อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 101 เวลาหนึ่งก้านธูป
ตอนที่ 101 เวลาหนึ่งก้านธูป
เหวินเทียนไม่มีวิธีอื่น จึงทำได้เพียงแค่หมุนกายกลับมา พูดกับเย่หลานผิงว่า “เช่นนั้นคงต้องรบกวนผิงซื่อจื่อส่งคนไปรายงานที่จวนซิวอ๋องให้ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ท่านอ๋องต้องร้อนใจ”
ไม่ต้องให้เขาบอก เย่หลานผิงย่อมทำเช่นนี้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ไม่กล้าท้าทายอำนาจของเย่ซิวตู๋ง่าย ๆ เพียงแต่ หากรอให้มืดค่ำกว่านี้อีกสักหน่อยค่อยให้คนไปบอกจวนซิวอ๋องก็แล้วกัน
หลังจากขึ้นมานั่งบนรถม้า เย่หลานผิงจึงโบกมือบอกองครักษ์ “กลับได้”
หยวนสือกล่าวลาเพื่อกลับเรือนอย่างรู้งาน เดิมทีพวกเขานัดคุณชายว่านและคนอื่น ๆ ไปดื่มและเที่ยวเล่นกันในคืนนี้ ตอนนี้ไม่ไปแล้ว เขาย่อมต้องไปเจอพวกเขาเหล่านั้นสักหน่อย เพื่อไม่ให้พวกเขาต้องรอเก้อ
ระหว่างทางเดินทางไปที่ตำหนักเป่าอ๋อง หนานหนานกลืนน้ำลายตลอดทาง โชคดีที่ภายในรถม้ามีขนมเตรียมไว้นิดหน่อย เขาจึงไม่ได้รู้สึกเบื่อเกินไป
คิ้วของเหวินเทียนกระตุกตลอดเวลา ภายในใจรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ไม่ดี หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจส่งผู้พิทักษ์ทมิฬที่คอยคุ้มกันหนานหนานกลับไปรายงานท่านอ๋องที่จวนอ๋องซิวก่อน
เขาไม่ค่อยเชื่อใจเย่หลานผิงเท่าไรนัก แต่เขาก็จะไม่ทำให้ท่านอ๋องต้องกังวลใจ หลังจากครบหนึ่งชั่วยามเขาจะพาหนานหนานกลับไป
ตำหนักเป่าอ๋องอยู่ค่อนข้างไกลจากตำหนักซิวอ๋อง แม้ว่าจะอยู่ในเมืองหลวง ใกล้กับพระราชวังมาก แต่สถานที่แห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกส่วนอีกที่อยู่ทิศตะวันตก ด้วยเหตุนี้จึงใช้เวลาค่อนข้างมาก
รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปด้านหน้าเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้ว ในที่สุดก็จอดลงที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของตำหนักเป่าอ๋อง
เย่หลานผิงกระโดดลงจากรถก่อน และอุ้มหนานหนานลงมาด้วยตนเอง จากนั้นจึงเดินจูงมือเล็ก ๆ ของเขาให้ความรู้สึกสนิทสนมกันราวกับพี่ชายกำลังจูงน้องชาย
ประตูบานใหญ่มีสาวใช้และคนรับใช้เข้ามาต้อนรับแล้ว ทั้งยังเชิญพวกเขาให้เข้าไปด้านในอย่างนอบน้อม
“กินข้าว ๆ พี่ชาย ข้าหิวแล้ว” หนานหนานแทบจะก้าวเท้าไปด้านในห้องรับรองด้านหน้าแล้ว เขากลืนน้ำลายและตะโกนออกมาโดยไม่ได้รักษาภาพลักษณ์
เย่หลานผิงถึงกับมุมปากกระตุกวูบ หิวแล้ว? ขนมและผลไม้ที่เตรียมไว้บนรถม้านั่น มิใช่ว่าลงไปอยู่ในท้องของเขาหมดแล้วหรอกหรือ?
