อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1016 พวกเขาเริ่มกันแล้ว
ตอนที่ 1016 พวกเขาเริ่มกันแล้ว
ตอนที่ 1016 พวกเขาเริ่มกันแล้ว
“เจ้าว่ามา” ครั้นเย่ซิวตู๋ได้ยินชื่อเผิงอิง คิ้วของเขาก็กระตุกเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น และดูจริงจังขึ้นมาก
เสิ่นอิงเม้มริมฝีปาก รู้สึกปวดตามบาดแผลบนร่างกาย สหายคนนั้นที่อยู่ด้วยกันมากว่าสิบปี กลับมีวันหนึ่งที่เกือบจะเอาชีวิตเขา
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยและเผิงอิงได้ประมือกัน เขาได้ซ่อนฝีมือการต่อสู้เอาไว้อย่างลึกซึ้ง หลายปีที่ผ่านมานี้ล้วนปกปิดความแข็งแกร่งของตนเองไว้มาโดยตลอด ข้าน้อยไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยขอรับ”
เรื่องนี้เย่ซิวตู๋รู้ดี จินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานก็บอกเขาไว้แล้ว
เมื่อนึกถึงจินหลิวหลี ทันใดนั้นเขาก็มองอวี้ชิงลั่วแวบหนึ่ง เหมือนกับว่านางยังไม่ได้เจอจินหลิวหลีเลย
เพียงแต่จินหลิวหลีและเย่ฮ่าวหรานในตอนนี้มีสถานะพิเศษ ดังนั้นจึงไม่ได้พักอยู่ที่ตำหนัก
ช่างเถิด รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมก็คงได้พบกัน
“แต่ข้าน้อยสามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยกับเขาได้ พอดูออกถึงฝีมือการต่อสู้ของเขาขอรับ” เสิ่นอิงกล่าวต่อ เพียงแต่เมื่อคิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจก็รู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋รู้สึกได้ถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา ในใจก็รู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี “ว่าอย่างไร ฝีมือของเขามีความแตกต่างอย่างไรหรือ?”
“ท่านอ๋องน่าจะเคยได้ยินชื่ออวี้เฟิงถังกระมัง”
เย่ซิวตู๋ยืนขึ้นจากเก้าอี้ในทันที รูม่านตาหดลงอย่างแรง
อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมองอย่างสงสัย มองเย่ซิวตู๋ “มีอะไรหรือ?”
อวี้เฟิงถังหรือ? เหมือนว่าชื่อนี้จะคุ้นหูนัก เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนสักแห่ง
เย่ซิวตู๋เผยสีหน้าโกรธเกรี้ยว ใบหน้าดูเย็นชาขึ้นมา ราวกับว่าไม่ได้ยินคำพูดของอวี้ชิงลั่วอย่างไรอย่างนั้น
ส่วนเสิ่นอิงนั้นกลับกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง อธิบายเสียงเบา “แม่นางอวี้ อวี้เฟิงถัง…เป็นกองกำลังลับของอาณาจักรเฟิงชาง เป็นกองกำลังลับที่ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ก่อตั้งขึ้นตอนยังมีพระชนม์ชีพ อวี้เฟิงถังมีผู้ติดตามจำนวนมาก การมีอยู่ของพวกเขา ก็มีไว้เพื่อคุ้มครองความมั่นคงของอาณาจักรเฟิงชาง หากเกิดการปฏิวัติ อวี้เฟิงถัง… ก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อขจัดความไม่สงบของบ้านเมือง”
อวี้ชิงลั่วเข้าใจแล้ว ความหมายก็คือหากอวี้เฟิงถังยืนอยู่ฝั่งไหน ฝั่งนั้นก็จะมีโอกาสชนะมากกว่า ในเมื่อเป็นกองกำลังที่ปฐมกษัตริย์ก่อตั้งขึ้น ทั้งยังใช้เพื่อปราบปรามการปฏิวัติ ก็พอจะจินตนาการได้ว่าทรงพลังเพียงใด
ส่วนทักษะการต่อสู้ของเผิงอิงนั้นมาจากอวี้เฟิงถัง อีกทั้งเผิงอิงยังเป็นคนของเหมิงกุ้ยเฟย แสดงว่า… ตอนนี้อวี้เฟิงถังยืนอยู่ฝั่งเดียวกับเหมิงกุ้ยเฟย
เพียงอวี้ชิงลั่วคิดถึงตรงนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะอ้าปากค้าง
ตอนนี้นางอยากจะขุดรื้อหลุมพระศพของปฐมกษัตริย์ออกมายิ่งนัก จะตั้งของแบบนี้ออกมาทำไมกัน?
