อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1021 เจ้าออกไปไม่ได้
ตอนที่ 1021 เจ้าออกไปไม่ได้
ตอนที่ 1021 เจ้าออกไปไม่ได้
“เจ้าออกไปไม่ได้” ทันใดนั้นเสียงดังกระจ่างชัดกลับดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง
มือของเย่หลานเฉิงที่กำลังจับกรอบประตูแข็งทื่อไป เมื่อหันกลับมาก็พบว่าเป็นหนานหนาน ใบหน้าของเขาตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เพียงแต่ว่าไม่นานนักก็สงบลงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว “หนานหนาน เจ้า เจ้ามาได้อย่างไร?”
หนานหนานถลึงตาจ้องมองมาทางเย่หลานเฉิง พร้อมทำท่าทางราวกับว่าถูกทำร้ายจิตใจและผิดหวังกับตัวเขาเป็นอย่างมาก
เย่หลานเฉิงรู้สึกปวดใจขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลง “ข้า ข้าเพียงแต่… อยากจะออกไปพักใจบ้างก็เท่านั้น”
หนานหนานก้าวเดินมาข้างหน้า ดึงมือของเย่หลานเฉิงออกจากขอบประตู จากนั้นก็ปิดประตูหลังดังปัง
เย่หลานเฉิงตกใจกับเสียงนั้น เด็กชายเงยหน้าขึ้นมาทันทีทันใด “หนานหนาน…”
“เจ้าออกไปไม่ได้” หนานหนานย้ำอีกครั้ง “ตอนนี้ทั้งในและนอกตำหนักล้วนเป็นคนของท่านพ่อข้า ต่อให้ประตูหลังไม่มีคนรับใช้เฝ้าอยู่ แต่หากเจ้าก้าวออกไปนอกประตู ก็จะถูกผู้อารักขาที่เฝ้าอยู่ด้านนอกขวางเอาไว้อยู่ดี”
เย่หลานเฉิงตะลึงพร้อมขมวดคิ้ว เขามัวแต่กระวนกระวาย… จึงลืมคิดเรื่องนี้ไป
หนานหนานเดินมาตรงหน้าเขา เด็กรับใช้ที่เดิมทีวิ่งออกไปกลับมาแล้ว เมื่อเห็นว่านายน้อยทั้งสองคนกำลังเผชิญหน้ากันด้วยสีหน้าท่าทางไม่สู้ดีก็ผละจากไปอีกครั้ง
หนานหนานเองก็ไม่อยากพูดคุยอยู่ตรงนี้ เขาจับมือเย่หลานเฉิงแล้วจึงเดินจากไป
เย่หลานเฉิงพยายามดิ้นรนอยู่สองครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล จึงทำได้เพียงถูกหนานหนานลากออกไปทั้งอย่างนั้น
เมื่อมาถึงมุมหนึ่งที่ไม่มีคน หนานหนานก็ปล่อยมือ เม้มปากแล้วมองอีกฝ่ายอย่างเจ็บปวดใจ “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าจะออกจากจวนไปทำไม? เหตุใดเจ้าต้องโกหกข้าว่าปวดท้องด้วย? เจ้ามีเรื่องอันใดที่ไม่สามารถคุยกับข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
เด็กชายรู้สึกว่ามันผิดปกติมาตั้งแต่ต้น ถึงแม้เย่หลานเฉิงจะพยายามรักษาอาการให้สงบนิ่งเป็นอย่างมาก แต่ท่าทางเป็นกังวลเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังร้อนตัว
ดังนั้นตนจึงได้ตามน้ำไปก่อน แล้วทำทีออกจากเรือนของไป แต่ที่จริงเขาเพียงแค่กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่งในเรือน ก่อนจะเห็นกับตาว่าเย่หลานเฉิงรีบร้อน และเดินออกไปทางประตูหลัง
เขาตามมาตลอดทาง จนกระทั่งเริ่มเห็นเย่หลานเฉิงเปิดประตู เขาจึงได้ปรากฏตัวออกมา
เย่หลานเฉิงหันหน้ากลับมา แต่กลับไม่ยอมพูดอันใด “หนานหนาน ข้าเพียงแค่เบื่อเล็กน้อยเท่านั้น อยากจะออกไปพักผ่อนเสียหน่อย”
“เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ เจ้าเห็นข้าโง่หรืออย่างไร?” หนานหนานโกรธมาก เขาทั้งคู่สนิทกันเพียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมบอกความจริงกับตน
