อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1008 เจ้าคือลูกชายของข้า
ตอนที่ 1008 เจ้าคือลูกชายของข้า
ตอนที่ 1008 เจ้าคือลูกชายของข้า
อวี้ชิงลั่วส่งเสียง “เฮือก” ด้วยความตกใจ แล้วรีบถอยหลังหนี
เหมิงกุ้ยเฟยยื่นมือออกมาอย่างว่องไว ผุดลุกขึ้นอย่างแรงจนตกจากเตียง นางตกใจจนเผลอวางฝ่ามือลงบนพื้น ด้วยความที่ออกแรงมากเกินไปโดยไม่คาดคิด ข้อมือของนางจึงมีอาการปวดอย่างรุนแรง จนนางร้องคร่ำครวญเสียงดัง
อวี้ชิงลั่วยืนห่างจากนางไปสองก้าว ร่างอบอุ่นรีบวิ่งเข้ามาข้างหลังนาง แล้วกอดนางไว้ในอ้อมแขน “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร” จากนั้นนางก็มองเหมิงกุ้ยเฟยที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยสายตาเย็นชา
เรียกว่าอะไรดี? ทำร้ายคนอื่นไม่ได้ สุดท้ายเลยทำร้ายตัวเองงั้นหรือ?
อุตส่าห์แก้เชือกให้ด้วยความเมตตา แต่นางกลับลุกมาหมายจะข่วนหน้าทันทีที่นางตื่น
ความงามของนางนั้นช่างน่าเสียดาย คิดหรือว่าจะยอมเสียโฉมง่ายถึงเพียงนั้น?
เหมิงกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้นมองอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋อย่างเย้ยหยัน พูดเสียงแหลม “ฮ่าๆๆ ดี ดี ดีมาก พวกเจ้าบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงได้ส่งคนมาแอบลักพาตัวเปิ่นกง ช่างบังอาจอะไรเช่นนี้”
ยิ่งกว่านั้นคือคนเหล่านั้นจับนางใส่กระสอบแล้วโยนทิ้ง และอุ้มนางเมื่อใดก็ได้ตามใจต้องการ กุ้ยเฟยแห่งอาณาจักรเฟิงชางได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด นางถูกปฏิบัติไม่ต่างจากสัตว์สักนิด
โดยเฉพาะหลังจากที่นางถูกจับและถูกส่งกลับมา เป็นเวลาหนึ่งวันและหนึ่งคืนที่นางไม่ได้ดื่มน้ำเลยแม้แต่หยดเดียว
ฮ่า นี่หรือลูกชายสุดประเสริฐของนาง
เหมิงกุ้ยเฟยจ้องมองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาเย็นชาราวมีดน้ำแข็ง
เย่ซิวตู๋ชำเลืองมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เปิ่นหวางเพิ่งได้ข่าวว่าหมู่เฟยถูกลักพาตัวออกจากวัง และกำลังตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต ทำให้เปิ่นหวางกับชิงเอ๋อร์กังวลยิ่งนัก และส่งคนมากมายไปตามหา ในที่สุดก็ได้ข่าวของหมู่เฟย จึงพาหมู่เฟยกลับมา แล้วหมู่เฟยจะบอกว่าเปิ่นหวางลักพาตัวท่านได้อย่างไร?”
“เจ้า…” เหมิงกุ้ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ นางออกจากวังไปโดยปราศจากพระบรมราชานุญาตของฮ่องเต้ มันจึงไม่ถูกต้องตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เย่ซิวตู๋พูดเมื่อสักครู่นี้จึงฟังดูสมเหตุสมผลมาก จนนางไม่สามารถหาอะไรมาหักล้างได้
เป็นไปไม่ได้ที่จะยอมรับว่าสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายเจ็ด และเดิมทีวางแผนจะอาศัยอยู่ในกองพันตะวันตก
นางสูดหายใจเข้าลึก และยังคงมองเย่ซิวตู๋ด้วยสายตาโกรธแค้น “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดจึงมีคนจับเปิ่นกงใส่กระสอบอย่างไร้ศักดิ์ศรี คนของเจ้าสมควรถูกตัดหัวให้หมด”
เย่ซิวตู๋หัวเราะอีกครั้ง “หมู่เฟยของข้าพูดผิดแล้ว ทุกสิ่งที่พวกเขาทำได้รับคำสั่งจากเปิ่นหวาง หมู่เฟยมีสถานะสูงส่ง จึงจำต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเข้มงวด เพราะถูกลักพาตัวไป ดังนั้นเปิ่นหวางจึงส่งคนเหล่านั้นไปช่วยเหลือหมู่เฟย โดยจำต้องใช้วิธีพิเศษเช่นนี้ ยิ่งหมู่เฟยไม่โดดเด่นมากเพียงใด โอกาสที่หมู่เฟยจะตกเป็นเป้าหมายก็น้อยลง เปิ่นหวางพูดถูกหรือไม่?”
