน “ซวนหย่า ข้าบอกให้หยุด ถ้าเจ้ากล้าวิ่งอีก ข้าจะหักขาเจ้าเสีย”
มุมปากของซวนหย่ากระตุก นางหันหน้ามาด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “อะไรกัน พวกเจ้ากำลังยุ่ง ข้าจึงต้องออกไปก่อนเพราะมีธุระต้องทำ”
“ยุ่งอะไรนักหนา? กลับมาหาข้า”
ซวนหย่ามองเย่ซิวตู๋ด้วยใบหน้าขมขื่น จากนั้นค่อย ๆ เดินไปหยุดอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว “เจ้าต้องการอะไรจากข้า? ข้าจะรีบจัดการให้เจ้าทันที”
“ฮึ่ม เจ้าไม่ต่างจากหมาที่เลิกกินขี้ไม่ได้จริง ๆ” อวี้ชิงลั่วดึงหูนางทันที “คำเตือนของข้าเคยเข้าไปในหูของเจ้าบ้างหรือไม่?”
“โอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย ข้าผิดหรือ? ข้าแค่ช่วยเจ้าด้วยความเมตตา องค์ชายของเจ้าทำตัวเหมือนก้อนหิน น้ำมันกับเกลือซึมเข้าไปไม่ได้* ข้าทดสอบเขาให้แล้ว เขาเป็นคนที่เจ้าไว้ใจได้ตลอดชีวิตจริง ๆ ปล่อยข้าเถอะ” ซวนหย่าพร่ำบ่นไม่หยุด นางเพิ่งเริ่มบ่นเมื่อเห็นเย่ซิวตู๋กลับบ้านไปในตอนเช้า เพราะรู้สึกหงุดหงิดใจ
(* น้ำมันกับเกลือซึมเข้าไปไม่ได้ (油盐不进) เป็นสำนวนที่หมายถึง คนที่มีทิฐิ หัวแข็ง ดื้อรั้น)
แต่ท่านอ๋องซิวไม่แม้แต่จะชายตามองนาง เมื่อครู่นางจึงตกใจมาก นางไม่คาดคิดว่าจะถูกอวี้ชิงลั่วจับได้ในตอนนี้ เหตุใดชีวิตนางถึงน่าสังเวชนัก
ท่านตาถูที่อยู่ข้าง ๆ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองซ้ายขวา จากนั้นวางกระดานหมากรุกลง แล้วเริ่มถอยออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “ข้าไปก่อนนะ ซวนหย่า ข้าให้เจ้าเฝ้าประตูแทนแล้วกัน”
ซวนหย่าตกตะลึง แล้วพูดด้วยความสิ้นหวัง “ท่านรอข้าก่อน…”
ท่านตาถูเหมือนเหมือนมีพายุอยู่ใต้ฝ่าเท้า หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หายตัวไป
ซวนหย่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปมองรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้มแห้ง แล้วมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาประจบสอพลอ “เสี่ยวชิงชิง เสี่ยวลั่วลั่ว อย่าทำข้าเลย ข้าไม่ผิดใช่หรือไม่?”
ขณะที่พูด นางก็กอดแขนอวี้ชิงลั่ว
เย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้าง ๆ เห็นแล้วเปลือกตากระตุก เขาจึงดึงอวี้ชิงลั่วเข้ามาในอ้อมแขน ไม่ยอมให้ซวนหย่าแตะต้องนางอีก เพราะเกรงว่าภรรยาในอนาคตของเขาจะถูกหญิงคนนี้ชักจูงให้เสียคน
เขาถามตามตรงว่า “เจ้าจะออกจากตำหนักเมื่อใด?”
“…” ตรงไปตรงมาเหลือเกิน เย่ซิวตู๋ ท่านเกลียดซวนหย่ามากถึงเพียงนี้เลยหรือ
“…” ชายที่เข้าใจยากคนนี้สมควรถูกอวี้ชิงลั่วกลืนกินจนตาย ดังนั้นนางจะไม่จากไปไหน และถ้านางต้องการจะจากไป นางจะลักพาตัวเสี่ยวลั่วลั่วของเขาไปด้วย
“พรุ่งนี้ หากพรุ่งนี้เจ้ายังไม่ไป ข้าจะให้ฟ่านซิวอวิ๋นลากตัวเจ้าไปโยนทิ้งที่ชานเมืองเอง” เย่ซิวตู๋พูดอย่างเย็นชา
“…” อวี้ชิงลั่วตกตะลึง การกระทำของเย่ซิวตู๋กะทันหันเกินไป
ซวนหย่ากำลังจะกระโดด “เสี่ยวลั่วลั่ว สมองเจ้าต้องมีปัญหาแน่ หากไล่ข้าไปจริง ๆ ข้าเองก็… เฮ้ เฮ้ ข้ายังพูดไม่จบ”
เย่ซิวตู๋ไม่สนใจนางแล้ว เขาหันหลังกลับเข้าไปในห้อง พร้อมกับใช้แขนโอบรอบเอวของอวี้ชิงลั่วไว้
ซวนหย่าตะโกนอยู่ข้างนอกสักพัก นางกัดฟันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนั่งลงบนขั้นบันไดนอกเรือนอย่างไม่เต็มใจ
แม้ว่านางจะโกรธเย่ซิวตู๋มากก็ตาม แต่นางก็ยังต้องเฝ้าเรือนอย่างเชื่อฟัง นางรู้สึกว่าหญิงร้ายกาจคนนั้นมีแนวโน้มจะทำร้ายนาง
ซวนหย่าส่งเสียง ‘ฮึ่ย’ ดัง ๆ ไปทางห้อง ก่อนจะหันหน้าไปฮัมเพลง
หลังจากที่เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วเข้ามาในห้อง การเคลื่อนไหวของพวกเขาก็ช้าลงมากโดยไม่รู้ตัว
เหมิงกุ้ยเฟยนอนอยู่บนเตียง มือและเท้าของนางยังคงถูกมัดอยู่ นางนอนหลับไปโดยไม่ได้สติ
อวี้ชิงลั่วหันมามองเย่ซิวตู๋ “ข้าแก้มัดให้นางได้หรือไม่?”
“อืม”
อวี้ชิงลั่วก้าวเข้าไปแกะเชือกออกที่รัดท้องนางไว้ จิตใจของคนเหล่านี้โหดร้ายเกินไป เหมิงกุ้ยเฟยคนนี้บอบบางและค่อนข้างเจ้าเนื้อ มีรอยฟกช้ำมากมายบนร่างกายของนาง เพราะถูกพวกเขากระชากลากถู
โดยเฉพาะที่ข้อมือและข้อเท้ามีรอยถูกเชือกรัดชัดเจนมาก ส่วนรอยแดงตำแหน่งอื่นนั้น แสดงถึงวีรกรรมของท่านตาถูและคนอื่น ๆ
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า แล้วโยนเชือกที่แกะออกลงบนพื้น
ใครจะรู้ว่าทันทีที่นางเงยหน้าขึ้น นางก็เห็นดวงตาของเหมิงกุ้ยเฟยเบิกกว้างขึ้นมาทันที
นางชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเหมิงกุ้ยเฟยก็ยิ้มเยาะ แล้วกระโจนเข้าไปหานาง…
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ระวังตัวดีๆ นา นังกุ้ยเฟยคนนี้ฝีมือร้ายกาจไม่เบา เผลอเมื่อไหร่โดนจัดการได้เมื่อนั้น
ไหหม่า(海馬)