อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1015 เสิ่นอิงมีเรื่องจะพูด
ตอนที่ 1015 เสิ่นอิงมีเรื่องจะพูด
ตอนที่ 1015 เสิ่นอิงมีเรื่องจะพูด
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา เป็นเด็กสาวคนนี้อีกแล้วหรือ?
เหมือนว่าจะชื่ออะไรนะ? ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวหรือ?
หลังจากนางกลับมาก็ลืมถามไปเลยว่าเด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน
ขณะคิด นางก็ดึงแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋ เงยหน้าขึ้นถามเขา “แม่นางผู้นี้มาจากไหนหรือ? เหมือนว่าข้าจะไม่เคยพบมาก่อน อีกอย่าง ดูเหมือนว่านาง…จะเป็นห่วงเสิ่นอิงมากทีเดียว”
นางกล่าวพลางเลิกคิ้วอย่างมีเลศนัย
เย่ซิวตู๋เห็นท่าทางนางเช่นนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งในใจเมื่อครู่ก็เริ่มบรรเทาลง พานางไปหาฟ่านเสี่ยวเสี่ยวพลางกล่าว “นางเป็นน้องสาวของสามพี่น้องตระกูลฟ่าน ปีนี้ยังไม่สิบสามปีดี และเป็นตามที่นางบอก นางได้พบเสิ่นอิงที่เมืองตันหยาง หลงรักเขาตั้งแต่แรกพบ เพียงแต่พวกเราจะกลับเมืองหลวงในไม่ช้า นางจึงไม่อาจอยู่ที่เมืองตันหยาง ใช้โอกาสที่หมอเจียงกลับมาเมืองหลวง แอบหลบอยู่ในกลุ่มของพวกเขาแล้วตามมาตลอดทาง”
รัก… แรกพบอย่างนั้นหรือ?
อวี้ชิงลั่วตะลึงเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้น ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวก็วิ่งมาถึงตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคนแล้ว
“ท่านอ๋อง หวางเฟยเหนียงเหนียง เสิ่นอิง เสิ่นอิงเขาฟื้นแล้วเจ้าค่ะ… แฮ่กๆ… เขาอยากพบพวกท่านเจ้าค่ะ…” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวรีบร้อนวิ่งมาเสียจนหายใจติดขัด “หวางเฟยเหนียงเหนียง ฝีมือการแพทย์ของท่านช่างเก่งกาจเกินไปแล้ว เสิ่นอิงฟื้นขึ้นมารวดเร็วเพียงนี้ ข้าซาบซึ้งมากจริงๆ เจ้าค่ะ”
นางกล่าวจบก็ไปจับมืออวี้ชิงลั่วเอาไว้แล้วเขย่าอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้งๆ ออกมา “เอ่อ ไม่ต้องขอบคุณหรอก…” เหตุใดบทสนทนาเช่นนี้ฟังดูแล้วแปลกๆ นะ? เหมือนว่าเสิ่นอิงจะเป็นคนของตำหนักพวกเขา เหตุใดต้องให้นางที่เป็น ‘คนนอก’ คนหนึ่งมาขอบคุณด้วย?
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวกลับยิ้มตาหยี เห็นได้ชัดว่าการที่เสิ่นอิงฟื้นขึ้นมาทำให้นางอารมณ์ดีอย่างมาก รีบร้อนนำทางไป
“ท่านอ๋อง หวางเฟยเหนียงเหนียง ระวังด้วยเจ้าค่ะ ตามข้ามาเจ้าค่ะ เชิญทางนี้”
อวี้ชิงลั่วเงยหน้าสบตากับเย่ซิวตู๋ โน้มตัวเข้าหาใบหูของเขาเงียบๆ แล้วถาม “ที่นี่เป็นตำหนักของท่านจริงหรือ?”
เหตุใดจึงรู้สึกว่าท่าทางของเขาที่เป็นเจ้าของยังไม่ดูเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเท่าฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเลย?
