อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1026 ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
ตอนที่ 1026 ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
ตอนที่ 1026 ได้รับการช่วยเหลือแล้ว
มีคนขวางรถม้าหรือ?
ไม่เพียงแต่อวี้ชิงลั่ว คนอื่นๆ ในรถเองก็ตื่นตัวขึ้นมาทันใด กลัวว่าคนด้านนอกคือคนขององค์ชายเจ็ดที่มาลอบโจมตีบริเวณนี้
อวี้ชิงลั่วกำลังจะให้อันฝูซือออกไปดู ก็ได้ยินเสียงสะอื้นดังมาเบาๆ “ท่านชายที่อยู่ด้านใน ขอร้องพวกท่านเถิด ช่วยพวกข้าด้วย”
คำพูดของอวี้ชิงลั่วลดเสียงต่ำจนฟังแล้วดูเหมือนเสียงผู้ชาย คนที่ขวางรถม้าไว้เข้าใจว่านางเป็นผู้ชาย จึงได้เรียกว่าท่านชาย
อวี้ชิงลั่วอึ้งงัน ทันใดนั้นก็โบกมือ ขมวดคิ้วครุ่นคิด
นางคิดว่าเสียงนี้คุ้นหู คุ้นหูมาก เหมือนกับว่าเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง
เป็นเสียงของสตรี ทั้งยังอยู่ที่บ้านพัก นางเบิกตากว้างในทันใด จากนั้นก็เปิดม่านรถทันที
ที่แท้ ชายหญิงคู่หนึ่งที่กอดกันอยู่ด้านนอกก็คือองค์ชายสามและพระชายาที่ถูกส่งมาอยู่ยังบ้านพักกับคู่สามีภรรยาอดีตองค์รัชทายาทและสวีโหรว
ตอนนี้สภาพของทั้งสองคนย่ำแย่อย่างมาก พระชายาสามออกแรงพยุงองค์ชายสามไว้ เสื้อผ้าบนตัวนั้นสกปรกเกินทน ทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยโคลน ทั้งยังมีรอยขาดมากมายราวกับว่าถูกกิ่งไม้และก้อนหินบาด ใบหน้าดำคล้ำหม่นหมอง ไร้ซึ่งราศีของเชื้อพระวงศ์อันสูงศักดิ์
องค์ชายสามที่ดูบาดเจ็บและยืนพิงร่างของนางอยู่นั้นกำลังก้มหน้า กวานประดับศีรษะไม่อยู่แล้ว ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงปรกลงมา ร่างกายเต็มไปด้วยคราบเลือด ดูแล้วน่าตกใจเสียยิ่งกว่า
รูม่านตาของอวี้ชิงลั่วหดลงในทันใด รีบกระโดดลงจากรถม้า
“องค์ชายสาม พระชายา?”
พระชายาสามผงะ เงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของอวี้ชิงลั่ว ไปจนถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความกังวล
ทั้นใดนั้นก็เหมือนว่าแรงกายทั้งร่างของนางหมดลง สองขาอ่อนแรง คนทั้งคนล้มลงกับพื้น
โชคดีที่อันฝูซือที่ตามหลังมานั้นมีสายตาเฉียบคมและมือไว คอยพยุงองค์ชายสามที่บาดเจ็บสาหัสและพิงร่างของนางเอาไว้ได้ จากนั้นก็วางเขาลงบนก้อนหินขนาดใหญ่ที่ดูแบนราบด้านข้างอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดพระชายาสามก็ร้องไห้อย่างเจ็บปวดออกมาอย่างทนไม่ไหว “แม่ แม่นางอวี้ ในที่สุดข้าก็ได้พบพวกเจ้า ดีเกินไปแล้ว ในที่สุด ในที่สุดข้าก็ได้พบพวกเจ้า ฮือๆ…”
