อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1011 แผนการเดิมของนาง
ตอนที่ 1011 แผนการเดิมของนาง
ตอนที่ 1011 แผนการเดิมของนาง
ตอนเขาหรือ?
เหมิงหลิงหลงลงมือตอนเหมิงซินจริงๆ หรือ
อวี้ชิงลั่วคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างเหลือเชื่อ มันโหดร้ายเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ
เหมิงกุ้ยเฟยตัวสั่นไปทั้งร่าง ร้องไห้เสียจนแทบหายใจไม่ออก นิ้วมือสั่นเล็กน้อย สีหน้าโศกเศร้า “เหตุใดพวกเจ้าจึงไร้มนุษยธรรมเช่นนี้ ข้าทำเรื่องใดผิดกันแน่ ข้ารับปากไปหมดแล้ว ข้ารับปากพวกเขาไปหมดแล้ว แต่ยังต้องตัดเส้นทางสุดท้ายของชีวิตข้าอีกหรือ?”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก เดินไปข้างกายเย่ซิวตู๋อย่างช้า มือขวาจับมือของเขาไว้ สีหน้ายังคงตกใจอย่างมาก
“เหมิงซินผิดอันใดเล่า? เดิมทีเขาก็เป็นคนมีพรสวรรค์ มีฝีมือ รูปร่างหน้าตางดงามเกินธรรมดา เขามีอนาคตที่สดใส แต่พวกเขากลับโหดร้ายกับเขาเช่นนั้น” เหมิงกุ้ยเฟยเมื่อนึกถึงคนรักในอดีตก็ล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ในใจรู้สึกอ้างว้างอย่างมาก
ความจริงแล้ว ต่อให้ตอนนั้นเหมิงหลิงหลงและผู้อาวุโสสกุลหมิงจะทำกับนางเช่นนั้น ต่อให้จะพรากนางกับเหมิงซินออกจากกัน ให้นางเข้าวังเป็นสนม ถึงแม้ในใจของนางจะยังโกรธแค้น ถึงแม้ใจจะไม่สงบ แต่อย่างน้อยก็ยังคงมีความวังเหลืออยู่เล็กน้อย
ฟางเส้นสุดท้ายของจริงที่บีบคั้นจนทำให้นางเปลี่ยนไปเป็นบ้าคลั่ง เปลี่ยนไปเป็นโหดเหี้ยม เปลี่ยนไปเป็นอยากจะฆ่าเย่ซิวตู๋เสียให้ได้นั้น ก็คือการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมและโหดเหี้ยมที่เหมิงซินได้รับ
เดิมทีนางคิดว่าแต่งงานก็แต่งไปเถิด เพียงแค่ต้องเข้าวังเท่านั้น เพียงแค่ต้องเลี้ยงเด็กของชาวเหมิงคนหนึ่งเท่านั้น
ขอเพียงความรู้สึกของนางแข็งแกร่งยิ่งกว่าทองคำ ขอเพียงเหมิงซินยึดมั่นในตัวนางจนวันตาย นางเชื่อว่าความรู้สึกของพวกนางจะสามารถต้านทานบททดสอบได้ ดังนั้นจนกระทั่งเหมิงหลิงหลงตายแล้ว จนกระทั่งช่วยเหมิงซินออกมาได้ พวกเขาก็จะได้อยู่ด้วยกัน
ขอเพียงพวกเขาต้องรออีกสองสามปีก็ใช้ได้แล้ว นางเลี้ยงดูเย่ซิวตู๋อยู่ในวังจนสามารถปกป้องตนเองได้ นางก็จะสามารถหนีออกจากวังอยู่ร่วมกับเหมิงซิน ไม่กลับดินแดนเหมิงและไม่กลับอาณาจักรเฟิงชาง ชีวิตของนางก็จะยังคงสวยงาม
ดังนั้นในช่วงแรกๆ ที่นางได้เป็นเหมิงกุ้ยเฟย นางก็เอาแต่ปฏิเสธที่จะร่วมหอกับฝ่าบาทด้วยเหตุผลที่ว่าเพิ่งคลอดบุตร
เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของตนเอง นางจึงร่วมมือกับหมอหลวงของไท่อีเยวี่ยน บอกว่าตนตกเลือดหนักหลังคลอด ร่างกายไม่สะอาดนัก เกรงว่าจะไม่สามารถร่วมรักได้อีกประมาณสามถึงห้าปี
ถึงแม้สิ่งนี้ฝ่าบาทฟังแล้วจะไม่ปลื้มนัก แต่ก็ไม่ไปทำให้นางลำบากใจ
