อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1030 ความดีความชอบของพยัคฆ์ทมิฬ
ตอนที่ 1030 ความดีความชอบของพยัคฆ์ทมิฬ
ตอนที่ 1030 ความดีความชอบของพยัคฆ์ทมิฬ
ฟ่านผิงอวิ๋นเม้มปาก กล่าวเสียงต่ำ “ที่บ้านพักนั้นมีผู้อารักขาคนหนึ่งหนีออกมาได้ และมารายงานที่ประตูเมือง”
ถึงแม้ผู้อารักขาในบ้านพักนั้นจะถูกปิดล้อม ถูกสังหาร คนเหล่านั้นจิตใจโหดเหี้ยมรุนแรง แต่ก็มักจะมีบางคนที่พยายามจนหลบหนีออกมาได้อยู่เสมอ
ยิ่งไปกว่านั้น พยัคฆ์ทมิฬที่เย่ซิวตู๋เคยปล่อยเอาไว้ในบ้านพักนอกเมือง ก็ถูกลอบพามาอยู่ที่บ้านพักทางด้านนี้เช่นกัน
พวกอดีตองค์รัชทายาทและองค์ชายสามไม่รู้ว่ามีพยัคฆ์ทมิฬอยู่ พยัคฆ์ทมิฬนั้นอยู่ในป่านอกบ้านพักมาโดยตลอด นี่ก็ถือเป็นการคุ้มกันอีกชั้นหนึ่งที่เย่ซิวตู๋จัดเอาไว้
เมื่อคืนนี้ ตอนที่บ้านพักเกิดเหตุสังหารหมู่ พยัคฆ์ทมิฬก็รีบออกมาจากป่าในทันที
เพียงแต่บ้านพักในตอนนั้นถูกล้อมด้วยชายชุดดำเอาไว้แล้ว ทั้งยังมีการยิงธนู โหดร้ายอย่างมาก
พยัคฆ์ทมิฬอยากจะเข้าไปช่วยคน แต่เมื่อมีธนูมากมายเพียงนี้ ไม่ว่ามันจะว่องไวสักเพียงใดก็เกรงว่าจะหนีรอดออกมาได้ยาก อีกทั้งมันยังพบว่าในหมู่คนเหล่านี้ มียอดฝีมืออยู่ไม่น้อย เก่งกาจอย่างมาก
พยัคฆ์ทมิฬรู้ดีว่าตนนั้นยังมีหน้าที่ที่สำคัญยิ่งกว่า มันต้องรายงาน
และในตอนนั้นเอง มีผู้อารักขาคนหนึ่งที่ฝ่าออกมาจากการโอบล้อมได้ วิ่งมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว เพียงแต่ผู้อารักขาคนนั้นดูแล้วเหนื่อยล้า โซซัดโซเซ พยัคฆ์ทมิฬจึงรีบเข้าไปหาทันที นำผู้อารักขาผู้นั้นขึ้นหลังแล้วพาออกจากวงล้อมของมือสังหารอย่างรวดเร็ว ให้เขาไปรายงานที่ประตูเมือง
ความเร็วของพยัคฆ์ทมิฬนั้นน่าตื่นตะลึง คนเหล่านั้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง พยัคฆ์ทมิฬก็หายตัวไปแล้ว ผู้อารักขาที่ถูกพยัคฆ์ทมิฬอุ้มไว้บนหลังตกตะลึงไป ถึงขนาดคิดว่าพยัคฆ์ทมิฬคิดร้ายกับตน โชคดีที่เขาหัวไว ไม่นานก็เข้าใจได้ว่าตนถูกเจ้าเสือช่วยเอาไว้แล้ว
เมื่อคิดได้ว่าได้ยินว่านายท่านเลี้ยงเสือตัวหนึ่งไว้ตอนเด็กๆ ไม่นานนักก็ผูกพันกับพยัคฆ์ทมิฬขึ้นมา จนกระทั่งไปถึงที่ที่ปลอดภัย พยัคฆ์ทมิฬก็วางเขาลง ส่วนตนเองนั้นก็ย้อนกลับไปอีกครั้ง
