อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1027 ไอ้สารเลวนั่น
ตอนที่ 1027 ไอ้สารเลวนั่น
ตอนที่ 1027 ไอ้สารเลวนั่น
พระชายาสามเองก็ได้สติคืนมาในที่สุด รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ตนไม่สามารถรอช้าได้อีกต่อไป จะต้องรีบเอ่ยปาก
“เป็นฝีมือของพี่รอง!!” แต่ทว่านางยังไม่ทันได้เอ่ยอันใด องค์ชายสามที่นอนอยู่ในรถม้าก็กัดฟันแล้วเอ่ยออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ
อวี้ชิงลั่วและพระชายาสามตะลึงไปพร้อมกัน ก้มหน้าลงมององค์ชายสามอย่างแปลกใจ
ก็เห็นว่าเขานั้นเหมือนจะหายดีแล้วอย่างไรอย่างนั้น จู่ๆ ก็มีแรงขึ้นมาทันใด
เหมือนว่าองค์ชายสามพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง พระชายาสามเห็นเช่นนั้นก็รีบคว้าเอาหมอนนุ่มมารองหลังให้เขาพิง
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว “ท่านหมายถึงอดีตองค์รัชทายาทหรือ?”
องค์ชายสามสูดหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าแดงก่ำ ในตอนนี้ไม่ใช่สีแดงที่เกิดจากไข้สูง แต่มาจากความโกรธที่เหมือนจะพ่นไฟออกมาอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่แววตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
“ใช่ เป็นเขานั่นแหละ ไอ้สารเลวนั่น เป็นเขาที่รายงานให้น้องเจ็ดรู้ บอกที่ตั้งของพวกเรา ดึงดูดให้คนพวกนั้นมาล้อมพวกเราไว้ คนรับใช้ของบ้านพัก ผู้อารักขา ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว ทุกคนถูกฆ่าตายหมด”
อวี้ชิงลั่วเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ถูกฆ่าตายทั้งหมดหรือ?
ครั้งนี้บ้านพักตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกล ถึงแม้คนรับใช้จะไม่มาก แต่ผู้อารักขานั้นมีไม่น้อย แต่กลับ… ถูกฆ่าตายทั้งหมดหรือ?
มือของนางกำแน่นในทันใด สีหน้าโกรธเกรี้ยว องค์ชายเจ็ดใช้วิธีชั่วร้ายเกินไปแล้ว
พระชายาสามเช็ดน้ำตาอีกครั้ง สะอื้นอออกมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นภาพเหตุการณ์นองเลือด ทั่วทั้งเรือนเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ดูเหมือนว่ากลิ่นนั้นจะยังอบอวลติดอยู่ที่ปลายจมูกของนางและไม่หายไป
ทั้งแม่นมและสาวใช้ที่คอยรับใช้พวกเขามาหลายวัน ทุกคนล้วนต้องมาตายต่อหน้าพวกเขาอย่างน่าสยดสยอง
ผู้อารักขาเหล่านั้นล้วนมีร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลถูกแทง ตายชนิดที่ว่าถูกศรนับหมื่นปักทะลวงร่าง สภาพเช่นนั้น เพียงนางนึกถึงขึ้นมาก็รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งตัว
หากไม่ใช่เพราะมีองค์ชายสามอยู่ข้างกายและคอยปกป้องมาโดยตลอด พาทั้งสองคนออกมาอย่างทุลักทุเล ก็เกรงว่านางคงทนไม่ได้ตั้งนานแล้ว
องค์ชายสามอ่อนแรงไปทั้งตัว น้ำตาไหลเล็กน้อยที่มุมตา น้ำเสียงแหบแห้ง ค่อยๆ กล่าวออกมา “เมื่อคืนนี้ ทันทีที่ท้องฟ้ามืดลง ผู้คนจำนวนมากก็มาล้อมบ้านพักเอาไว้ ไม่กล่าวอันใดก็เริ่มเข่นฆ่าคนรับใช้และผู้อารักขาในเรือนเสียแล้ว”