ในวังหลวงมีนางสนมมากมาย ถึงแม้เขาจะโปรดปรานเหมิงกุ้ยเฟย แต่ฮ่องเต้ล้วนจิตใจอำมหิตมาตั้งแต่โบราณ ความโปรดปรานที่เขามีให้เหมิงกุ้ยเฟย ส่วนมากนั้นมาจากรูปร่างหน้าตาของนาง ภูมิหลังของนางรวมไปถึงนิสัยและปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายรวมกัน
ตอนนี้สุขภาพของนางไม่ดีนัก จริงๆ แล้วฮ่องเต้ก็สงสารนางเล็กน้อย อย่างไรเสียนางก็ให้กำเนิดบุตรที่เขาตั้งความหวังไว้มากที่สุดและรักใคร่มากที่สุดด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ในวังหลวงระยะนี้ก็ยังมีหมิ่นเฟยเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง
นิสัยของหมิ่นเฟยนั้นยึดมั่นในคุณธรรม เหมือนกิ่งดอกเหมยอันสูงส่งในวังหลวง สำหรับฮ่องเต้แล้วนี่เป็นเรื่องที่ใหม่มาก ในตอนนั้นเขาคิดเอาไว้ในใจว่าจะต้องเอาชนะนางให้ได้ จึงใช้เวลาส่วนใหญ่พักผ่อนอยู่ในตำหนักของหมิ่นเฟย จนกระทั่งนางตั้งครรภ์องค์ชายหก จึงค่อยๆ จืดจางลงไปบ้าง
เพียงแต่ในช่วงเวลานั้น ฮ่องเต้เองก็ไปเยี่ยมเหมิงกุ้ยเฟยอยู่บ่อยๆ ที่มากกว่านั้นคือไปเยี่ยมเย่ซิวตู๋ เพียงแต่ทุกครั้งที่พบเหมิงกุ้ยเฟยนอนป่วยไร้สติอยู่บนเตียง ทุกครั้งที่พูดคุยไปได้ครึ่งหนึ่งก็ง่วงงุนอยากจะเข้านอนแล้ว
หลายๆ ครั้งเข้า ฮ่องเต้เองก็ไม่ค่อยจะเต็มใจไปที่ตำหนักอี๋ซิ่งของนาง เพียงแต่สั่งคนให้คอยดูแลให้ดี ส่งอาหารเสริมมากมายไปให้
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาที่กำลังเป็นที่สนใจในขณะนั้นก็เริ่มเปลี่ยนความคิดของนาง ระแวดระวังต่อเหมิงกุ้ยเฟยน้อยลง
อย่างไรเสียนางสนมที่ไม่สามารถร่วมรักเข้าห้องหอกับฮ่องเต้ได้สามถึงห้าปี ไม่นานก็จะถูกฮ่องเต้ลืม ต่อไปรอจนนางร่างกายแข็งแรงแล้ว ถึงตอนนั้นก็คงมีอายุประมาณหนึ่งแล้ว ฮ่องเต้ก็คงไม่สนใจอีก
ดังนั้นสำหรับเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว ช่วงที่นางเพิ่งมาถึงวังหลวง กลับเป็นช่วงชีวิตที่มั่นคงและสงบที่สุด
และด้วยเหตุนั้น นางก็ค่อยๆ เริ่มเห็นความซับซ้อนในวังหลวงได้อย่างชัดเจน รู้ว่าใครเป็นที่โปรดปรานที่สุด ใครบ้างที่ได้รับความรักใคร่จากฮ่องเต้มากที่สุด ถึงขนาดค่อยๆ เข้าใจนิสัยใจคอของฮ่องเต้ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย
เพียงแต่เมื่อเผชิญหน้ากับเย่ซิวตู๋ ก็มักจะนึกถึงความไม่ยุติธรรมของเหมิงหลิงหลงที่ปฏิบัติกับนาง ถึงขนาดนึกถึงเหมิงซินที่ยังคงถูกขังและต้องซ่อนตัว
ดังนั้นกับเย่ซิวตู๋แล้ว นอกจากจะแวะไปดูเขาทุกวันราวกับเป็นกิจวัตรแล้ว ช่วงเวลาอื่นๆ นางก็ไม่ไปสนใจมากนัก
อย่างไรเสียหน้าที่ของนางมีเพียงให้เขาโตขึ้นอย่างแข็งแรงเป็นใช้ได้ นางเองก็รู้ รอจนเย่ซิวตู๋โตขึ้นห้าหกขวบแล้ว ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็จะนำตัวเขากลับดินแดนเหมิง สอนทักษะการต่อสู้ให้เขา
และในตอนนั้น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่หน้าที่ของนางลุล่วงและไปจากวังนี้
ทว่าความคิดของนางนั้นไร้เดียงสาเกินไป และเป็นอุดมคติเกินไป
ชีวิตอันสวยงามที่นางสร้างขึ้นกลับพังทลายลงอย่างหมดสิ้นเมื่อเย่ซิวตู๋อายุสองปีเต็ม