แต่ทว่าเมื่อพยัคฆ์ทมิฬกลับมาถึงบ้านพัก การเข่นฆ่าก็หยุดลงแล้ว ทั้งบ้านพักนอกจากกลิ่นเลือดที่โชยอย่างหนักก็มีเพียงศพที่อยู่เกลื่อนพื้น ส่วนเหล่าชายชุดดำที่ฆ่าคนไปแล้วก็พาสวีโหรวและอดีตองค์รัชทายาทจากไป
พยัคฆ์ทมิฬได้รับการฝึกฝนจากเย่ซิวตู๋มาโดยตลอด มันมีสัมผัสที่ไวต่ออันตรายเป็นพิเศษ มันรู้สึกได้ทันทีว่าชายรูปงามที่เป็นหัวหน้านั้นมีฝีมือไม่ธรรมดา มีรังสีที่น่าตื่นตะลึง การรับรู้กลิ่นตามธรรมชาติของสัตว์ทำให้มันหยุดลง ไม่ได้พุ่งเข้าไปช่วยคนในทันทีทันใด
นอกจากนี้เย่ซิวตู๋เองก็ยังกำชับมันเอาไว้ หากพบศัตรูที่แข็งแกร่งเกินไป เรื่องแรกก็คือต้องรักษาชีวิตตนเองเอาไว้ก่อน และพยายามใช้ทุกวิถีทางเพื่อทิ้งร่องรอยของศัตรูเอาไว้
ดังนั้นตอนที่กลุ่มคนนำตัวสวีโหรวออกไป พยัคฆ์ทมิฬก็แอบติดตามพวกเขาไปอย่างเงียบๆ
ไม่ว่าชายรูปงามผู้นั้นจะเก่งกาจเพียงใด แต่เขาก็ไม่มีทางได้ยินเสียงพยัคฆ์ทมิฬที่อยู่ห่างไกลทั้งยังมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาจนเกือบจะเงียบงัน
เมื่อเย่ซิวตู๋ได้รับการรายงานจากผู้อารักขา บอกว่าตอนที่บ้านพักถูกโจมตี และคนเหล่านั้นได้จับตัวอดีตองค์รัชทายาท สวีโหรว ไปจนถึงองค์ชายสามและพระชายาไป ก็พาพวกเขารีบร้อนมา น่าจะพอเดาออกว่าเป็ฯฝีมือใคร และเดาออกว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่ายคืออะไร ก่อนมาที่นี่ เย่ซิวตู๋จึงได้สั่งฟ่านซิวอวิ๋นให้กลับไปที่ตำหนักอ๋องซิว บอกให้อวี้ชิงลั่วพาเหมิงกุ้ยเฟยออกมา ส่วนเขาก็นำฟ่านผิงอวิ๋นฟ่านฉี่อวิ๋นกลุ่มนั้นมาที่บ้านพักก่อน
ที่บ้านพักไม่มีคนแล้ว เขาตามร่องรอยที่พยัคฆ์ทมิฬทิ้งเอาไว้ให้ในทันที
เดิมทีวางแผนไว้ว่าจะหาโอกาสช่วยคน เพียงแต่…
คนเหล่านั้นกลับเก่งกาจอย่างมาก มีการป้องกันแน่นหนา รอบบ้านหลังนี้ล้วนเต็มไปด้วยหน่วยรักษาการณ์ลับ เพียงเห็นการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ไปรายงานกับชายหนุ่มรูปงามผู้เป็นหัวหน้าในทันที
เย่ซิวตู๋ยังไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับฝีมือของคนเหล่านี้นัก หากกระทำการบุ่มบ่ามก็กลัวว่าจะช่วยสวีโหรวและสามีภรรยาองค์ชายสามออกมาไม่ได้ กลับจะทำให้คนต้องบาดเจ็บเสียด้วยซ้ำ ทำได้เพียงแสดงตัว ใช้แผนสำรองด้วยการนำตัวคนมาแลกคนเท่านั้น
โชคดีที่จุดประสงค์ของคนเหล่านี้เป็นไปตามที่เย่ซิวตู๋คาดเอาไว้จริงๆ พวกเขาต้องการใช้เหมิงกุ้ยเฟยมาแลกเปลี่ยนกับสวีโหรวและสามีภรรยาองค์ชายสาม