“มีพลธนูจำนวนมากอยู่บนหลังคา ปิดล้อมและเข่นฆ่าโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว พวกมันไม่ปล่อยให้ใครก็ตามหนีไปได้ ใครกล้าออกจากประตูก็จะถูกมันยิงธนูเข้าใส่ทันที”
ยิ่งองค์ชายสามกล่าว เส้นเลือดบนหน้าผากก็เริ่มปรากฏให้เห็นทีละเส้น สีหน้าโกรธเกรี้ยวเสียแทบดูไม่ได้ พูดจาก็ราวกับกำลังกัดฟันพูดออกมาทีละคำ “ตอนนั้น เป็นเพราะพวกข้าสองคนสามีภรรยามีปากเสียงกับพี่รองเล็กน้อยในตอนกลางวัน ในใจโมโหเสียจนสงบไม่ได้จึงนอนไม่หลับ ออกมาจากเรือนสำรองเพื่อพักจิตใจในบริเวณใกล้ๆ นี้”
“จนกระทั่งได้ยินเสียงการต่อสู้ก็รีบกลับมาทันที แต่ยังไม่ทันจะถึงประตู ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องติดต่อกัน ในตอนนั้นพวกข้าเองก็ตกตะลึง ผู้อารักขาสองคนที่เดิมทีติดตามพวกข้าออกมาเพื่อคุ้มกันนั้นก็ช่วยคุ้มกันเราให้หนีออกมา แต่กลางคืนมืดสนิท ระหว่างที่รีบร้อนก็พากันสะดุดสองสามครั้ง ดังนั้นจึงหนีได้ไม่เร็ว น่าจะเพราะคนเหล่านั้นไม่พบร่างของสองเราสามีภรรยาในบ้านพัก ไม่นานนักก็ตามมาทัน”
“หนึ่งในผู้อารักขาเห็นว่าสถานการณ์คับขัน จึงสั่งให้อีกคนหนึ่งส่งเรากลับไปยังตำหนักอ๋องซิว ส่วนเขานั้นจะล่อพวกนั้นออกไป คิดไม่ถึงว่าพวกข้ากลับเห็นพี่รองกำลังพูดคุยกับคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่ามือสังหาร พวกเราได้ยินไม่ชัดเจนนัก เพียงแต่ได้ยินลางๆ ว่าพี่รองพูดว่าหวังว่าความร่วมมือจะผ่านไปด้วยดี อะไรสักอย่างที่บอกว่าจะต้องฆ่าน้องห้าให้ได้ ตอนนั้นข้าจึงคิดได้ว่าสถานการณ์ไม่ได้เรียบง่ายเสียแล้ว”
“เดิมทียังอยากจะฟังอีกหน่อย แต่หัวหน้ามือสังหารผู้นั้นพบเราเข้า จึงพุ่งโจมตีเข้าใส่เรา ผู้อารักขาอีกคนเอาชีวิตเข้าต้านทาน พวกข้าจึงสามารถหนีออกมาได้”
“ข้าและพระชายาไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงวิ่งเข้าไปในป่า มีต้นไม้ให้หลบ หากพวกเขาอยากจะตามหาพวกข้าก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ข้าได้รับบาดเจ็บ กลับกลายเป็นภาระให้พระชายา”
องค์ชายสามกล่าวจบก็มองไปยังพระชายาสามที่อยู่ด้านข้าง
พระชายาสามส่ายหน้า กล่าวพลางสะอื้น “หากไม่ใช่เพราะตลอดทางนี้ท่านพยายามปกป้องข้าอย่างสุดชีวิต เกรงว่าข้าคงตายด้วยคมดาบเสียแล้ว”
อวี้ชิงลั่วฟังแล้วก็ตาแดง อดีตองค์รัชทายาท ไอ้ขยะนั่น โง่เง่า ต่ำช้า สารเลว
เขาเป็นพ่อของเย่หลานเฉิงไม่ใช่หรือ? น้ำท่วมสมองเขาไปแล้วหรือ? ตอนที่เขาถูกปลดจากตำแหน่งและถูกจำกัดบริเวณไว้ที่จิ่นเฉิงย่วน ตอนที่เขาโดดเดี่ยวและไร้ที่พึ่ง ก็มีเพียงเย่ซิวตู๋เท่านั้นที่มีน้ำใจกับเขา
ถึงขนาดเป็นเพราะเขาเป็นบิดาของเย่หลานเฉิง กลัวว่าเขาจะถูกคนจับเอาไว้เพื่อใช้ข่มขู่เย่หลานเฉิง จึงได้รับตัวเขาออกมาจากจิ่นเฉิงย่วนและให้มาพักอยู่ที่บ้านพักด้วยกัน
คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความทะเยอทะยาน เขามันใจจืดใจดำ ชั่วร้าย มโนธรรมถูกสุนัขกินไปหมดแล้วหรือไร?
