อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1010 ความจริงที่น่าตกใจ
ตอนที่ 1010 ความจริงที่น่าตกใจ
ตอนที่ 1010 ความจริงที่น่าตกใจ
“นั่นมัน…” รูม่านตาของเหมิงกุ้ยเฟยหดตัวลงในทันใด
อวี้ชิงลั่วเดินไปหยิบยาในมือของเหมิงจื่อฉีมาเขย่า แล้วเดินไปหาเหมิงกุ้ยเฟย “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ในเมื่อท่านบอกว่าท่านเป็นหมู่เฟยผู้ให้กำเนิดขององค์ชายซิว เช่นนั้นท่านจะยอมให้ใช้สิ่งนี้ล้างปานบนร่างกายของท่านหรือไม่?”
“เจ้ากล้าหรือ?”
“เหตุใดข้าจะไม่กล้าเล่า?” อวี้ชิงลั่วพูด พร้อมกับเดินไปหานางทีละก้าว
เหมิงกุ้ยเฟยเริ่มถอยห่าง แต่ถอยไปได้ไม่กี่ก้าว นางก็สะดุดล้มลงกับพื้น
อวี้ชิงลั่วคร่อมร่างนางไว้ แล้วฉีกเสื้อผ้าของนางออกโดยไม่เอ่ยคำใดสักคำ
เหมิงจื่อเชียนและเย่ซิวตู๋หันหน้าหนีด้วยความเข้าใจ มีเพียงเสียงแหลมของเหมิงกุ้ยเฟยเท่านั้นที่ดังก้องหู “นางแพศยา เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำกับข้าเช่นนี้ ปล่อยนะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่ เจ้าทำให้ข้าอับอายเช่นนี้ ไม่ช้าก็เร็ว ข้าจะทำให้ชีวิตเจ้าทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตาย”
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจ และเทยาใส่มือ แล้วถูที่ปานรูปดอกไม้ตรงเอวของนาง
“กรี๊ด…” เหมิงกุ้ยเฟยร้องลั่น เสียงของนางก็ได้ยินไปไกล
อวี้ชิงลั่วหยุดหลังจากนั้นครู่หนึ่ง พร้อมกับรอยยิ้มเย้ยหยันที่มุมปาก “ดูสิ ปานถูกชะล้างออกไปแล้ว กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงยังคิดว่าตัวเองและองค์ชายซิวเป็นแม่ลูกกันอยู่อีกหรือไม่?”
เหมิงกุ้ยเฟยหันหน้าไปมองทันที ดวงตาของนางแดงก่ำ นางมองอวี้ชิงลั่วด้วยความอาฆาตแค้น
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืนทันที โดยไม่สนใจความโกรธแค้นของเหมิงกุ้ยเฟย แล้วคืนขวดยาให้เหมิงจื่อเชียน
เหมิงกุ้ยเฟยนั่งลงด้วยสติที่เลือนราง ก่อนจะหัวเราะดังลั่น ผมเผ้าของนางกระเซิง เสื้อผ้าขาดวิ่น ดูเหมือนหญิงวิปลาส
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ทำเกินไปหรือเปล่า? นางเป็นบ้าหลังจากถูกกระตุ้นหรือ? มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอกกระมัง?
“รังแกกันมากเกินไป พวกเจ้ารังแกกันมากเกินไปแล้วจริง ๆ” เหมิงกุ้ยเฟยยืนขึ้นทันที และจ้องมองพวกเขาทีละคน โดยเริ่มจากเย่ซิวตู๋ “เจ้าเป็นคนทำชั่วในตอนนั้น เจ้าทำให้ข้าต้องเป็นเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าต้องการจะทำลายข้า จึงไม่ต้องการให้มีปานนี้อีกต่อไปแล้วใช่หรือไม่? พวกเจ้าใจร้ายมากเกินไป”
ทันทีที่นางพูดจบ นางก็ยกมือขึ้นขณะพูดกับเย่ซิวตู๋ต่อ “เจ้า เจ้าคิดว่าแม่ของเจ้าเป็นคนอย่างไร? หยิ่งผยองและบ้าอำนาจ เดิมทีตำแหน่งเหมิงกุ้ยเฟยเป็นของข้า แต่นางทำให้ข้าต้องผิดหวัง ด้วยการเข้าอภิเษกสมรสแทนข้า มันจะไม่เป็นไรนักหากนางชอบ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด ข้าไม่สนหรอก แต่เหตุใด เหตุใดนางต้องตาย เหตุใดนางจึงอยากปกป้องเจ้าให้เติบโตมาได้ อยากให้ข้าใช้ชีวิตอยู่ด้วยการสวมรอยตัวตนของนาง อภิเษกสมรสกับฝ่าบาท อยู่ในวังโดยไม่เคยได้ออกไปไหน เพราะเหตุใดกัน?”