เหมิงซินที่ถูกประมุขดินแดนเหมิงและผู้อาวุโสสกุลหมิงซ่อนตัวเอาไว้ในความมืดมาโดยตลอด ถึงแม้จะเขียนจดหมายส่งให้นางฉบับหนึ่งทุกๆ สองเดือน แต่นางก็ไม่ได้พบตัวคน ไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง คิดแต่เพียงว่าอย่างไรผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ยังพอมีความรู้สึกผิดต่อนาง คงจะรับปากนางว่าจะดูแลเขาอย่างดี
ใครจะรู้ว่ามีวันหนึ่ง จู่ๆ ก็มีข่าวแว่วมาว่าเขาถูกจับตอนเสียจนไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ ถึงขนาดบ้าคลั่งไปแล้วด้วย
ตอนนั้นเหมิงกุ้ยเฟยเองก็แทบจะเป็นบ้าไปด้วย หลังจากนั้นก็ช่วยเหมิงซินออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใด เห็นสภาพของเขาแล้ว เหมิงกุ้ยเฟยก็ได้รู้ว่าทุกสิ่งที่ตนคิดเอาไว้นั้นผิดถนัด เหมิงหลิงหลงก็ดี ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็ดี เดิมทีก็ไม่ได้มองว่านางเป็นน้องสาว หรือบุตรสาวเลยแม้แต่น้อย
เพื่อเย่ซิวตู๋แล้ว พวกเขาสามารถตัดขาดทางออกของนางได้ทั้งหมด
นางไม่มีทางออกแล้ว ไม่เหลือสิ่งใดอีกแล้ว
เช่นนั้นแล้วนางจะต้องสนใจอันใดอีก? นางต้องการแก้แค้น นางต้องการให้คนที่มีปานรูปดอกไม้ทุกคนถูกฝังไปพร้อมกัน นางต้องการให้ผู้อาวุโสสกุลหมิงชดใช้
พวกเขารักใคร่เย่ซิวตู๋มากไม่ใช่หรือ? ได้สิ คนแรกที่นางจะฆ่าก็คือเขา
ทว่าเหมิงกุ้ยเฟยกลับคิดไม่ถึง ราวกับว่าเหมิงหลิงหลงรู้ตั้งนานแล้วว่านางจะไม่เต็มใจ ดังนั้นดังนั้นรอบกายเย่ซิวตู๋จึงมีแต่ยอดฝีมือ แม้แต่แม่นมของเย่ซิวตู๋เองก็ยังเป็นคนมีฝีมือ เหมิงกุ้ยเฟยจึงไม่มีทางลงมือได้เลย
คนของนางฆ่าไปคนแล้วคนเล่า ถึงแม้ยอดฝีมือรอบกายเย่ซิวตู๋จะหายไปบ้าง แต่สุดท้ายนางก็ไม่สามารถทำสำเร็จได้
หลังจากนั้นนางก็คิดออก คนที่นางต้องการแก้แค้นไม่ได้มีเพียงเย่ซิวตู๋คนเดียว หากนางต้องการแก้แค้นชาวเหมิง นางก็ต้องมีอำนาจ ขอเพียงมีอำนาจสูงสุด นางก็จะสามารถแก้แค้นชาวเหมิงได้
นางรู้ว่าฮ่องเต้รักใคร่เย่ซิวตู๋ สองปีมานี้ถึงแม้จะไม่ได้มาพักอยู่กับนาง แต่ทุกๆ เดือนก็จะมาดูเย่ซิวตู๋ ถึงแม้จะไม่บ่อยนัก แต่ก็ทำให้นางรู้ว่าฮ่องเต้รักใคร่เย่ซิวตู๋จริงๆ
นางรู้ดีว่าไม่สามารถฆ่าเด็กคนนี้ในวังหลวงได้ ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทก็จะสืบสวนเป็นแน่ ทำได้เพียงรอให้เขาออกจากวังหลวง ตายอยู่ข้างนอก จึงจะผลักทุกเรื่องออกไปได้
แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเย่ซิวตู๋ เหมิงกุ้ยเฟยจึงสามารถหาโอกาสใกล้ชิดกับฝ่าบาทอีกครั้งได้
ทั้งยังเปิดเผยว่าสุขภาพของตนหายดีแล้ว และสามารถเข้าห้องหอได้ด้วย
สองปีมานี้ ถึงแม้เหมิงกุ้ยเฟยจะไม่ได้เข้าใจความคิดของฮ่องเต้อย่างถ่องแท้ แต่ในด้านที่ว่าเขาชอบหญิงสาวแบบไหน ก็มั่นใจได้ถึงเจ็ดแปดส่วน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมือนกับบีบบังคับกระทั่งเขาจนตรอกอะ สุนัขจนตรอกเมื่อไหร่มันสู้ตายไปข้างแบบไม่คิดชีวิตเลยนะ สรุปคือระบบความเชื่อชาวเหมิงเลวสุด
ไหหม่า(海馬)