อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1017 กลับไปนอนที่ตำหนัก
ตอนที่ 1017 กลับไปนอนที่ตำหนัก
ตอนที่ 1017 กลับไปนอนที่ตำหนัก
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ใกล้ ย่อมได้ยินคำพูดของฟ่านผิงอวิ๋นชัดเจน
นางอดไม่ได้ที่จะผงะไป เริ่มแล้วหรือ? อะไรเริ่มแล้วกัน?
เย่ซิวตู๋กลับยกยิ้ม พยักหน้าให้ฟ่านผิงอวิ๋น “ไปเถิด”
อวี้ชิงลั่วกะพริบตา มองเขาอย่างสงสัย ก็เห็นเย่ซิวตู๋หัวเราะให้นางครั้งหนึ่ง กล่าว “เราไปดูที่ประตูเมืองด้วยกันเถิด”
ประตูเมืองหรือ? อวี้ชิงลั่วตัวแข็งทื่อไป ถามอย่างประหลาดใจ “เริ่มต่อสู้แล้วหรือ?”
“อืม”
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว องค์ชายเจ็ดรอไม่ได้แล้ว ถึงแม้นางจะรู้ว่าอีกไม่นานจะเกิดศึกนี้ แต่อวี้ชิงลั่วก็อยากจะเลี่ยงสงครามเท่าที่ทำได้ ตราบเท่าที่มีสงคราม ก็จะมีคนต้องลำบาก
เย่ซิวตู๋บีบมือนาง จนอวี้ชิงลั่วรีบตั้งสติ ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ไปกันเถิด”
กลุ่มคนเร่งรุดไปยังหอประตูเมือง คนทั่วทั้งเมืองหลวงล้วนรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในเมือง ต่างก็พากันปิดประตูไม่ออกไป
แม้จะมีคนเดินถนนน้อยมาก แต่ก็ล้วนตัวสั่นและเร่งรีบ
ตามท้องถนนเปล่าเปลี่ยวอย่างมาก อวี้ชิงลั่วขี่ม้าผ่านไปตามถนนที่คุ้นเคย ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
ประชาชนที่อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงเกือกม้า ก็พากันมามุงตรงประตูหน้าต่างมองออกมาข้างนอก เมื่อเห็นด้านหลังพวกเขามีเหล่าทหารติดตาม ก็รีบหดคอกลับเข้าไป
จู่ๆ ลมของฤดูใบไม้ร่วงก็พัดมา จนอวี้ชิงลั่วรู้สึกเพียงว่าในใจเย็นยะเยือก
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง กระทั่งพวกเขามาถึงประตูเมือง ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
เย่ซิวตู๋และอวี้ชิงลั่วยืนอยู่ตรงหอประตูเมือง ทันใดนั้นก็มีคนที่ดูเหมือนนายทหารชั้นสูงก็เดินเข้ามา ทำความเคารพเย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋อง กบฏได้ล้อมนอกเมืองไว้หมดแล้ว ดูจากสถานการณ์แล้ว เกรงว่าคืนนี้จะเริ่มโจมตีขอรับ”
คนผู้นั้นดวงตาดูเคร่งขรึม พูดจาฉะฉาน แต่ทั้งร่างกลับดูน่าเกรงขาม
ถึงแม้สถานการณ์จะดูร้ายแรงมาก แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางขลาดกลัวแม้แต่น้อย
เย่ซิวตู๋พยักหน้า มองไปยังด้านล่างของหอประตูเมือง
มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยืนกันอย่างหนาแน่นแล้ว ส่วนคนที่เป็นผู้นำก็คือองค์ชายสี่ที่คอยทำตัวขี้ขลาดอ่อนแอตามติดองค์ชายสามมาโดยตลอดนั่นเอง
มุมปากของเย่ซิวตู๋โค้งขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน หันหน้ามาถามนายทหารชั้นสูงผู้นั้น “พวกเขามีคนมากน้อยเท่าไร?”