เย่ซิวตู๋เม้มปาก โดยไม่ได้เอ่ยคำใด และยังคงมีสีหน้าเย็นชา
“และเจ้า” ทันใดนั้นนิ้วของเหมิงกุ้ยเฟยก็ชี้ไปที่เหมิงจื่อเชียน “ข้าก็เป็นลูกสาวเหมือนกัน แต่ปู่ของเจ้าไม่เคยปฏิบัติต่อข้าเหมือนลูกสาวเลย ฮ่า หากเขามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ รู้สึกละอายใจ เหตุใดเหมิงหลิงหลงถึงไม่ถูกจับกลับมาระหว่างเดินทางไปแต่งงานแม้ว่านางจะทำผิด? รู้อยู่แล้วใช่หรือไม่ว่าเหมิงหลิงหลงไม่อยากแต่งงานกับประมุขเผ่าเหมิงถึงได้ตามใจนาง? แล้วข้าเล่า? เขาเคยสนใจข้าบ้างหรือไม่?”
เหมิงจื่อเชียนขมวดคิ้ว เขาไม่มีสมาธิหนักแน่นเหมือนเย่ซิวตู๋ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะอธิบาย “เมื่อปู่ของข้ารู้ถึงการมีอยู่ของท่าน เขาก็รีบส่งคนไปรับท่านมาจากบ้านพัก แต่จู่ ๆ ท่านก็หายตัวไป ท่านปู่ตามหาท่านมาหลายปีแล้ว และเขาเป็นห่วงท่านมาก เรื่องการแต่งงานมันเป็นบทสรุปในตอนนั้นไปแล้ว ท่านปู่จึงทำอะไรไม่ได้”
“หุบปาก เจ้ามันคนหน้าซื่อใจคด พยายามใช้เหตุผลที่ฟังดูสูงส่ง” เหมิงกุ้ยเฟยตวาดดังลั่น “เจ้าก็ดีแต่พูดจาให้ฟังดูดี แล้วเหตุใดเขาถึงไม่ห้ามเหมิงหลิงหลงไม่ให้คิดเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้ตอนที่นางกำลังจะตายบ้าง? เขากลับเห็นด้วยว่าจะให้ข้าเข้าวังไปดูแลลูกชายแทนพี่สาวฝาแฝด และใช้ชีวิตทุกย่างก้าวในวังที่มีแต่พวกกินคนไม่คายกระดูกไม่ใช่หรือ? หากเขารู้สึกผิดต่อข้าจริง ๆ เขาก็คงไม่ผลักข้าลงไปในกองไฟ”
เหมิงจื่อเชียนเม้มปาก และรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องจริง ๆ
แต่ว่า…
“ชาวเหมิงให้ความสำคัญกับเด็กที่มีปานรูปดอกไม้มาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ในตอนนั้นลูกพี่ลูกน้องของข้ายังเด็ก ชาวเหมิงทุกคนมีหน้าที่ต้องเสียสละ เพื่อปกป้องเด็กที่มีปานรูปดอกไม้ ยิ่งกว่านั้นคือนี่เป็นเรื่องที่ประมุขเผ่าเหมิงในตอนนั้นตัดสินใจ รวมถึงผู้อาวุโสเผ่าเหมิงด้วย ดังนั้นจึงต้องสละตัวตนเล็ก ๆ เพื่อเติมเต็มตัวตนที่ยิ่งใหญ่”
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” เหมิงกุ้ยเฟยระเบิดเสียงหัวเราะ “ดังนั้นด้วยเหตุผลเช่นนี้ เหมิงซินและข้าจึงต้องถูกแยกจากกันทั้งเป็นได้ ใช่หรือไม่? พวกเราสมควรถูกแยกจากกันทั้งเป็นใช่หรือไม่?”
เหมิงซินหรือ? นั่นคือชายที่เหมิงกุ้ยเฟยรัก
อวี้ชิงลั่วแอบคิดอยู่ในใจ แต่เหมิงซินคนนี้… นางไม่เคยได้ยินเรื่องของเขามาก่อน นางคิดว่าคนที่เหมิงกุ้ยเฟยชอบคือเหมิงพั่ว แต่กลายเป็นว่า…ไม่ใช่
แล้วตอนนี้เหมิงซินอยู่ที่ใด?