เย่ซิวตู๋เองก็จนปัญญาอย่างมาก “เจ้าอย่าไปสนใจนางเลย นิสัยของนางค่อนข้างเหมือนฟ่านซิวอวิ๋นน่ะ”
อวี้ชิงลั่วได้ยินก็ตอบ ‘อ้อ’ ออกมา เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มพลางกล่าว “จิตใจนางดูท่าจะแปรปรวนเล็กน้อยจริงๆ ต่อไปเสิ่นอิงจะต้องลำบากแน่”
แต่ว่าคนเช่นนี้กลับมีจิตใจเรียบง่าย น่าสนใจอย่างมาก
“อย่าพูดไป นางยังเล็กนัก อนาคตต่อไปยังไม่แน่นอน” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว ช่วงนี้เขากลับยุ่งมากจึงละเลยไปบ้างจริงๆ ไม่ควรให้ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวอยู่ข้างกายเสิ่นอิงไปตลอด
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้ว หยิกเขาครั้งหนึ่ง “ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร ไม่เห็นด้วยให้ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวคู่กับเสิ่นอิงหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่เห็นด้วย เพียงแต่เสิ่นอิงเองต่างหากที่จะไม่เห็นด้วย”
“อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเรามาพนันกันหรือไม่? ข้ากลับรู้สึกว่าฟ่านเสี่ยวเสี่ยวผู้นี้หัวแข็งนัก เกรงว่าจะหัวรั้นเสียยิ่งกว่าเสิ่นอิงอีก”
ทั้งสองคนพูดคุยกันเบาๆ ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่กำลังตื่นเต้นกับการที่เสิ่นอิงฟื้นขึ้นมาจึงไม่ได้มีใจจะฟัง
เมื่อใกล้จะเดินไปถึงห้องของเสิ่นอิง จู่ๆ นางก็หยุดฝีเท้า หันหน้ากลับมามองพวกเขาแล้วกล่าว “ท่านอ๋อง หวางเฟยเหนียงเหนียง เชิญเข้าด้านในเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วครุ่นคิด ก็คิดว่าควรแก้ไขให้ถูกต้องเสียหน่อย “คือว่า เสี่ยวเสี่ยว ข้ากับท่านอ๋องยังไม่ได้แต่งงานกัน เจ้าเรียกข้าว่าแม่นางอวี้เสียก่อนเถิด”
“ทำไมเล่าเจ้าคะ ฝ่าบาทพระราชทานงานแต่งให้แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ท่านยังมีบุตรแล้วอีกด้วย เรียกหวางเฟยเหนียงเหนียงแล้วผิดตรงไหนเจ้าคะ?”
“…” อวี้ชิงลั่วรู้สึกพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น
นางเงยหน้ามองเย่ซิวตู๋ อีกฝ่ายเลิกคิ้วมองนาง เขากลับชอบคำเรียกนี้ยิ่งนัก
อวี้ชิงลั่วก้มหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง ช่างเถิด นางอยากเรียกอย่างไรก็เรียกไป
หลังจากคิดก็เดินตามเย่ซิวตู๋เข้าห้องไป
เสิ่นอิงยังคงนอนอยู่บนเตียง ท่าทางดูอ่อนแรง เพียงแต่แววตากลับเป็นประกาย จ้องมองผ้าม่านโปร่งเหนือศีรษะ ไม่รู้ตัวแม้แต่ตอนที่พวกอวี้ชิงลั่วเดินเข้ามา
เย่ซิวตู๋เดินไปที่ขอบเตียงก่อน ฝีเท้าหนักขึ้นมาก
เสิ่นอิงได้สติกลับมาในทันใด เมื่อเห็นเขาก็อยากจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกเย่ซิวตู๋ดันกลับไป “เจ้าบาดเจ็บหนัก นอนอยู่เช่นนั้นแหละ”
“ขอรับ ท่านอ๋อง” สีหน้าของเสิ่นอิงเศร้าเล็กน้อย ริมฝีปากซีด น้ำเสียงเองก็แหบพร่าอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วเดินมาที่ขอบเตียงเช่นกัน เสิ่นอิงพยักหน้าให้นาง จากนั้นก็เห็นว่าฟ่านเสี่ยวเสี่ยวนั่งอยู่ข้างเตียงอย่างรู้ความ ทั้งยังช่วย…จัดผ้านวมให้เขาอีกด้วย
มุมปากของเสิ่นอิงกระตุกขึ้นมาในทันที “เสี่ยวเสี่ยว เจ้า…”
“มีอะไรหรือ? หนาวหรือ?” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวถามอย่างเป็นห่วงในทันใด
“…” เสิ่นอิงถูกนางขัดจนไม่สามารถกล่าวอะไรออกมาได้อีก
“หากท่านหนาว ข้าจะไปนำผ้านวมมาให้ท่านอีก” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเอ่ยอย่างดูรู้ความอย่างมาก
อวี้ชิงลั่วมองอยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่เห็นเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากของเสิ่นอิงหรือ? ยังต้องการผ้านวมอีกผืนอีก ไม่กลัวว่าเขาจะร้อนจนเป็นผื่นหรือ?