อวี้ชิงลั่วเห็นท่าทางแตกสลายของนางแล้วก็รีบเรียกลู่หลานอวิ๋นมาคอยดูแลนาง “ไม่เป็นไรแล้วๆ เป็นพวกข้าเองที่คิดไม่รอบคอบพอ ทำให้พวกท่านต้องได้รับอันตราย”
พระชายาสามเช็ดน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่ายหน้าอย่างหนัก สะอื้นเสียจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว รีบจับมือของอวี้ชิงลั่วมาหาทางด้านองค์ชายสาม กล่าวอย่างร้อนรนยิ่ง “แม่นางอวี้ เจ้ารีบช่วยดูอาการให้ท่านอ๋องเถิด ท่านอ๋องเขา เขาได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังมีไข้สูง ข้ากลัวมากจริงๆ ข้ากลัว…”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า รีบตรวจดูอาการให้องค์ชายสาม
องค์ชายสามดูเหมือนว่าจะหมดสติไปแล้ว อวี้ชิงลั่วเพียงแค่วางนิ้วลงบนข้อมือของเขา จากนั้นก็ตกใจกับความร้อนบนร่างของเขา ทั้งยังเห็นว่าบนร่างเขามีบาดแผลหลายแห่ง ทั้งยังเต็มไปด้วยโคลน คงเป็นเพราะมีสิ่งสกปรกเข้าไปในบาดแผลกระมังจึงได้ติดเชื้อ
นางไม่กล่าวอันใดแต่ป้อนยาให้เขาก่อน จากนั้นก็ตบหลังเขา กระทั่งยาถูกเขากลืนลงคอไป
พระชายาสามรีบถามอย่างเป็นกังวล “เป็น เป็นอย่างไรบ้าง แม่นางอวี้ ท่านอ๋องเป็นอะไรหรือไม่?”
“ท่านวางใจเถิด ถึงแม้ท่านอ๋องจะได้รับบาดเจ็บ แต่โชคดีที่ไม่อันตรายถึงชีวิต เพียงแต่เสียเลือดมากเกินไปหน่อย รวมถึงมีไข้สูงมาก จึงทำให้เขาหมดแรงเช่นนี้ เขาจะต้องล้างแผลเสียก่อน พาเขาส่งกลับจวนก่อนเถิด”
อวี้ชิงลั่วตบไหล่นางเพื่อปลอบใจ จากนั้นก็หันหน้าไปผงกศีรษะให้อันฝูซือ อีกฝ่ายตามลู่หลานอวิ๋นมาช่วยกันยกตัวคนขึ้นรถม้า
คนบนรถม้าลงจากรถกันมาทีละคนๆ อวี้ชิงลั่วพยุงพระชายาสามขึ้นรถม้าไป
พระชายาสามยังคงมีน้ำตานองหน้า ร่างกายยังคงสั่นเทา ดูแล้วเหมือนกำลังตื่นตระหนก
อวี้ชิงลั่วอยากจะถามนางว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ แต่ดูท่าทางของนางแล้วก็กลัวว่านางจะพูดไม่รู้เรื่อง
แต่ตอนนี้นางไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสถานการณ์ของบ้านพัก องค์ชายสามและพระชายาสามมีสภาพเช่นนี้ จะต้องรู้เรื่องบางอย่างเป็นแน่
นางทำได้เพียงถอนหายใจแล้วถาม “พระชายา พวกท่านเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ท่านอ๋องบาดเจ็บได้อย่างไร ใครทำหรือ?”
พระชายาสามนิ่งงัน น้ำตาร่วงหล่นลงมาอีกครั้ง “พวกเรา พวกเรานั้น…”
นางเพิ่งจะเอ่ยปาก องค์ชายสามที่อยู่ในรถม้าก็ส่งเสียงคำรามขึ้นมาในทันใด น้ำเสียงดูอ่อนแรง
พระชายาสามสะดุ้ง รีบหมุนตัวไปมององค์ชายสามอย่างยินดี “ท่านอ๋อง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรหรือไม่?”
