อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1029 พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ตอนที่ 1029 พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ตอนที่ 1029 พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ความรู้สึกที่เฉียบคมของหนานหนานทำให้รู้สึกได้ถึงเสียงสูดลมหายใจของใครบางคน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จึงหันหน้ามองออกไปจากอ้อมอกของคนที่อุ้มตนอยู่ เมื่อเห็นว่าในเรือนมีคนสองกลุ่มประจันหน้ากันอยู่ แววตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “ท่านพ่อ!!”
เย่หลานเฉิงเองก็ผงะไป เขามองเย่ซิวตู๋ที่มีสีหน้าเย็นชา ยืนอยู่ไม่ไกลอย่างไม่อยากเชื่อ เผลอเอ่ยปากพึมพำ “ท่าน ท่านอาห้า… เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ขอรับ?”
เย่ซิวตู๋เองก็อึ้งงันไปเช่นกัน เมื่อเห็นทั้งสองคนที่จู่ ๆ ปรากฏตัวก็ขมวดคิ้ว
ชายชุดดำที่อุ้มหนานหนานอยู่นั้นตอบสนองในทันใด เขาจับคอของหนานหนานเอาไว้แล้วมองไปยังเย่ซิวตู๋ กล่าวเสียงดัง “เจ้า เจ้าอย่าขยับ ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขา”
ชายชุดดำประหม่าเกินไป เขาเคลื่อนไหวโดยไม่ได้สนใจความหนักเบา ทำเอาหนานหนานแทบหายใจไม่ออก
เย่ซิวตู๋รูม่านตาหดลง “ปล่อยเขาเสีย”
“ฮ่า ๆ ปล่อยหรือ ท่านอ๋องซิว เจ้านี่ช่างปัญญาอ่อนและเพ้อฝันเสียจริง” ชายชุดดำกล่าวจบก็เดินไปหาเจ้านายของตนทีละก้าว แต่ถึงอย่างไร มือที่จับคอของหนานหนานอยู่ก็คลายลงเล็กน้อย
ดังนั้นหนานหนานจึงเห็นได้ชัดเจนขึ้น ว่ากลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามท่านพ่อ หัวหน้าของพวกมันเป็นชายหนุ่มที่ดูรูปงามเป็นอย่างมาก ดูแล้วน่าจะรูปงามเสียยิ่งกว่าสตรีเสียอีก
หนานหนานแทบละสายตาจากชายคนนั้นไม่ได้ เขามองอย่างตะลึงงัน “งดงามจริง…”
ทันใดนั้นชายคนดังกล่าวก็มองมาที่หนานหนานเช่นกัน ดวงตาของเขาเหมือนงูพิษอย่างไรอย่างนั้น เปล่งประกายเสียจนน่ากลัว
หนานหนานตะลึงไปทันใด รีบละสายตาอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่ชายคนนั้นเพียงแค่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็มุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่เย่ซิวตู๋ มุมปากของเขาประดับรอยยิ้มเอาไว้ “อ๋องซิวช่างเก่งกาจนัก ถึงกับตามหาข้ามาถึงที่นี่ได้”
“คนอยู่ที่ไหน?” เย่ซิวตู๋เองก็ไม่พูดไร้สาระ สายตายังคงหยุดอยู่ที่ร่างของหนานหนาน เมื่อเห็นว่าเด็กน้อยไม่ได้ดูบาดเจ็บอันใด ทั้งยังมีสายตาที่ไม่เกรงกลัวอันใดเลยแม้แต่น้อย เขาจึงได้วางใจ
“คนหรือ ใครกัน อ้อ เจ้าหมายถึงพวกพระชายารองน่ะหรือ วางใจเถิด ตอนนี้พวกเขาสบายดี ข้าไม่ทำอะไรพวกเขาหรอก”
เพียงเย่หลานเฉิงได้ยินชื่อของมารดาตน เขาก็จ้องมองชายที่กำลังพูดอยู่ในทันที ร่างกายเด็กชายสั่นเทิ้มเล็กน้อย “ไม่ทำอะไรได้อย่างไรกัน เห็น ๆ อยู่ เห็น ๆ อยู่ว่าเจ้าทำร้ายนาง”
ชายผู้นั้นเลิกคิ้ว มองเย่หลานเฉิงแวบหนึ่งแล้วหัวเราะออกมา “เจ้าเด็กนี่ อย่ามาใช้สายตาเช่นนั้นมองข้านะ ทำเหมือนว่าเจ้าเป็นคนดี เป็นคนบริสุทธิ์ที่สุด ส่วนข้าเป็นคนชั่วร้ายเจ้าเล่ห์อย่างไรอย่างนั้น เจ้าอย่าลืมสิ เพื่อช่วยชีวิตของแม่เจ้าแล้ว เจ้าถึงกับหลอกพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าที่สุดมาที่นี่”
“ข้า…” เย่หลานเฉิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แววตามองไปยังเย่ซิวตู๋อย่างตื่นตระหนก
