อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1009 ท่านอารู้จักสิ่งนี้หรือไม่
ตอนที่ 1009 ท่านอารู้จักสิ่งนี้หรือไม่
ตอนที่ 1009 ท่านอารู้จักสิ่งนี้หรือไม่
แต่ แต่ว่า เมื่อสักครู่นี้เย่ซิวตู๋พูดอะไรนะ?
เขารู้แล้วหรือ? ใช่แล้ว เหตุใดนางถึงลืมไปว่าเย่ซิวตู๋ไปอยู่ในเผ่าเหมิง… และพบกับแม่นมเก๋อแล้ว
บัดซบ นางแก่นั่นบอกความจริงแก่เย่ซิวตู๋แล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?
นางสาบานต่อหน้าอย่างชัดเจน สาบานด้วยพิษยาสั่ง พูดชัดเจนว่านางจะไม่พูดอะไรเลย
โอ้ เช่นนี้จะเชื่อนางได้อย่างไร? ใช่แล้ว ในเมื่อไว้ใจนางไม่ได้ จึงส่งคนไปตามหานางเพื่อฆ่าปิดปาก
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เมื่อเห็นสายตาของเหมิงกุ้ยเฟยเปลี่ยนไปเป็นคาดไม่ถึงอย่างแรงกล้า จึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาถามว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ไม่ทราบว่าท่านรู้จักมักคุ้นกับชื่อเหมิงเสี่ยวขุยหรือไม่?”
เหมิงกุ้ยเฟยตกใจมาก จนถอยหลังหนีไปหนึ่งก้าวทันที แน่นอนว่า… นางย่อมรู้
นางมองเย่ซิวตู๋ด้วยความหวาดกลัว สายตาที่จับจ้องมาที่นางนั้นเย็นชายิ่งนัก เย็นชาเหลือเกิน สายตาที่มองนางสายตาของคนตาย
ไม่ จะเป็นเช่นนี้ไม่ได้ จะมาตายที่นี่ไม่ได้ หากชายคนนี้รู้ว่านางไม่ใช่แม่ของตัวเอง เขาก็คงไม่ปรานีแน่นอน
นางถอยหลังไปสองก้าวด้วยความหวาดเกรง แล้วฝืนยิ้ม “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร? ข้าไม่เคยได้ยินชื่อเหมิงเสี่ยวขุยมาก่อน”
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ นางเชื่อแม่นมเก๋อ รวมถึงหลักฐานที่หมอเริ่นทิ้งไว้ อีกทั้งยังมีข้อมูลที่เหมิงจื่อเชียนยืนยันด้วยตัวเองด้วย ไม่ว่าเหมิงกุ้ยเฟยผู้นี้จะพยายามเล่นลิ้นมากเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์
แต่ซวนหย่าที่หน้าประตูรู้สึกหายใจไม่ออก นางไม่สามารถลุกขึ้นหรือนั่งลงได้อีกต่อไป
แย่แล้ว นางเพิ่งได้ยินอะไรนี่? เหมิงกุ้ยเฟยและองค์ชายซิว…ไม่ ไม่ใช่แม่ลูกกัน?
นางรู้สึกว่าตนควรออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด อวี้ชิงลั่วปล่อยให้แม่นางเท้าเล็กมาอยู่ตรงนี้คนเดียวเพราะอะไร? นี่มันจงใจชัด ๆ คงจะหาเรื่องกลับมาฆ่าปิดปากนางใช่หรือไม่?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซวนหย่าก็อดไม่ได้ที่จะจับคอตัวเอง แล้วเดินลงบันไดไปสองสามก้าว
ใช่ๆๆ ต้องเป็นเพราะแม่นางเท้าเล็กอวี้ชิงลั่วนั่นเข้าใจผิดว่านางกำลังหมายปององค์ชายซิว จึงต้องการฆ่าปิดปากนางเป็นแน่
ฮือๆๆ… ซวนหย่านึกรังเกียจตัวเองจริง ๆ ก่อนหน้านี้นางไม่ฟังคำพูดของอวี้ชิงลั่ว ตอนที่ทำบางอย่างไปก่อนหน้านี้ เหตุใดนางต้องคิดไปเอง สุดท้ายจึงกลายเป็นว่าตอนนี้นางขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปเอง
ฟังไม่ได้ นางไม่อาจฟังต่อไปได้แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซวนหย่าก็รีบเดินออกจากเรือนไป
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เดินไปที่ประตูก็ชนเข้ากับคนตรงหน้า นางผงะไปครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นบุรุษผู้หล่อเหลาราวกับหยกยืนอยู่ตรงหน้านาง
ซวนหย่าไม่เคยเห็นเขาในตำหนักองค์ชายซิวมาก่อน เมื่อเห็นเขาบุกเข้ามาในเรือนเล็กเช่นนี้ นางจึงระวังตัวขึ้นมาทันที และรีบก้าวถอยหลังหนี ทำท่าทางราวกับว่านางกำลังจะโจมตี “เจ้าเป็นใคร? ใครบอกให้เจ้ามาที่นี่? รีบออกไปเสีย”
เหมิงจื่อเชียนมองซวนหย่าด้วยความประหลาดใจ แล้วรู้สึกว่าสตรีคนนี้ดูอ่อนแอนัก แต่ตั้งท่าราวกับว่าตนแข็งแกร่งมาก ช่างดู… เหตุใดจึงรู้สึกว่ามันขัดแย้งกันและน่าขันยิ่งนัก?