เย่หลานเฉิงได้ฟังก็นึกขึ้นได้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ จริงๆ แล้วท่านอาห้าก็มีแผนการสำรองอยู่นี่เอง
ฟ่านผิงอวิ๋นมองท่าทางของเขา กลับลอบถอนหายใจ ท่าทางเหมือนจะกล่าวบางสิ่งแต่ลังเล
จริงๆ แล้วยังมีอีกเรื่องที่เขาไม่ได้บอกเย่หลานเฉิง ที่ผู้อารักขาและคนรับใช้ทั้งหมดในบ้านพักถูกสังหาร คนที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดก็คืออดีตองค์รัชทายาท
ไม่มีใครรู้เลยว่าไอ้สารเลวผู้นี้ไปอยู่ฝั่งเดียวกับองค์ชายเจ็ดแล้ว ทั้งยังลงมือวางยาในบ่อน้ำด้วย
หากไม่ใช่เพราะเหล่าผู้อารักขาดื่มน้ำในบ่อนั้นไป จะถูกฆ่าได้ง่ายๆ เช่นนี้หรือ
ถึงแม้ผู้อารักขาในบ้านพักนั้นจะเทียบกับของตำหนักอ๋องซิวไม่ได้ แต่คนที่เย่ซิวตู๋ส่งมาไว้ จะเป็นคนไร้เรี่ยวแรงต่อสู้เพียงนั้นเลยหรือ? จะตายอย่างโหดร้ายเช่นนั้นเลยหรือ?
โดยเฉพาะในหมู่พวกเขานั้น ยังมีสองสามคนที่เป็นนักฆ่าที่เขาเคยฝึกฝนมาก่อนด้วย ฝีมือของพวกเขาเป็นอย่างไร ด้วยสถานะหัวหน้าของพวกเขา ฟ่านผิงอวิ๋นนั้นรู้ดี
ถึงแม้จะฝีมือไม่เท่าคนอื่น แต่ก็ไม่มีทางตกอยู่ในสภาพที่โดนโจมตีฝ่ายเดียวเป็นแน่
เพียงเห็นว่าพวกเขาตายตาไม่หลับเช่นนั้น ฟ่านผิงอวิ๋นก็อยากจะสับอดีตองค์รัชทายาทเป็นหมื่นเป็นพันท่อนเสียเหลือเกิน
เย่หลานเฉิงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของฟ่านผิงอวิ๋น เขาก้มหน้าด้วยความเป็นกังวล ตอนนี้คนที่ถูกจับเข้าไปในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงท่านแม่ของเขา แต่ยังมีหนานหนานอีก
ถึงแม้การที่หนานหนานไร้เรี่ยวแรงนั้นจะแสร้งทำ แต่เพียงเย่หลานเฉิงคิดถึงตอนที่ชายชุดดำคิดจะแทงหนานหนาน ในใจก็เจ็บปวดขึ้นมา
หากชายชุดดำคิดว่ามาถึงอาณาเขตของตนเอง รอบกายมีแต่คนของตนแล้ว ก็คงไม่ต้องกังวลแล้วว่าหากแทงหนานหนานจะทำให้ยาของเขาหมดฤทธิ์หรือไม่ เช่นนั้นก็จบกัน
ตอนนี้หนานหนานถูกปิดล้อมทุกด้าน แต่ก็ยังต้องดูแลท่านแม่ของเขาและองค์ชายสามสองสามีภรรยาอีก เกรงว่าเขาจะยอมเสียสละตนเพื่อผู้อื่น และยอมถูกคนแทง
หากเป็นเช่นนั้น เขาเองก็สมควรตายจริงๆ
ทันใดนั้นก็เหมือนว่าเขาคิดอะไรออก เอ่ยถาม “คนผู้นั้น คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าท่านอาห้าคือใครหรือขอรับ? ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