เขากลัวว่าท่านอาห้าจะเข้าใจผิด เขาอยากบอกอีกฝ่ายอย่างมากว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่ก็กลัวว่าคนพวกนี้จะรู้เข้า กลัวว่าถึงตอนนั้นสถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงกว่าเดิม
ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงมองไปยังเย่ซิวตู๋อย่างขอความช่วยเหลือ
แววตาของเย่ซิวตู๋ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย ไม่นานนักก็เปลี่ยนกลับไปเป็นสีหน้าไร้อารมณ์ เขาดูไม่ออกว่าสุดท้ายแล้วเขาควรเชื่อผู้ชายคนนี้หรือไม่ หรือว่าควรเชื่อใจตนเอง
เพียงแต่ชายคนนั้นกลับดูเหมือนว่ายังไม่สาแก่ใจ เขาหัวเราะออกมาอีกครั้ง “อีกอย่าง นิ้วของแม่เจ้าน่ะ ข้าไม่ได้เป็นคนตัดนะ แต่เป็นพ่อของเจ้าต่างหาก…”
สีหน้าของเย่หลานเฉิงเปลี่ยนเป็นขาวซีดในทันที รูม่านตาขยายออก ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ “ไม่ เป็นไปไม่ได้ พ่อของข้า ท่านพ่อของข้าไม่มีทาง… ไม่มีทาง…”
ปากเขาพึมพำ ปฏิเสธไปพลาง น้ำตาก็ไหลไปพลาง สีหน้าดูแล้วสิ้นหวังและทุกข์ใจอย่างมาก ถึงแม้ปากจะบอกว่าไม่เชื่อ แต่เมื่อคิดถึงภาพที่ท่านพ่อทุบตีท่านแม่อย่างไร้ความปรานีแล้ว เขาก็รู้สึกว่าชายตรงหน้านี้ไม่ได้โกหก
ท่านพ่อผู้นั้น สามารถทำร้ายท่านแม่ได้เพียงเพราะต้องการปกป้องชีวิตของตนเอง คนผู้นั้น คนผู้นั้น…
“แต่ว่า ท่านแม่ของเจ้าก็ดีกับเจ้ามากนะ รู้ว่าข้าจะหลอกใช้เจ้า นางถึงขนาดพยายามฆ่าตัวตายตั้งสามสี่ครั้ง จิ๊ ๆ โชคดีที่ตอนนี้พ่อของเจ้าทำให้นางสลบไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหาจริง ๆ ”
ชายผู้นั้นยิ่งพูดก็ยิ่งได้ใจ ยิ่งพูดยิ่งดูชั่วร้าย
เดิมทีเส้นประสาทของเย่หลานเฉิงก็ตึงเครียดมากพออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งเกินควบคุมไปกันใหญ่ เด็กชายพุ่งตัวเข้าหาชายผู้นั้นอย่างใจสลาย และเอาศีรษะโขกอีกฝ่ายอย่างแรง
ชายผู้นั้นส่งเสียงไม่พอใจ เขาจับศีรษะของเย่หลานเฉิงเอาไว้นิ่ง ๆ ก่อนจะจับแขนของเด็กชายเหวี่ยงไปด้านข้างโดยตรง
การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวปราดเปรียว และรวดเร็วอย่างมาก
เย่หลานเฉิงถูกเขาเหวี่ยงกระเด็นออกไป หนานหนานตื่นตะลึง ขณะที่คิดจะดิ้นออกจากอกของชายชุดดำ ก็เห็นฟ่านผิงอวิ๋นที่ยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋พุ่งตัวขึ้นในทันใด เขาเข้าไปอุ้มเย่หลานเฉิงเอาไว้แล้วร่อนลงที่พื้นดังเดิม
หนานหนานลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็เอนกายพักในอ้อมอกของชายชุดดำอย่างเกียจคร้าน
เย่หลานเฉิงยังคงตระหนกไม่หาย หลังจากถูกฟ่านผิงอวิ๋นวางลงกับพื้นแล้ว เขาก็กะพริบตา เช็ดน้ำตา มองไปยังเย่ซิวตู๋
“เจ้าเป็นเด็กดี ยืนอยู่ตรงนี้อย่าขยับนะ” เย่ซิวตู๋เพียงแต่เตือนเขาด้วยเสียงต่ำประโยคหนึ่ง
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดัง “เย่ซิวตู๋ เจ้าช่างมีจิตใจราวพระโพธิสัตว์เสียจริง เจ้าเด็กนั่นหลอกลูกเจ้ามาที่นี่นะ เจ้าไม่ช่วยลูกของตน แต่กลับช่วยเขาเสียแล้ว เจ้านี่ช่างมีจิตใจที่ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่เหลือเกิน”
“เลิกพูดไร้สาระ ส่งตัวคนมาได้แล้ว”
ชายผู้นั้นหุบยิ้มในทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “แล้วคนที่ข้าต้องการเล่า? เจ้าคิดว่า หากไม่มีเบี้ยต่อรอง ข้าจะส่งคนให้เจ้าหรือ?”