อวี้ชิงลั่วส่ายหัวอย่างแรง ถามให้ชัดเจนกว่านี้จะดีกว่า “ในเมื่ออวี้เฟิงถัง… ถูกก่อตั้งโดยปฐมกษัตริย์ ก็ควรอยู่ฝั่งฮ่องเต้ไม่ใช่หรือ?”
เย่ซิวตู๋ในตอนนี้กลับไปนั่งบนเก้าอี้แล้ว กล่าวเบาๆ “ไม่ อวี้เฟิงถังไม่ฟังคำสั่งของฮ่องเต้”
อย่างไรเสีย บางครั้งการตัดสินใจของฮ่องเต้เองก็อาจไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
เพียงแต่เย่ซิวตู๋คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเลือกองค์ชายเจ็ด
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก “เสิ่นอิง… เจ้ามั่นใจหรือว่าวิธีการต่อสู้ของเผิงอิงมาจากอวี้เฟิงถัง? เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะดูผิดไป?”
“ข้าเคยช่วยชีวิตผู้ติดตามที่ถูกอวี้เฟิงถังฝึกมาคนหนึ่ง วิธีการต่อสู้ของเขาเหมือนกับเผิงอิงอย่างมาก เขาบอกข้าว่าเขาเป็นคนของอวี้เฟิงถังจริงๆ ขอรับ”
เสิ่นอิงเองก็ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ แต่เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว เขาก็ทำได้เพียงนำผลลัพธ์มาบอกเย่ซิวตู๋ ต้องเตรียมตัวไว้จึงจะดี
อวี้ชิงลั่วส่ายหัว “ข้าจะไปฆ่าเหมิงกุ้ยเฟยเสีย”
จะได้ไม่เกิดปัญหาที่ไม่สิ้นสุด
เย่ซิวตู๋ยิ้มแล้วดึงนางกลับมา “เจ้าจะใจร้อนไปทำไมกัน?”
“ท่านยังยิ้มออกอีกหรือ?” อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าอวี้เฟิงถังนั้นร้ายกาจเพียงใด แต่ดูจากสีหน้าเคร่งขรึมของเย่ซิวตู๋ก็รู้แล้วว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาหนักมากจริงๆ
ตอนนี้ความคิดของนางก็คือ กำจัดได้หนึ่งก็กำจัดเสีย
นางจะฆ่าเหมิงกุ้ยเฟยเสียก่อน แล้วอีกเดี๋ยวก็ไปฆ่าองค์ชายเจ็ด เมื่อไม่มีองค์ชายเจ็ด นางจะคอยดูว่าอวี้เฟิงถังอะไรนั่นจะสนับสนุนใครให้ขึ้นครองตำแหน่ง
“ชิงเอ๋อร์ เจ้าเชื่อใจข้าหน่อยได้หรือไม่?” เย่ซิวตู๋ดึงนางมานั่งลงตรงเก้าอี้ด้านหน้า
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา “ทำไม? ท่านมีความสามารถจัดการกับอวี้เฟิงถังหรือ?”
“เรื่องนี้ยกให้เป็นหน้าที่ข้า ข้าไม่ใช่คนประเภทที่จะนั่งรอความตายนะ”
อวี้ชิงลั่วส่งเสียงไม่พอใจ แต่พอคิดๆ ดูแล้วก็จริง ช่วงนี้เย่ซิวตู๋มีการเคลื่อนไหวมากมาย นางรู้สึกว่าในมือของเย่ซิวตู๋น่าจะมีเบี้ยจำนวนมากอยู่
“ข้าเพียงแต่กำลังคิดว่า… เผิงอิงเป็นคนของอวี้เฟิงถัง เช่นนั้นหว่านเฟยรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาหรือไม่ หรือจะบอกว่า เผิงอิงเป็นคนที่หว่านเฟยส่งมาไว้ข้างกายข้า หรือว่าอวี้เฟิงถังเป็นคนส่งมาไว้ข้างกายข้า หรือว่า… เป็นเหมิงกุ้ยเฟยที่ส่งมาไว้ข้างกายข้าตั้งแต่แรก”
น่าสงสัยนัก เผิงอิงที่อยู่ข้างกายพวกเขามาสิบกว่าปี กลับเป็นคนลึกลับเพียงนี้
อวี้ชิงลั่วดวงตาเป็นประกาย “ไปถามเหมิงกุ้ยเฟยก็รู้แล้วกระมัง?”