“หนานหนาน ข้าไม่ได้โกหกเจ้า ข้าเพียงรู้สึก… รู้สึกว่าช่วงนี้หดหู่มาก ข้ารู้ว่าท่านอาห้าอยู่ในสงคราม รู้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงมาก ในใจข้าคิดถึงภาพเหตุการณ์นองเลือด คิดถึงประชาชนที่ต้องทนทุกข์เหล่านั้น คิดถึงเหล่าทหารในสงครามที่เอาชีวิตของตนเข้าสู้ ในใจข้าเจ็บปวดมาก นอนพลิกตัวไปมาอย่างเป็นกังวล ไม่อยากอาหาร ให้อยู่แต่ในตำหนักคงไม่ได้ ข้าจึงอยากจะออกไปพักใจเสียหน่อยเท่านั้น”
หนานหนานกระทืบเท้าจ้องมองอีกฝ่ายเขม็ง “ได้ ข้าเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้น่าเบื่อมาก หากเจ้าอยากออกไปพักใจนอกตำหนัก เช่นนั้นข้าก็จะไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย”
กล่าวจบ หนานหนานก็จับมือเย่หลานเฉิงแล้วเดินไปที่ประตูหลังอย่างจริงจัง
เย่หลานเฉิงเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป เขารีบดึงอีกฝ่ายกลับมา “หนานหนาน เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”
“จะบ้าไปแล้วได้อย่างไร เจ้าบอกว่าอยากพักใจไม่ใช่หรือ ข้าเองก็รู้สึกว่าช่วงนี้หดหู่มาก ข้าเองก็อยากไปเช่นกัน”
“เจ้า เจ้า…” ครั้งนี้ที่หน้าผากของเย่หลานเฉิงมีเหงื่อเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาจริง ๆ “เจ้าไปไม่ได้นะ ตอนนี้สถานะของเจ้าไม่เหมือนเดิมแล้ว หากออกไปก็จะเป็นเป้าหมายของคนอื่น ดังนั้นเจ้าไปไม่ได้ ไปไม่ได้”
“สถานะเจ้าก็ไม่เหมือนเดิม เจ้าเองก็จะตกเป็นเป้าหมายของผู้อื่นได้เช่นกัน” หนานหนานเอาเหตุผลเข้าสู้
เย่หลานเฉิงเป็นกังวลอย่างมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะหักล้างคำพูดของหนานหนานอย่างไร เขารู้สึกอึดอัดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เด็กชายจะย่อตัวนั่งยอง ๆ ลงไป
หนานหนานเองก็ย่อตัวลงตรงหน้าตามเขาเช่นกัน “เสี่ยวเฉิงเฉิง เจ้าเคยบอกว่าพวกเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันที่สุด เจ้าเคยบอกว่าถ้าหากมีเรื่องอันใดก็จะบอกข้า ตอนนี้เจ้าปิดบังทุกอย่างจากข้า ข้าเสียใจมากนะ”
เขากล่าวจบก็ก้มหน้าลง ทำท่าทางว่าตนรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
เย่หลานเฉิงทนไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาของเขาค่อย ๆ ไหลหยดลงแหมะ ๆ ที่ข้างแก้ม แต่เขากลับพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้โดยการกัดหลังมือของตนอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้ตนส่งเสียงอันใดออกมา
“เสี่ยวเฉิงเฉิง… เราไปพบท่านแม่กันเถิด”
“ไม่ได้ ไม่ได้นะ” เย่หลานเฉิงสะอื้นหนัก น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาลงเป็นอย่างมาก
หนานหนานขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็โน้มตัวเข้าใกล้หูของอีกฝ่ายแล้วถามเบา ๆ “เสี่ยวเฉิงเฉิง นี่เจ้าจะบอกว่า มีคน…จับตาดูเราอยู่อย่างนั้นหรือ?”