“ข้าสั่งให้พาตัวคนมาที่นี่แล้ว”
“หากเป็นเช่นนั้น ก็รอให้เจ้าพาคนมาก่อนค่อยว่ากัน จำเอาไว้ล่ะ ข้าต้องการแบบไร้รอยขีดข่วน หากเหมิงกุ้ยเฟยมีอะไรผิดปกติไปเพียงนิด ข้าจะเอาคืนกับลูกของเจ้าเป็นสิบเท่าร้อยเท่า”
สันกรามของเย่ซิวตู๋ขบแน่น ชายหนุ่มไม่ได้กล่าวสิ่งใดทั้งนั้น
ชายผู้นั้นหัวเราะเย้ยหยัน เอ่ยสั่งชายชุดดำที่จับหนานหนานเป็นตัวประกัน “พวกเจ้า พาเจ้าเด็กนี่เข้าไปเสีย”
“ขอรับ นายท่าน” ชายชุดดำห้าหกคนที่เดิมทีอยู่ด้านหลังหัวหน้าตน พากันตรงไปยังห้องด้านในทีละคน เหลือไว้เพียงชายผู้เป็นหัวหน้า ที่ยังคงยืนตัวตรงอยู่ต่อหน้าเย่ซิวตู๋อย่างเยือกเย็น สายตาที่มองออกไป งดงามหาสิ่งใดเปรียบ โดดเด่นเป็นสง่า
เย่ซิวตู๋เองก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับแม้แต่น้อย ร่างกายสูงโปร่งแผ่รังสีเย็นเยือกออกมา
ฟ่านผิงอวิ๋นมองทั้งสองคนแล้วโบกมือ ฟ่านฉี่อวิ๋นและคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังถอยไปข้างหลังสองสามก้าว คนเหล่านั้นเดินไปนั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ใกล้ไม่ไกล แววตาของพวกเขายังคงจับจ้องไปยังทั้งสองคนที่เผชิญหน้ากันอยู่ อีกทั้งยังมีท่าทางดูระแวดระวัง ราวกับว่าขอเพียงชายผู้นั้นเคลื่อนไหว พวกเขาก็พร้อมจะลุกขึ้นและโจมตีโดยไม่ลังเล
ฟ่านผิงอวิ๋นกลับพาเย่หลานเฉิงออกห่างมาตามลำพัง เมื่อมั่นใจว่าชายคนนั้นจะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขา ฟ่านผิงอวิ๋นก็กดเสียงต่ำถามว่าเหตุใดเจ้าตัวและหนานหนานจึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งยังมีเรื่องที่เด็กคนนี้หลอกหนานหนานมาที่นี่นั้น มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เย่หลานเฉิงเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟ่านผิงอวิ๋นฟังด้วยเสียงแผ่วเบา อีกฝ่ายฟังจบมุมปากก็โค้งขึ้น เช่นนั้นแล้ว พวกแม่นางอวี้เองก็กำลังมาแล้วสินะ
เย่หลานเฉิงลูบหน้า และประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านอารองฟ่าน เหตุใดพวกท่านจึงมาอยู่ที่นี่ขอรับ? ท่านอาห้ากำลังทำสงครามอยู่ที่ประตูเมืองไม่ใช่หรือ? เหตุใดพวกท่านจึงมาที่นี่รวดเร็วนักขอรับ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ้าว ท่านอ๋องซิวมาอยู่นี่เอง
พวกที่ต้องการตัวเหมิงกุ้ยเฟยเป็นใครกันนะ? ไม่คุ้นหน้าเลย
ไหหม่า(海馬)