“เจ้าคิดว่านางจะพูดความจริงหรือ?” เย่ซิวตู๋ยิ้มล้อนาง
เผิงอิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอวี้เฟิงถัง แล้วเหมิงกุ้ยเฟยเล่า? นางรู้เรื่องอวี้เฟิงถังมากน้อยเพียงใด อีกทั้งยังไปร่วมมือกับอวี้เฟิงถังตั้งแต่ตอนไหน?
นางจึงคิดว่า เหมิงกุ้ยเฟยน่าจะมีบางอย่างที่ยังปิดบังพวกเขาอยู่
อวี้ชิงลั่วคิดหนัก “เช่นนั้นอวี้เฟิงถังโง่หรือไร ท่านเก่งกาจเพียงนี้ ทั้งยังมีความสามารถ พวกเขาไม่สนับสนุนเจ้า แต่กลับไปสนับสนุนองค์ชายเจ็ดที่ธรรมดาๆ ทั้งยังมีเหมิงกุ้ยเฟยที่ทะเยอทะยานนั่นอีก พวกเขา… ทำไมกัน”
นั่นสิ ทำไมกัน?
เย่ซิวตู๋เองก็กำลังคิดถึงปัญหานี้อยู่ ทว่า…
“การได้รับคำชมจากเจ้าเช่นนี้ ข้ากลับมีความสุขมากทีเดียว”
อวี้ชิงลั่วถลึงตามองเขา “ท่านยังมีแก่ใจมาโอ้อวดอีกหรือ?”
ขณะกำลังคุยกัน ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่เพิ่งวิ่งออกไปเมื่อครู่ก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง ในมือถือถาดเอาไว้ สีหน้าไม่สู้ดีอย่างมาก นำถาดวางไว้ตรงหน้าของเสิ่นอิง “กินยาเสีย”
“เอ่อ เสี่ยวเสี่ยว…”
“ข้าจะบอกให้นะ เรื่องที่ท่านดูถูกข้าเมื่อครู่ ข้าจะไม่ปล่อยไปเช่นนั้นแน่ แต่ตอนนี้อาการของท่านสำคัญกว่า ข้าจะไม่มีปัญหากับคนป่วยคนหนึ่งเป็นแน่ ท่านดื่มยาเสียก่อนเถิด อีกเดี๋ยวเราค่อยมาคุยเรื่องระหว่างเรา ถึงแม้ข้าจะอายุยังน้อย แต่ข้าก็รู้เรื่องตั้งมากนะ”
นางกล่าวอย่างเคร่งขรึม ยื่นถ้วยยาไปที่มือของเสิ่นอิง
เส้นสีดำสามเส้นปรากฏที่หน้าผากของเสิ่นอิง เขาเงยหน้าขึ้นแล้วดื่มยาจนหมด เห็นว่าฟ่านเสี่ยวเสี่ยวจะไปแล้วก็รีบเอ่ย “เรื่องของเราน่ะ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่พี่ๆ ของเจ้าก็ไม่มีทางเห็นด้วย”
“พวกเขากล้าหรือ?” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเบิกตากว้าง “หากพวกเขาไม่ยอมรับ ข้าก็จะตัดความสัมพันธ์กับพวกเขาเสีย”
“เจ้าจะตัดความสัมพันธ์กับใครกัน?” จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงเคร่งขรึมเสียงหนึ่งดังขึ้น
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวตะลึงไป อยากจะหลบ แต่มองซ้ายมองขวาก็ไม่มีที่ให้หลบได้เลย
จนกระทั่งมองเห็นอวี้ชิงลั่ว ก็ไปหลบที่ด้านหลังนางโดยไม่กล่าวอันใด
“…” อวี้ชิงลั่วกลอกตา จากนั้นก็เห็นฟ่านผิงอวิ๋นเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวสะดุ้งเล็กน้อย ฟ่านผิงอวิ๋นกลับไม่มองนางแม้แต่แวบสายตาเดียว เดินไปข้างกายเย่ซิวตู๋แล้วกล่าวเสียงต่ำ “พวกเขาเริ่มแล้วขอรับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ยัยเด็กน้อยนี่ก็เหมาะกับเสิ่นอิงอยู่น้าาา
เริ่มเลอออ เริ่มไฝว้กันเลยยย
ไหหม่า(海馬)