“เอ๊ะ… แม่นาง…” เหมิงจื่อเชียนไม่เคยเห็นนางในตำหนัก และเมื่อเห็นว่านางแต่งตัวไม่เหมือนคนรับใช้ในตำหนัก เขาก็เข้าใจทันทีว่านี่อาจเป็นคนของอวี้ชิงลั่ว
เพียงแต่มองไม่ออกจริง ๆ ว่าสตรีผู้นี้มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ
“ไปๆๆ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็รีบออกไปเร็ว” ซวนหย่าโบกมือด้วยท่าทางกระวนกระวายมาก
มุมปากของเหมิงจื่อเชียนกระตุก และถูกผลักกลับไปสองก้าว หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็กระแอมเบา ๆ แล้วพูดด้วยความลำบากใจว่า “แม่นาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าบอกให้ข้ามา”
“ใครคือลูกพี่ลูกน้องของเจ้า? เขามีสิทธิ์อะไรถึงปล่อยให้เจ้าเดินไปมาในตำหนักองค์ชายซิวได้? รีบออกไปเสีย”
เหมิงจื่อเชียนถอนหายใจ “แม่นาง ลูกพี่ลูกน้องของข้าคือองค์ชายซิว”
ซวนหย่าที่กำลังผลักเขาหยุดชะงัก นางยังคงก้มหน้า ขณะที่มือของนางยังแข็งค้างอยู่กลางอากาศ
สักพักนางก็กระแอมหนัก ๆ สองครั้ง แล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้า “โอ้ เช่นนั้นก็เข้าไปเลย”
ลูกพี่ลูกน้องหรือ??? มุมปากของซวนหย่ากระตุก นึกสงสัยเล็กน้อยว่าเขาจงใจทำเช่นนี้ เขาพูดว่าเขามาหาองค์ชายซิวตั้งแต่แรกไม่ได้หรือ? แล้วเพิ่งมาบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้อง? นี่มันจงใจทำให้เกิดความสับสนมาก
เหมิงจื่อเชียนเดินไปที่ลานบ้านไม่กี่ก้าวแล้วหยุด ก่อนจะมองกลับไปที่ใบหน้าของซวนหย่าที่ยังคงแดงอยู่เล็กน้อย ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เมื่อซวนหย่าได้ยินเสียง ก็รีบหันไปมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าว “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะข้า?”