“เดิมทีกองพันตะวันตกมีอยู่แสนคน เพียงแต่ไม่รู้ว่าองค์ชายเจ็ดไปรวบรวมกำลังมาจากไหนอีกห้าหมื่นคนขอรับ ตอนนี้ด้านนอกเมืองมีกองกำลังตั้งมั่นอยู่จำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคน ส่วนอื่นๆ นั้น…”
เขาลังเลที่จะกล่าว เงยหน้าขึ้นมามองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วกลับเข้าใจอย่างดี เช่นนั้นก็แสดงว่าคนขององค์ชายเจ็ดยังคงกำลังทยอยกันมา
องค์ชายเจ็ดผู้นี้มีความสามารถมากนัก ไม่แปลกเลยที่เย่ซิวตู๋ไม่ได้ฆ่าเขาก่อนหน้านี้ จำเป็นยิ่งนักที่ต้องเปิดตัวลูกสมุนเหล่านั้นขององค์ชายเจ็ดเสียก่อน
เพียงแต่… ตอนนี้สถานการณ์เองก็เลวร้ายมาก คนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนกำลังปิดล้อมเมืองหลวง…
เดิมทีกองพันตะวันตกจะประจำการอยู่ที่นอกเมือง คอยรักษาความปลอดภัยให้เมืองหลวง ตอนนี้กลับล้วนไปพึ่งพาองค์ชายเจ็ด เช่นนั้นก็แสดงว่าฝ่ายของเย่ซิวตู๋มีเพียงทหารรักษาพระองค์ในเมืองหลวงสามหมื่นคน หากรวมเหล่าทหารอื่นๆ องครักษ์ สายตรวจอื่นๆ ก็มีประมาณสี่ถึงห้าหมื่นคน
สี่ห้าหมื่นคนปะทะกับหนึ่งแสนห้าหมื่นคนน่ะหรือ?
อวี้ชิงลั่วมีความรู้สึกอยากจะชักนิ้วออกมานับจำนวน สรุปแล้วจะมีคนกี่คนต้องต่อกรกับคนคนเดียวกันนะ
นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่อยู่ข้างๆ คนผู้นี้ยังบอกว่าในใจมีแผนแล้วอยู่อีก
คนของเย่ซิวตู๋ นอกจากเหล่ามือสังหารที่ฟ่านผิงอวิ๋นฝึกออกมาเหล่านั้น ก็มีแต่ทหารรักษาพระองค์ในเมืองหลวง เหล่าทหารที่คอยคุ้มกันชายแดนหรืออยู่ที่เมืองอื่น กว่าจะเดินทางมาก็ต้องใช้เวลา น้ำไกลไม่อาจดับไฟใกล้ได้
ดูเหมือนเย่ซิวตู๋จะไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของนาง ดวงตากลับฉายแววโหดร้ายรวมไปถึงความกระหายเลือดอีกด้วย
อวี้ชิงลั่วตะลึง มือถูกเขาจับเอาไว้
เสียงของเย่ซิวตู๋พูดกับนายทหารระดับสูงผู้นั้นดังเข้ามาในหู “ผู้บัญชาการหลิว ทางด้านนี้ยกให้เป็นหน้าที่เจ้า คืนนี้ต้องรบกวนทุกคนด้วย”
“ข้าน้อยรับคำสั่งขอรับ”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า จากนั้นก็พาอวี้ชิงลั่วลงจากหอประตูเมือง
อวี้ชิงลั่วหันหน้ากลับไปหลายครั้ง ถามเขาอย่างแปลกใจ “นี่ ท่านไม่ต้องคอยเฝ้าอยู่ตรงนี้หรอกหรือ?”
“เฝ้าอะไรกัน? กลับไปนอนเถิด เราเองก็ต้องสะสมพลังงานไว้สิ”
กลับไป… นอนหรือ????