โชคดีที่เขาให้คนกลับมาเตรียมล่วงหน้าแล้ว ตอนนี้จึงไม่ต้องปล่อยให้พวกเขารอนานเกินไป
“หนานหนานอย่าร้อนใจ พวกเราไปนั่งที่โถงบุปผาทางฝั่งนั้นก่อน พี่จะให้คนยกของอร่อย ๆ มาให้” เย่หลานผิงจับมือเขาเดินตรงไปยังโถงบุปผาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
ยังเดินไปไม่ถึง จมูกของหนานหนานก็สูดฟุดฟิดสองครั้ง “หอมจังเลย ข้าได้กลิ่นแล้ว”
ครั้นพูดจบ ก็ปล่อยมือออกจากมือของอีกฝ่าย ขาสั้น ๆ เล็ก ๆ รีบปรี่ตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงด้านใต้โต๊ะ เขาออกแรงปีนขึ้นเก้าอี้อยู่สองสามครั้ง จ้องมองไปยังปูขนที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
ใบหน้าของเย่หลานผิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาค่อย ๆ ขยับมานั่งลงข้าง ๆ หนานหนาน โบกมือเพื่อให้สาวใช้มาช่วยดูแลหนานหนานเพื่อรับประทานอาหารค่ำ
ใครจะไปคิดว่าเด็กน้อยกลับโบกมือ ผลักอีกฝ่ายออกไป “ไม่ต้อง ๆ ข้ากินเองได้ อย่ามายืนข้าง ๆ มันส่งผลกระทบต่อการกินอาหารของข้า”
เย่หลานผิงก็ไม่ได้บังคับฝืนใจ สั่งให้สาวใช้ไปยืนข้าง ๆ ก่อนจะหันไปถามพ่อบ้านตำหนักอ๋องที่เดินตามเข้ามา “ท่านพ่อล่ะ?”
“รายงานซื่อจื่อ ท่านอ๋องและหวังเฟย [1] ไปคารวะซูเฟยเหนียงเหนียง ยังไม่กลับมาขอรับ”
เย่หลานผิงพยักหน้า ที่แท้ก็เข้าวังไปเข้าเฝ้าเสด็จย่านี่เอง แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จู่ ๆ เขาก็พาหนานหนานกลับมาเช่นนี้ หากเสด็จพ่ออยู่ที่นี่ บางทีอาจเกิดเรื่องมากกว่านี้ก็เป็นได้
หลังจากกลอกตา เย่หลานผิงจึงหันมายิ้มให้หนานหนานที่กำลังกินอาหารอย่างตะกละตะกลาม หางตากลับเหลือบมองเหวินเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ภายในใจก็แอบรู้สึกขุ่นเคือง
องครักษ์เหวินผู้นี้ไม่รู้ความเอาเสียเลย ยืนกรานจะยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ ไม่ยอมออกห่าง ทำให้เขาและหนานหนานมิอาจพูดเรื่องส่วนตัวได้
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็กระแอมไอเสียงเบา หันไปพูดกับเหวินเทียนว่า “องครักษ์เหวินก็ออกไปกินอะไรสักหน่อยเถิด หิวขึ้นมาคงกลายเป็นความผิดของตำหนักเป่าอ๋องเรา หากท่านลุงห้าทราบเรื่องเข้า ท่านลุงจะคิดเช่นไร”
หนานหนานกำลังกินเนื้อวัวที่เพิ่งถูกยกมาตั้งโต๊ะ เขาเหลือบมองเหวินเทียนและเย่หลานผิงปราดหนึ่ง ก่อนจะเขมือบกินต่อ
เหวินเทียนตอบกลับเสียงเบาอย่างไร้อารมณ์ว่า “ขอบคุณผิงซื่อจื่อที่เป็นห่วง ข้าน้อยได้รับคำสั่งจากท่านอ๋องว่าห้ามออกห่างจากข้างกายคุณชายน้อยแม้แต่ก้าวเดียว คุณชายน้อยยังเด็ก เพื่อไม่ให้หกล้มหรือชนเข้ากับอะไร ถึงเวลานั้นหากเกินเรื่องขึ้นต่อให้ตายก็เป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงความผิด”
เย่หลานผิงขบฟันแน่น บุคคลผู้นี้มั่นคงเป็นหินจริง ๆ
ครั้นสะบัดเขาไม่หลุด จึงทำได้เพียงแค่หันไปลงมือกับหนานหนาน
“หนานหนาน ในเมื่อเจ้าให้ของขวัญพี่แล้ว เช่นนั้นพี่ก็คงมิอาจตระหนี่ถี่เหนียวได้ เจ้าไปกับพี่ ในกรุสมบัติของพี่มีของเยอะเลยนะ เจ้าอยากไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
หนานหนานมีดวงตาเป็นประกายภายในพริบตาเดียว เขาว่าแล้วเชียว มาที่ตำหนักเป่าอ๋องนี่แหละคิดถูกแล้ว เขารู้อยู่แล้วว่าไข่มุกราตรีเม็ดนั้นต้องเป็นของทำเงิน หนานหนานยิ่งคิดก็ยิ่งมีความสุข
ระหว่างที่กินอาหารอย่างตั้งใจก็ออกแรงพยักหน้าไปพลาง ๆ “อยากดู ๆ”
เหวินเทียนถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน เย่หลานผิงคิดจะทำอะไรกันแน่?