เสิ่นอิงเองก็จนปัญญา “เสี่ยวเสี่ยว เจ้าไม่ต้องมาดูแลข้าแล้ว”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัวข้าจะเหนื่อย ต่อไปข้าก็จะเป็นภรรยาของท่านแล้ว ก็ควรจะดูแลท่าน”
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไอ้หยา แม่นางผู้นี้ช่างกล้าพูดกล้าทำอย่างยิ่ง นางบอกแล้ว เสิ่นอิงนั้นแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย
นางมองไปยังเย่ซิวตู๋อย่างยั่วยุ อีกฝ่ายบีบมือของนางที่วางอยู่ข้างตัวอย่างจนปัญญา
เสิ่นอิงขมวดคิ้ว “เสี่ยวเสี่ยว ต่อไปอย่าพูดจาเช่นนี้อีก เจ้ายังไม่ถึงวัยออกเรือน ชื่อเสียงของหญิงสาวนั้นสำคัญมาก”
“อีกแค่สองปีข้าก็จะถึงวัยออกเรือนแล้ว ท่านก็รอข้าสองปีเอง ผ่านไปสองปีเราก็จะแต่งงานกันได้แล้ว ท่านวางใจเถิด ข้าจะเป็นภรรยาที่ดีเป็นแน่”
เสิ่นอิงกระตุกมุมปากอย่างแรงสองครั้ง เริ่มปวดหัวขึ้นมา “เสี่ยวเสี่ยว ข้าแก่กว่าเจ้าสิบปี เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
นางเพิ่งจะอายุสิบสาม ดูแล้วก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง จะรู้หรือว่าความรักความชอบคืออะไร?
ในอนาคตนางยังมีทางเลือกอีกมากมาย นางเป็นคุณหนูใหญ่แห่งบ้านพักซิ่วจิ่ง ต่อไปคงหาบุรุษที่อายุไล่เลี่ยกันและชอบพอนางได้ ไม่ใช่เขาที่อาจตายได้ทุกเมื่อทั้งยังอายุมากกว่านางถึงเพียงนี้
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเม้มปาก “สิบปีแล้วอย่างไร? ต่อให้ท่านโตกว่าข้ายี่สิบปี ข้าชอบท่านไปแล้ว ก็จะแต่งงานกับท่านอยู่ดี”
“ฟ่านเสี่ยวเสี่ยว!!” เหตุใดไม่ว่าจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ฟังเลยเล่า?
“ท่านไม่ต้องเรียกชื่อข้าอย่างแรงเพียงนั้นก็ได้ ข้ารู้ว่าท่านดูถูกข้า” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวพองแก้ม พูดเสียงดัง จากนั้นก็หมุนตัววิ่งออกนอกประตูห้องไป
เสิ่นอิงผงะ ค่อนข้างเป็นกังวล “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น เสี่ยวเสี่ยว…”
เขาอยากจะรั้งนางไว้ แต่ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวฝีเท้าว่องไว เพียงครู่เดียวก็วิ่งออกจากห้องไปจนไร้วี่แววเสียแล้ว
อวี้ชิงลั่วยืนดูอยู่ข้างๆ ก็จิ๊ปาก ช่างน่าสนใจอย่างมากทีเดียว
เสิ่นอิงได้ยินเสียงของนาง ทันใดนั้นก็ได้สติและกระอักกระอ่วนอย่างมาก “ท่านอ๋อง…”
“เสิ่นอิง เจ้าเรียกข้ากับชิงเอ๋อร์มา ก็เพื่อให้ข้าดูเจ้ากับหญิงผู้นั้นจู๋จี๋กันน่ะหรือ ในเมื่อเจ้าฟื้นแล้ว ก็คงจะมี…”
“ไอ้หยา เจ้าฟื้นแล้ว เดี๋ยวข้าจับชีพจรให้นะ ต้องดูว่ายังมีตรงไหนที่ไม่สบายจึงจะใช้ได้” อวี้ชิงลั่วเอ่ยแทรกเย่ซิวตู๋ในทันที จ้องมองเขาอย่างเอาจริงเอาจังแวบหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าตัวเขาเองชอบดูการแสดงอย่างมาก ตอนนี้กลับเริ่มวางมาดสั่งสอนคนอื่น นางนึกดูถูกเขายิ่งนัก
เสิ่นอิงหน้าแดง ในใจเองก็อายอย่างมาก ผ่านไปครู่หนึ่งก็สูดหายใจลึกๆ เงยหน้าขึ้นทำหน้าจริงจัง “ท่านอ๋อง เกี่ยวกับเผิงอิง ข้ามีเรื่องจะกล่าวจริงๆ ขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่นางน้อยผู้นี้จะเป็นคนที่ใช่สำหรับเสิ่นอิงหรือเปล่านะ
เสิ่นอิงกำลังจะบอกอะไรเกี่ยวกับเผิงอิง?
ไหหม่า(海馬)