ฟ่านผิงอวิ๋นไม่ได้ตอบ เพียงคิดถึงชายรูปงามผู้นั้น มุมปากก็เม้มแน่นขึ้นมา หากเย่ซิวตู๋เดาไม่ผิด คนผู้นั้นน่าจะชื่อว่าเหมิงซิน
เหมิงซิน คนรักของเหมิงกุ้ยเฟย
“ใครหรือขอรับ?” เย่หลานเฉิงยังรอคำตอบจากเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนอย่างเย็นชาของฟ่านผิงอวิ๋นดังขึ้นข้างหู
เขาชะงัก รีบเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฟ่านผิงอวิ๋นที่ไม่รู้ว่าลุกขึ้นยืนตัวตรงตั้งแต่ตอนไหน จ้องมองไปยังพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลพร้อมแววตาที่ลุกเป็นไฟ
ตรงพุ่มไม้เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่นานนักก็มีเสียงกรอบแกรบดังขึ้น
แววตาของฟ่านผิงอวิ๋นหรี่ลงทันใด ดันเย่หลานเฉิงมาไว้ด้านหลังของตนเอง กระบี่ในมือก็ถูกชักออกมาแล้ว
เย่หลานเฉิงจับแขนเสื้อของฟ่านผิงอวิ๋นเอาไว้แน่น ดวงตาคู่นั้นเบิกกว้าง จ้องมองพุ่มไม้นั้นเขม็ง
พุ่มไม้เงียบลงอีกครั้ง ราวกับว่าไร้การเคลื่อนไหว
ฟ่านผิงอวิ๋นขมวดคิ้ว เดินไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง
เย่หลานเฉิงรีบจับเขาเอาไว้ “ท่านอารองฟ่าน ข้าไปเองขอรับ”
ฟ่านผิงอวิ๋นตะลึงไป หันไปมองเย่หลานเฉิงแวบหนึ่งแล้วยิ้มออกมา ไม่แปลกเลยที่ได้รับการดูแลจากหนานหนานอย่างสุดหัวใด ได้รับความไว้วางใจจากเย่ซิวตู๋อย่างเต็มที่ เด็กคนนี้อายุยังน้อย แต่กลับกล้าหาญอย่างมาก
แม้ว่าจะรู้ว่ามีอันตรายอยู่ข้างหน้า แต่ก็ยังเดินไปข้างหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
ฟ่านผิงอวิ๋นเงียบไป ดึงเย่หลานเฉิงมาไว้ด้านหลังตนเองอีกครั้ง แววตาเย็นชาและดุดันขึ้นมาก แต่ไม่ได้ก้าวไปข้างหน้าอีกแล้ว เพียงแต่จ้องไปยังพุ่มไม้และส่งเสียงไม่พอใจ “ใครอยู่ตรงนั้น รีบออกมาเสีย หากยังไม่ออกมาอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
“โอ๊ย… เจ็บๆๆ…” ทันใดนั้นในพุ่มไม้ก็มีเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังออกมา
ฟ่านผิงอวิ๋นและเย่หลานเฉิงผงะ ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้ว รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย “ออกมาเถิด”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
อ้อ คนรักเก่าเหมิงกุ้ยเฟยมาพาตัวกลับนี่เอง
ใครซ่อนตัวอีกล่ะนั่น?
ไหหม่า(海馬)