“เช่นนั้นก็รีบกินเถิด กินเสร็จแล้วพี่จะพาเจ้าไป”
หนานหนานยิ้มตาหยีสดใสเกินกว่าหาสิ่งใดทัดเทียม กินอาหารโดยปราศจากความกังวลใจใดๆ
เพียงไม่นาน หนานหนานก็กินอิ่มจนท้องป่อง เขาปีนลงจากเก้าอี้อย่างยากลำบาก ทั้งยังออกแรงเรออีกหนึ่งครั้ง
เหวินเทียนแอบกุมขมับ เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าเพื่อเช็ดคราบน้ำมันที่มุมปากให้หนานหนาน ทั้งยังแอบเป็นกังวลว่าหนานหนานจะท้องอืด แม้ว่าโดยปกติแล้วจะเห็นหนานหนานกินอาหารมากขนาดนี้ แต่ทุกครั้งที่เห็น เขาก็รู้สึกเป็นห่วงแทนกระเพาะของหนานหนานทุกครั้ง
หนานหนานกลับไม่สนใจ เขาเดินไปข้าง ๆ เย่หลานผิง พูดด้วยความตื่นเต้น “ไปกันเถอะ พวกเราไปดูของดีกัน”
เย่หลานผิงเหลือบมองเหวินเทียนปราดหนึ่ง ก่อนจะจูงมือเขาเดินไปโดยมีความคิดสุดลึกล้ำแอบแฝงอยู่
พวกเขาเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องเก็บของขนาดเล็ก ก่อนจะหยุดลง
เย่หลานผิงเปิดประตูห้อง หนานหนานก็พุ่งตัวเข้าไปด้านในทันที เหวินเทียนอยากจะติดตามเข้าไปด้วย แต่กลับถูกห้ามไว้
“อะไรกัน องครักษ์เหวินจะเข้าไปด้วยหรือ? แต่ที่นี่มิใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ตามอำเภอใจหรอกนะ แม้ว่าองครักษ์เหวินจะเป็นคนของท่านลุงห้าของข้า แต่ก็ควรจะรู้จักที่ต่ำที่สูงด้วย สถานที่ใดควรเข้าไป สถานที่ใดไม่ควรเข้าไป หรือว่าเจ้าไม่รู้เลยหรือ?”
เย่หลานผิงใช้มือข้างหนึ่งค้ำวงกบประตู แม้ว่าจะไม่ได้สูงเท่าเหวินเทียน แต่ก็ใช้ท่าทางเย่อหยิ่งเหลือบมองอีกฝ่าย
เหวินเทียนหรี่ตาลง ภายในใจแอบยิ้มเยาะ เย่หลานผิงผู้นี้ไม่ได้จิตใจดีอย่างที่คิดไว้จริง ๆ
“เหตุใดองครักษ์เหวินถึงได้ประหม่าเช่นนี้ เฮ้อ ข้าไม่ได้ทำอะไรหนานหนานสักหน่อย เด็กคนนั้นทำให้ข้าชอบจนทำใจทำร้ายเขาไม่ลงหรอก อีกอย่างเขาก็เป็นคนในจวนท่านลุงห้าด้วย ข้าไม่กล้าทำอะไรเขาอยู่แล้ว มิเช่นนั้น ลุงห้าคงได้ฆ่าข้าเป็นแน่ เจ้าอย่าได้กังวลใจ ข้าก็แค่ให้เขาเข้าไปเลือกของที่ชอบสักชิ้น มากสุด…มากสุดก็ใช้เวลาแค่หนึ่งก้านธูป ข้าก็จะให้เขาออกมา ตกลงหรือไม่?”
เย่หลานผิงทราบดีว่าไม่สามารถใช้ไม้แข็งได้ จึงทำได้แค่เพียงเจรจากับเขา
เหวินเทียนเห็นหนานหนานปรี่ตัวเข้าไปด้านในสุดแล้ว คิ้วจึงขมวดเข้าหากัน ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เดินตามเข้าไปด้านในห้องนั้น
แม่นางอวี้บอกว่าหนานหนานมีความสามารถในการป้องกันตัวเองขั้นพื้นฐาน ไม่สามารถติดตามตลอดเวลาได้ มิเช่นนั้นจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กคนนี้ไม่พอใจ ถึงเวลานั้นหากทำตัวดื้อรั้นขึ้นมา คงได้ไม่คุ้มเสีย
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง เหวินเทียนจึงพยักหน้า มุมปากเหยียดเป็นเส้นตรง “หนึ่งก้านธูป”
เย่หลานผิงแย้มยิ้ม หมุนตัวเดินเข้าไปด้านในห้องและปิดประตูด้วยรอยยิ้มตาหยี
……………………………………………………………………………………………..
[1] หวังเฟย (王妃) ตำแหน่งพระชายาเอกในอ๋อง ซึ่งตำแหน่งนี้ผู้เป็นอ๋องสามารถแต่งตั้งได้คนเดียว
สารจากผู้แปล
ห่วงก็แต่อ๋องซิวหรือชิงลั่วจะมาบุกตำหนักเป่าอ๋องหรือเปล่าเนี่ยแหละ นี่เท่ากับลักพาตัวลูกเขาเลยนะ
ไหหม่า(海馬)