เขาอยู่เคียงข้างเหมิงกุ้ยเฟยตลอดเวลาหรือไม่? หรือเขาจากไปแล้วหลังจากรู้ว่าเหมิงกุ้ยเฟยได้อภิเษกเข้าวัง?
เฮ้อ นอกเหนือจากเรื่องที่นางพยายามสังหารฮ่องเต้และเย่ซิวตู๋แล้ว เหมิงกุ้ยเฟยก็สมควรได้รับความเห็นใจจริง ๆ
นางถูกพ่อแม่ทอดทิ้งตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อเติบโตขึ้น พี่สาวของนางก็แย่งการแต่งงานที่ควรจะเป็นของนางไป คิดว่าเรื่องจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าท้ายที่สุดแล้ว นางจำต้องยอมสละความสุขทั้งชีวิตเพื่อพี่สาวของตัวเอง
หากเป็นนาง เกรงว่าก็คงจะแค้นใจเช่นกัน
แม้ว่าสิ่งที่เหมิงจื่อเชียนพูดไปจะสมเหตุสมผล แต่จากมุมมองของคนนอกที่มองเข้าไป มันก็ผิดศีลธรรมจริง ๆ
ทัศนคติของชาวเหมิงที่มีต่อเด็กที่มีปานรูปดอกไม้ ดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปเล็กน้อย
ไม่น่าแปลกใจที่มีคนอย่างเหมิงจื้อเฉิงและเหมิงกุ้ยเฟยที่เกลียดปานรูปดอกไม้
เฮ้ยๆๆ อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าอย่างแรง นางกำลังคิดอะไรอยู่ เหตุใดนางจึงรู้สึกเห็นอกเห็นใจเหมิงกุ้ยเฟยแทน? ความคิดของสตรีคนนี้ผิดเพี้ยนไปนานแล้ว การพยายามสังหารสามีของนางครั้งแล้วครั้งเล่านั้นไม่อาจให้อภัยได้
“เหมิงซินของข้า ถูกพวกเขาทรมานอย่างแสนสาหัส” เสียงคร่ำครวญของเหมิงกุ้ยเฟยดังขึ้นอีกครั้ง อาจเป็นเพราะนางกำลังนึกถึงอดีต อารมณ์ของนางจึงสงบลงมากในทันใด “ทำให้เราต้องพรากจากกันแล้ว เหตุใดยังต้องขังเขาไว้และทรมานเขาด้วย? ข้าสัญญาแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไปแทนที่พี่สาวของข้าในฐานะนางสนมของฮ่องเต้? เหตุใดไม่ปล่อยเขาไป?”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ทันใดนั้นนางก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
อวี้ชิงลั่วรู้สึกกระวนกระวายใจ และต้องการเข้าไปสัมผัสชีพจรนาง เพื่อดูว่านางเป็นบ้าไปแล้วจริงหรือไม่?
แต่ทันใดนั้นเอง เหมิงกุ้ยเฟยก็ผุดลุกขึ้น แล้วชี้หน้าเย่ซิวตู๋ด้วยนิ้วอันสั่นเทา “เจ้าเพิ่งบอกว่าเจ้าสงสัยว่าน้องเจ็ดของเจ้าไม่ใช่โอรสของฝ่าบาทไม่ใช่หรือ? ฮ่าๆๆ ข้าหวังว่าเขาจะไม่ใช่ ข้าหวังว่าเขาจะเป็นลูกชายของเหมิงซินกับข้า แต่ว่า แต่ว่า… แต่ว่าแม่ของเจ้าไม่ได้ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายเลย นางจับเขามาเฆี่ยนตีแล้วยังไม่พอ เหตุใดต้องทำให้เขาเป็นหมันด้วย? อยากทำให้เขาเจ็บปวดไปตลอดชีวิตหรือ? เพราะเหตุใดกัน?”
อวี้ชิงลั่วตัวแข็งทื่อทันที ทันใดนั้นก็หันไปมองเย่ซิวตู๋
เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเย่ซิวตู๋มีปฏิกิริยา ก็เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจเช่นกัน
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนเราตัดสินกันเพียงด้านเดียวไม่ได้จริงๆ ด้วย ความจริงที่ออกมาก็คือฝ่ายแม่แท้ๆ ของท่านอ๋องก็ร้ายไม่เบา แล้วไหนจะความเชื่อที่ฝังหัวกันมานานจนทำให้ชีวิตคนที่ไม่เป็นไปตามที่สังคมกำหนดต้องบิดเบี้ยวด้วย
ไหหม่า(海馬)