“หุบปาก” ในที่สุดเหมิงกุ้ยเฟยก็โกรธเพราะความอับอาย และลุกขึ้นยืนทันที
นางไม่สนใจแม้แต่ฝุ่นและรอยแผลบนร่างกายของตนเอง จ้องมองเย่ซิวตู๋อย่างโหดเหี้ยม “ทำร้ายเปิ่นกงนับว่าเป็นการล่วงเกินเปิ่นกง ตอนนี้เปิ่นกงต้องการให้เจ้านำหมารับใช้เหล่านั้น มาให้เปิ่นกงจัดการพวกมันด้วยตัวเอง”
เสียงของนางแหลมสูงและหนักแน่น ซวนหย่าที่เฝ้าอยู่ข้างนอกรู้สึกโมโหเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
เหมิงกุ้ยเฟยคนนี้คิดว่าตัวเองสามารถหยิ่งผยองได้ เพราะสถานะที่สูงส่งของนางงั้นหรือ? กล้าดีอย่างไรมาบอกว่าเป็นหมารับใช้ ฮึ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวลั่วลั่วบอกให้ไว้ชีวิต ท่านตาถูและคนอื่น ๆ คงฆ่านางไปนานแล้ว มันใช่เวลาที่นางจะพูดเสียงดังที่นี่ได้หรือ?
สีหน้าของอวี้ชิงลั่วก็มืดมนลงเช่นกัน ฉินเจียวจื่อและคนอื่น ๆ ล้วนเป็นเพื่อนของนางทั้งหมด แต่เหมิงกุ้ยเฟยคนนี้ยังคงไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ชัดเจน ถึงยังคิดว่าตัวเองเหนือกว่า
เย่ซิวตู๋หรี่ตาลงและเย้ยหยัน “เปิ่นหวางบอกแล้วว่าเปิ่นหวางเป็นคนสั่งให้พวกเขาทำเช่นนั้นเอง ในเมื่อมันเป็นคำสั่งของเปิ่นหวาง หมู่เฟยคิดว่าเปิ่นหวางเป็นคนที่จะกลับคำหรือไม่?”
“ใช่แล้ว กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ท่านไม่รู้หรือว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ใด? ข้าขอเตือนท่านได้หรือไม่?” อวี้ชิงลั่วมองนางด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความประชดประชัน “ที่แห่งนี้คืออาณาเขตของอ๋องซิว ไม่รู้ว่าองค์ชายเจ็ด ลูกชายสุดที่รักของท่านไปอยู่ที่ใด ทั่วบริเวณนี้มีแต่คนของเรา หากท่านพูดไม่ดี ก็อาจมีใครมาบดขยี้ท่านจนตายได้”
“เจ้ามันนางแพศยา เจ้ากล้าขู่เปิ่นกง” เหมิงกุ้ยเฟยไม่ชอบอวี้ชิงลั่วอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะหญิงคนนี้ เหตุใดนางถึงล้มเหลวในการจัดการกับเย่ซิวตู๋ครั้งแล้วครั้งเล่า?
ตอนนี้นางกล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้านาง
เหมิงกุ้ยเฟยทนไม่ได้อีกต่อไป และปรี่เข้าไปหาอวี้ชิงลั่ว “นางแพศยา เปิ่นกงจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว เขาไม่รอให้อวี้ชิงลั่วหลบไปด้านข้าง แต่โบกมือแรงเพื่อผลักเหมิงกุ้ยเฟยออกไป
“พอได้แล้ว ท่านควรระวังคำพูด” พูดคำว่านางแพศยาออกมา คิดว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนี้ด้วยหรือ?