เย่หลานเฉิงตัวแข็งทื่อไป หนานหนานจึงเข้าใจเรื่องทุกอย่างได้ในทันที
หนานหนานลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวเสียงดังว่า “เจ้าบอกว่าเจ้าปวดท้องไม่ใช่หรือ? เจ้าบอกว่าเจ้าไม่สบายไม่ใช่หรือ? แล้วยังจะออกมาโดนลมทำไมอีก ไป กลับไปกับข้า ไปกินยาเสียก่อน หากเจ้าอยากออกไปพักใจก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ รอให้กินยาเสร็จก่อน หากเจ้าอยากไปไหนก็ไปเสีย”
เมื่อกล่าวจบเด็กชายก็ดึงเย่หลานเฉิงกลับเรือนโดยไม่ฟังสิ่งใดอีกทั้งสิ้น
เย่หลานเฉิงผงะไป จากนั้นก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ยังคงขัดขืนอย่างไม่เต็มใจเล็กน้อย แต่ด้วยแรงเพียงน้อยนิดของเขา ไม่ได้ทำให้หนานหนานสนใจได้เลยแม้แต่น้อย ไม่นานนักหนานหนานก็ลากอีกฝ่ายกลับมาที่เรือนของอวี้เป่าเอ๋อร์
อวี้ชิงลั่วที่กำลังติดตามอาการของอวี้เป่าเอ๋อร์อยู่เห็นว่ามีเด็กทั้งสองคนบุกเข้ามาก็ตะลึงไปชั่วครู่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นดวงตาแดง ๆ ของเย่หลานเฉิงที่ราวกับเพิ่งร้องไห้มา นางจึงรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยถาม “นี่เป็นอะไรไป หลานเฉิง ใครรังแกเจ้าหรือ?”
เย่หลานเฉิงหันหน้าไปมองหนานหนาน หนานหนานกระทืบเท้าทันที “มองข้าทำไมกัน? ข้าไปรังแกเจ้าตอนไหน เห็นอยู่ว่าเจ้าปวดท้องเอง ทั้งยังไม่ยอมมากับข้าให้ท่านแม่ช่วยรักษา ยังจะมองข้าอีกหรือ? หากยังมองข้าอีก ข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกแล้วนะ”
“ปวดท้องหรือ?” อวี้ชิงลั่วประหลาดใจ รีบดึงเย่หลานเฉิงมานั่ง ใช้นิ้วจับที่ข้อมือของเขาเพื่อตรวจจับชีพจรทันที
เพียงแต่ชีพจรกลับคงที่ ไม่ได้มีสิ่งผิดปกติอันใดเลย
นางมองพวกเขาอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง โดยเฉพาะการแสดงออกแปลก ๆ ของหนานหนาน นางขมวดคิ้ว จากนั้นก็จับชีพจรอย่างระมัดระวังอีกครู่หนึ่ง
แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ นางถามเย่หลานเฉิงอย่างแปลกใจ “เจ้าปวดท้องจริง ๆ หรือ?”
เย่หลานเฉิงกลับกัดริมฝีปากของตน มองหนานหนานแวบหนึ่ง
หนานหนานเงี่ยหูตั้งใจฟัง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็กล่าว “ไม่เป็นไรแล้ว ที่ห้องนี้นอกจากพวกเราก็ไม่มีคนอื่น วางใจเถิด มีเรื่องอันใดก็พูดออกมาให้หมด”
อวี้ชิงลั่วฟังแล้วก็ยิ่งแปลกใจ เด็กสองคนนี้ดูลึกลับนัก กำลังทำอะไรกันอยู่
จากนั้นเย่หลานเฉิงก็ก้มหน้าลง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยื่นมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อออกมา
ฝ่ามือเล็ก ๆ ค่อย ๆ กางออก ในฝ่ามือนั้นมีเศษกระดาษจำนวนหนึ่งที่เขากำไว้แน่น ดูเหมือนว่ามันจะเปียกโชกไปด้วยเหงื่อของเขา ทั้งยังมีเศษผ้าไหมนุ่มอีกเล็กน้อยด้วย
หนานหนานเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว หยิบเอาข้อความนั้นมาแล้วคลี่ออกอย่างรีบร้อน
เพียงแต่มองแวบเดียวเขาก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา
จากนั้นก็หันหน้ามาจ้องเย่หลานเฉิง “เสี่ยวเฉิงเฉิง…”
อวี้ชิงลั่วมองซ้ายมองขวา ดึงกระดาษออกจากมือหนานหนาน เพียงมองแค่แวบเดียวก็เปลี่ยนสีหน้า ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วยืนขึ้น
“ที่บอกในนี้ล้วนเป็นเรื่องจริงหรือ? ข้อความนี้มาจากที่ใด ใครให้เจ้ามา?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลานเฉิงโดนจดหมายข่มขู่ว่าอย่างไรกันนะ ถึงต้องทำตัวมีพิรุธแบบนี้?
ไหหม่า(海馬)