“น้ำ” องค์ชายสามไอสองครั้ง ในหัวร้อนเสียจนแทบทนไม่ไหว เพียงแค่ไอออกมาก็ทำให้เขาเจ็บปวดเสียจนหน้าแดงแล้ว
พระชายาสามรีบหาน้ำในรถม้า เมื่อเห็นกระบอกน้ำก็รีบรินให้องค์ชายสามดื่ม
อวี้ชิงลั่วเห็นเช่นนั้นก็รู้ว่าต่อให้ถามไปตอนนี้ พระชายาสามก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะตอบ นางทำได้แค่อดทนเอาไว้ รอให้องค์ชายสามอาการดีขึ้นก่อนค่อยว่ากัน
รอจนกระทั่งเขาดื่มน้ำแล้วรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อวี้ชิงลั่วก็ค่อยจับชีพจรให้เขา
ยาของตนถือว่ามีประสิทธิภาพอยู่ ชีพจรขององค์ชายสามคงที่กว่าเมื่อครู่เล็กน้อย อีกเดี๋ยวรอให้ดูแลดีๆ ก็จะหายในไม่ช้า
องค์ชายสามส่ายหน้าอีกครั้ง ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด
เหมือนว่าเขาอยากจะลืมตาอย่างมาก เพียงแค่ไข้สูงเสียจนทำให้เขาปวดเปลือกตา ทำได้เพียงออกแรงหรี่ตาเล็กน้อยเท่านั้น
มองเห็นร่างของพระชายาสามที่ดูพร่ามัว เขาก็เป็นกังวลขึ้นมาในทันที “เร็ว รีบหนีไป ไม่ ไม่ต้องห่วงข้า… เจ้า เจ้าต้องมีชีวิตต่อไป… อย่าลืม… ว่าเรายังมี ยังมีหลานเวย เจ้าต้อง ดูแลเขาให้ดี… ที่ที่ ที่นี่มีข้าคอยกันอยู่… กลับไปบอก ไปบอกหลานเวย อย่าให้เขา… อย่าให้เขาโอหังนัก เจ้ารีบ รีบไปเสีย…”
พระชายาสามได้ยินเช่นนั้นก็โศกเศร้ามาก พุ่งตัวไปหาเขาแล้วสะอื้นไม่หยุด “ท่านอ๋อง ไม่เป็นไรแล้ว เราไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องห่วง พวกเราได้รับการช่วยเหลือแล้ว ท่านต้องพักผ่อนให้ดี อย่าเป็นกังวล อย่าเพิ่งกล่าวอันใดเลย”
“ได้ ได้รับการช่วยเหลือแล้ว…” องค์ชายสามวางใจขึ้นมาในทันใด จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลง ราวกับรู้สึกได้แล้วว่าสิ่งที่ตนนอนทับอยู่นั้นคือเบาะนั่งนุ่มๆ ไม่ใช่ก้อนหินแข็งๆ หรือต้นไม้แล้ว จึงเชื่อคำพูดขึ้นมาไม่น้อย
เดิมทีเขาก็ไม่มีแรงอยู่แล้ว ในหัวก็พร่ามัวเล็กน้อย จึงไม่มีจิตใจจะมาครุ่นคิดมากนัก ย่อมเชื่อคำของพระชายาสามไปโดยปริยาย
เมื่อเห็นว่าเขาเหมือนจะหมดสติไปแล้ว พระชายาสามก็รีบมองมายังอวี้ชิงลั่วอย่างเป็นกังวล
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงแค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้น” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วฟังดูแผ่วเบา
จากนั้นพระชายาสามก็ค่อยถอนหายใจโล่งอก หันหน้าไปเช็ดเหงื่อให้องค์ชายสาม
อวี้ชิงลั่วกลับทนรอไม่ไหวแล้ว เอ่ยคำถามเมื่อครู่ขึ้นมาอีก “พระชายา พวกท่านเจอเรื่องอันใดมากันแน่ ที่ข้ามาในครั้งนี้ก็เพราะได้ยินว่าเกิดเรื่องที่เรือนสำรอง ท่านอธิบายรายละเอียดของสถานการณ์ให้ข้าฟังทีเถิด อีกอย่าง เหล่าผู้อารักขาพวกนั้นเล่า ผู้อารักขาที่เย่ซิวตู๋ส่งมาคุ้มครองพวกท่านที่บ้านพักนี้”
น้ำเสียงของนางเบามาก แต่กลับดูมีพลังไม่น้อย
องค์ชายสามที่งัวเงียอยู่ฟื้นขึ้นมาในทันใด เขาจำเสียงนี้ได้ ที่แท้คนที่มาช่วยพวกเขาก็คืออวี้ชิงลั่วนี่เอง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เกิดอะไรขึ้นที่ตำหนักนี้เนี่ย ทำไมสภาพองค์ชายสามกับพระชายาถึงเป็นแบบนั้น?
ไหหม่า(海馬)