นางพูดจบก็กระโดดไปอยู่ตรงหน้าเหมิงจื่อเชียนโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก่อนจะเตะน่องของเขา แล้ววิ่งหนีออกไปนอกลานบ้านเพื่อยืนเฝ้าประตูอย่างจริงจัง
“…” เหมิงจื่อเชียนรู้สึกว่าจู่ ๆ เขาก็ต้องเจ็บตัวอย่างไร้เหตุผล ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสตรีคนนี้ดูอ่อนแอมาก แต่ความแข็งแกร่งของนาง… ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
มุมปากของเหมิงจื่อเชียนกระตุก ก่อนจะเดินโซเซเข้าไปในเรือน
เมื่อเขาเดินเข้าไปที่เรือนหลังเล็ก เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากข้างใน
เขาชะงักและรีบเคาะประตู “ท่านพี่”
“เข้ามา” เสียงเย็นชาของเย่ซิวตู๋ดังมาจากด้านใน
เหมิงจื่อเชียนรีบเปิดประตูเข้าไป เพียงแวบเดียวเขาก็เห็นเหมิงกุ้ยเฟยที่มีผมกระเซิง กำลังตวาดใส่เย่ซิวตู๋ว่า “ข้าเป็นหมู่เฟยของเจ้า เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเจ้า แต่เจ้ากลับไปฟังคำยุยงของคนนอก แล้วสงสัยในตัวข้าจริงหรือ? ฮ่า ในเมื่อเจ้าสงสัยข้า เจ้าก็ต้องสงสัยด้วยว่าเจ้าอาจจะไม่ใช่โอรสของฮ่องเต้”
เย่ซิวตู๋ยืนด้วยสีหน้าเฉยเมย เขาไม่ขยับเลยหลังจากได้ยินคำพูดของนาง แต่พูดอย่างใจเย็นว่า “ข้าสงสัยว่าน้องเจ็ดไม่ได้เกิดมาจากเสด็จพ่อ ข้าได้ยินมาว่า… ท่านมีชายอันเป็นที่รัก”
ใบหน้าของเหมิงกุ้ยเฟยซีดลงและอ้าปากค้างทันที เขารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ? รู้ได้อย่างไร?
“เจ้า เจ้าอย่าพูดถึงเขาเลย ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้ากับข้าต่างก็มีปานรูปดอกไม้ แล้วเจ้าจะไม่ใช่ลูกชายข้าได้อย่างไร?”
นางลุกลี้ลุกลนมาก และดูเหมือนจะกลัวว่าคนอื่นจะพูดถึงชายที่นางรัก
เย่ซิวตู๋พ่นลมหายใจเย็นชา “ปานรูปดอกไม้บนร่างกายของท่าน อาจไม่ใช่ของจริงก็ได้ไม่ใช่หรือ?”
“เหลวไหล เจ้าคิดว่านี่อาจเป็นของปลอมงั้นหรือ?”
“เหตุใดจะเป็นไปไม่ได้?” นี่เป็นครั้งแรกที่เหมิงจื่อเชียนได้เจอเหมิงกุ้ยเฟย เมื่อมองไปยังสตรีผู้มีความสามารถน่าทึ่งคนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบอุทานออกมา
อาของเขามีรูปโฉมงดงามมากจริง ๆ แม้แต่ในเผ่าเหมิงที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อและสาวงาม แต่ความงามเช่นนี้มีเพียงหนึ่งเดียวที่ดีที่สุด
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตอนแรกย่าของเขามั่นใจมาก ว่าจะให้เหมิงกุ้ยเฟยหมั้นหมายกับประมุขแห่งเผ่าเหมิง
เหมิงกุ้ยเฟยหันหน้าไปมองเขาทันที “เจ้าเป็นใคร? เจ้าไม่มีสิทธิ์มาพูดที่นี่”
“เพิ่งได้พบกันครั้งแรก ได้ยินชื่อมานานแล้ว ท่านอา”
อาหรือ?
“เจ้าเป็นลูกของเหมิงจื้อเฉิงหรือ?”
“ขอรับ”
“ฮ่า เจ้าช่างเป็นลูกกตัญญู พ่อของเจ้าตายด้วยน้ำมือของเย่ซิวตู๋ แต่เจ้ายังคงเป็นมิตรและอยู่เคียงข้างเขา ข้าคิดว่าพ่อของเจ้าคงไม่อาจตายตาหลับได้ แม้ว่าจะไปอยู่ปรโลกแล้วก็ตาม” เหมิงกุ้ยเฟยเอ่ยพลางแสยะยิ้มน่าสะพรึงกลัวยิ่ง
เหมิงจื่อเชียนเพิกเฉยต่อนาง เรื่องของเหมิงจื้อเฉิงไม่ได้ทิ้งรอยกระเพื่อมในใจเขามานานแล้ว เหมิงกุ้ยเฟยต้องการจะโจมตีเขาด้วยวิธีเช่นนี้ แต่นางใช้วิธีไม่ถูกต้อง
เขาหยิบขวดใบหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ “ท่านอา ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือไม่?”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มีพยานมาเพิ่มแล้ว เผยตัวจริงเสียทีเถอะเหมิงกุ้ยเฟย
ไหหม่า(海馬)