เหมิงกุ้ยเฟยถูกเขาผลักออกมาเช่นนั้นก็ล้มลงไปด้านข้าง ตัวนางกระแทกเก้าอี้ข้างด้านข้างเข้าเต็มเปา เจ็บปวดมากจนแทบจะน้ำตาไหล
“เย่ซิวตู๋ เจ้ามันคนอกตัญญู”
นางหันหน้ามาด้วยความโกรธ และกัดฟันแน่น ตอนนี้นางอยากจะฆ่าเขาจริง ๆ
ซวนหย่าข้างนอกได้ยินความเคลื่อนไหวแล้วก็หดคอ นางคิดว่าเหมิงกุ้ยเฟยผู้นี้กำลังรนหาที่ตายเองอย่างชัดเจน
นางส่ายหน้า แล้วโยกตัวไปมาบนขั้นบันไดอีก ในปากคาบหญ้าแห้งไว้ด้วยท่าทางผ่อนคลายมาก
เย่ซิวตู๋ในห้องมีสีหน้าเย็นชา “อกตัญญูงั้นหรือ? ข้าจะเทียบกับท่านได้อย่างไร? ทั้งฆ่าพ่อตัวเอง ฆ่าสามีและลูกชาย ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ท่านไม่กล้าทำอีกแล้ว หากท่าต้องการพูดเรื่องอกตัญญู ท่านคงเป็นที่หนึ่งไม่มีสองในโลกนี้แล้ว”
เหมิงกุ้ยเฟยชะงักไปทันที สีหน้าของนางเปลี่ยนไป แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “เจ้าพูดบ้าอะไร ข้าฆ่าพ่อตัวเอง สามีและลูกชายของข้าตั้งแต่เมื่อไหร่? เย่ซิวตู๋ เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร? เจ้าพูดจาใส่ร้ายข้าเช่นนี้ได้อย่างไร?
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้นด้วยความเย้ยหยัน “ท่านพูดถูก ข้าพูดผิดไป”
เหมิงกุ้ยเฟยผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า “ท่านพยายามฆ่าพ่อและสามีของตัวเอง แต่ไม่ได้พยายามฆ่าลูกของท่าน เพราะท่านรักเย่ฮ่าวถิง ลูกชายสุดที่รักของท่านมาก”
“หุบปาก ข้าไม่ได้พยายามฆ่าพ่อและสามีของตัวเอง ข้าเคารพรักพ่อของข้าและพ่อของเจ้า อย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่ และพยายามล่อลวงข้าด้วยความอยุติธรรม เจ้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร? เจ้าเป็นลูกชายของข้า เจ้าจะเคารพข้าบ้างได้หรือไม่?”
“จริงหรือ?” เย่ซิวตู๋มองนางด้วยสายตาเยาะเย้ย “ข้าเป็นลูกชายของท่านจริงหรือ?”
เหมิงกุ้ยเฟยตกใจ ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองเขา และเห็นว่าสีหน้าของเขาเย็นชา และแววตาของเขาก็ดูแปลกยิ่ง
มีบางอย่างผิดปกติ ผิดปกติมาก เย่ซิวตู๋ไม่เคยมองนางด้วยสายตาเช่นนี้มาก่อน เมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกว่าวันนี้เขาแตกต่างจากปกติมาก เขา เขาไปรู้อะไรมาอย่างนั้นหรือ?
“เจ้า แน่นอนว่าเจ้าคือลูกชายของข้า” ขณะที่นางพูดเช่นนี้ ความมั่นใจของนางก็เริ่มหายไป
เมื่อสักครู่นี้นางกล้าตะโกนที่นี่ เพราะนางอาศัยสถานะหมู่เฟยของเย่ซิวตู๋ และนางรู้จักนิสัยของเย่ซิวตู๋เป็นอย่างดี
เขาเป็นคนประเภทที่ภายนอกดูไร้ความปรานี แต่ความจริงแล้วเขาไม่เคยทำร้ายมารดาของตัวเองเลย
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไม่ใช่มั้ง อย่าโกหกต่อไปอีกเลย แม่ที่ไหนสั่งคนไปฆ่าลูกเป็นปีๆ
ไหหม่า(海馬)