หากตอนนี้อดีตองค์รัชทายาทอยู่ต่อหน้านาง อวี้ชิงลั่วคงอยากจะหั่นเขาเป็นพันชิ้น ประหารเขาด้วยการตัดมือเท้าแล้วค่อยเชือดคอเสีย
อวี้ชิงลั่วโกรธเสียจนทั้งร่างสั่นสะท้าน พระชายาสามกลับเหมือนว่าคิดอะไรออก จับมือของนางเอาไว้ทันทีแล้วกล่าว “จริงสิ พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้รองเป็นอันตราย แม่นางอวี้ ถึงแม้อดีตองค์รัชทายาทจะโหดเหี้ยมและชั่วช้า แต่พี่สะใภ้รองกลับจิตใจดีต่อผู้อื่น ช่วงนี้พวกข้าอยู่ที่บ้านพักนั้นรู้ดี อดีตองค์รัชทายาทผู้นั้น… ไม่มีความรักอย่างสามีภรรยาให้กับพี่สะใภ้รองแม้แต่น้อย ข้าเกรงว่าพี่สะใภ้รองก็จะต้องเจอเรื่องร้ายไปด้วย”
ก่อนหน้านี้พระชายาสามเองก็เป็นคนพาลชอบใช้อำนาจอยู่บ้าง แต่เมื่อต้องพบกับเหตุการณ์เลวร้ายครั้งใหญ่สองสามครั้ง ต้องเผชิญความเป็นตายหลายครั้ง นาง… ก็จริงใจกับผู้อื่นขึ้นมาก
โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ไม่จำเป็นต้องต่อสู้หรือไขว่คว้าในสิ่งใด อยู่กับสวีโหรวทั้งวันทั้งคืนในบ้านพัก สวีโหรวเองก็เป็นคนเช่นนั้น ไม่นานทั้งสองคนก็ดีต่อกัน ความรู้สึกก็ค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้น ในตอนนี้พระชายาสามกลับเป็นห่วงในความปลอดภัยของสวีโหรวจากใจจริง
เพียงอวี้ชิงลั่วนึกถึงผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่เย่หลานเฉิงคลี่ออก ดวงตาก็มืดครึ้ม ในใจยิ่งเกลียดชังอดีตองค์รัชทายาทเข้ากระดูกดำ
“…ข้ารู้ ที่ข้ามาในครั้งนี้ ก็เพราะมีคน… ส่งนิ้วที่ถูกตัดขาดของสวีโหรวมาให้หลานเฉิง พวกข้าจึงได้รู้ว่าที่บ้านพักเกิดเรื่อง” คิดไม่ถึงว่าคนที่บ้านพักล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมด ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครมาส่งข่าวให้ตำหนักอ๋องซิว ที่แท้… ก็ไม่มีใครรอดชีวิตเลยสักคน
“นิ้ว นิ้วขาดหรือ?” พระชายาสามอ้าปากค้าง สิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ มืออันงดงามสองข้างของสวีโหรวนั้น กลับถูกตัดออกมาหนึ่งนิ้ว นางกัดฟันขึ้นมาในทันใด “อดีตองค์รัชทายาทเลวร้ายเสียยิ่งกว่าหมาหรือหมูเสียอีก”
นั่นเป็นภรรยาของเขานะ ต่อให้ไม่มีความรู้สึกต่อกันดังเช่นสามีภรรยา แต่อย่างไรก็ให้กำเนิดบุตรให้เขา เหตุใดเขาจึงมีจิตใจโหดร้ายเช่นนี้?
“แม่นางอวี้” ถึงแม้องค์ชายสามเองก็ตกตะลึง แต่อย่างไรก็ยังสงบลงได้ อย่างไรก็ยังมีชีวิตอยู่ โชคดีแล้วที่ได้รับการช่วยเหลือออกมาทันเวลา “ตอนนี้พวกเขาไม่อยู่ที่บ้านพักแล้ว พวกเจ้าไปตอนนี้ก็เกรงว่าจะพบแต่ความว่างเปล่า”
แววตาของเขาเคร่งขรึม พระชายาสามด้านข้างเองก็พยักหน้ารัวๆ “พวกเราหลบอยู่ในป่าหนึ่งคืน ฟ้าสว่างแล้วจึงออกมา จากนั้นก็แอบกลับไปยังบ้านพัก ที่นั่นไม่มีใครอยู่แล้ว มีเพียง… เลือดสดกระจัดกระจายและซากศพ ข้าและท่านอ๋องกลัวว่าจะยังมีคนมาตามฆ่าพวกเราอีก กลัวว่าหากพวกเราไปที่ตำหนักอ๋องซิว ก็จะถูกขวางและฆ่าตาย จึงได้วนเวียนอยู่ที่นี่ ไม่กล้าเดินต่อไปข้างหน้า เมื่อครู่ที่มาขวางรถม้าไว้ ก็เพราะไม่มีหนทางแล้วจริงๆ ท่านอ๋องมีไข้สูงมาก ข้าทำได้เพียงหวังว่าจะมีคนมาช่วยเขา”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อะโห ทำไมพ่อชั่วชาติขนาดนี้ล่ะหลานเฉิง เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นคนตัดนิ้วพระชายาตัวเองด้วย?
ไหหม่า(海馬)