อวี้ชิงลั่วแคะหู เหมือนว่าตนกำลังประสาทหลอนอย่างไรอย่างนั้น
เย่ซิวตู๋กลับบอกว่าจะกลับไปนอนในตอนที่ทหารเข้ามาใกล้เมือง นางอดไม่ได้ที่จะกลอกตา
แต่ก็ยังถูกเขาพาไปตลอดทาง ตรงไปยังตำหนักอ๋องซิว
เพียงแต่อวี้ชิงลั่วรู้สึกว่าบางทีเขาอาจจะกลับจวนไปทำอย่างอื่น จึงไม่ได้กล่าวอันใดมากมาย
คิดถึงไม่ถึง…
“กลับมานอนหลับจริงๆ หรือ?” อวี้ชิงลั่วมองไปยังเย่ซิวตู๋ที่เริ่มถอดเสื้อผ้าออกแล้วสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ทำไมหรือ? เมื่อครู่ข้ายังบอกไม่ชัดเจนพอหรือ?” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว มองนางแวบหนึ่งอย่างแปลกใจ
“…” อวี้ชิงลั่วทำได้เพียงหัวเราะแห้งๆ พูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
เย่ซิวตู๋ทางด้านนั้นกลับตบพื้นที่บนเตียงข้างตัวแล้วกวักมือเรียกนาง “เจ้าเองก็พักผ่อนให้เร็วหน่อย พรุ่งนี้ยังมีเรื่องต้องทำอีก”
“…” อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้งๆ ต่อไป ตอนนี้หากนางนอนหลับลง หิมะคงตกในเดือนหกแล้วกระมัง
เย่ซิวตู๋ทำได้เพียงลุกขึ้นมาแล้วลากนางมาหาตัว ห่มผ้าให้นาง ใช้นิ้วโอบเอวนางไว้ กล่าวพลางหลับตา “เด็กดี นอนเถิด ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปก็คงจะไม่ได้นอนหลับอย่างสงบเช่นนี้แล้ว”
โดยเฉพาะเมื่อหลังจากรู้เรื่องอวี้เฟิงถัง แผนการบางอย่างก็ควรต้องเปลี่ยนจึงจะใช้ได้
อวี้ชิงลั่วคิดแล้วก็จริง ต่อไปเย่ซิวตู๋ก็ยังมีเรื่องต้องทำมากมาย จะปล่อยให้เขาพักผ่อนไม่เพียงพอคงไม่ได้
ทันใดนั้นนางก็เงียบลง ซุกตัวในอ้อมแขนของเขาแล้วค่อยๆ หลับตา
เย่ซิวตู๋หัวเราะเบาๆ ไม่นานนักก็หลับสนิท
เมื่อกลางวันวันนี้เขาก็ได้นอนกับนางไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะได้นอนอีกครั้งเร็วเพียงนี้ ช่วงที่ผ่านมานี้เขาคงเหนื่อยมากแล้วจริงๆ
อวี้ชิงลั่วกลับนอนไม่หลับ แต่ก็กลัวจะทำเขาตื่น จึงทำได้เพียงตัวแข็งไม่ขยับ ไม่แม้แต่จะพลิกตัว
จนกระทั่งกลางดึกความง่วงก็คืบคลานเข้ามา จึงได้ผล็อยหลับไปทั้งที่ยังเป็นเหน็บชา
จนกระทั่งเมื่อตื่นนอนในวันต่อมา เย่ซิวตู๋ก็ลุกจากที่นอนไปแล้ว แต่นางกลับ… คอเคล็ด
อวี้ชิงลั่วร้องโอ๊ยอย่างเจ็บปวด เยว่ซินที่อยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามา “คุณหนู ท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?”
“เย่ซิวตู๋เล่า?” อวี้ชิงลั่วนวดคอ ร้องโอดครวญ
เยว่ซินเห็นเช่นนั้นก็รีบไปรับช่วงต่อ กล่าวเบาๆ “ท่านอ๋องออกไปที่ประตูเมืองตั้งแต่เช้าตรู่แล้วเจ้าค่ะ”
ขณะกล่าวก็ช่วยนำเสื้อผ้ามาให้อวี้ชิงลั่วใส่ ทั้งยังนำน้ำมาให้ด้วย
อวี้ชิงลั่วล้างหน้า จากนั้นก็ให้เยว่ซินเกล้ามวยผมให้อย่างง่ายๆ จากนั้นก็เดินออกจากประตูห้องไป
โม่เสียนสบตากับเยว่ซินแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
“สถานการณ์เมื่อคืนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” อวี้ชิงลั่วถามเขา
โม่เสียนสีหน้าเคร่งเครียด กล่าวเสียงต่ำ “องค์ชายสี่นำคนเข้ามาโจมตีสองครั้ง ต่อสู้กันแล้วขอรับ”
ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วหยุดลง ทันใดนั้นก็หันหน้ากลับมา “สถานการณ์เป็นอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋ออกไปที่ประตูเมืองตั้งแต่เช้าตรู่ คงไม่ใช่เพราะสถานการณ์ไม่ดีกับฝั่งพวกเขากระมัง?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แน่ใจนะท่านอ๋องว่าวางแผนไว้ดีแล้วถึงได้กลับมานอนสบายใจแบบนี้
ไหหม่า(海馬)