อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1035 ท่านมันเดรัจฉาน
ตอนที่ 1035 ท่านมันเดรัจฉาน
ตอนที่ 1035 ท่านมันเดรัจฉาน
หนานหนานกะพริบตา อยากจะชะเง้อออกไปมองด้านนอก แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่งเสียเลย
เฮ้อ… ไม่ฟังคำสั่งหรือ? หนานหนานแปลกใจเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถูกวางยา เห็นๆ ว่าเมื่อครู่ยังมีแรงอยู่มาก เหตุใดตอนนี้จึงรู้สึกว่าทั้งร่างอ่อนแรง เหมือนว่าถูกยาพิษของท่านแม่อย่างไรอย่างนั้น…
เดี๋ยวนะ…ดวงตาของหนานหนานเปล่งประกายในทันใด ท่านแม่มาแล้ว จะต้องเป็นฝีมือของท่านแม่แน่ๆ
ไม่แปลกเลยที่ท่านแม่ใช้เวลานานกว่าจะปรากฏตัว ที่แท้ก็เริ่มลงมือแล้วนี่เอง
แต่ว่า ไอ้หยา ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว ท่านน้าโหรวถูกพาตัวไปแล้ว
ไม่อย่างนั้นผงพิษของท่านแม่จะต้องถูกคนเหล่านี้เป็นแน่ โดยเฉพาะเรื่องเมื่อครู่ตอนที่ท่านน้าโหรวฆ่าตัวตาย อดีตองค์รัชทายาทและเขาจึงทะเลาะกัน ผงพิษของท่านแม่ล้วนไร้เสียงและไร้กลิ่น ไม่มีใครตรวจพบเป็นแน่ ผ่านไปไม่นานคนเหล่านี้ก็ล้วนจะล้มลงกันหมด
หนานหนานเพิ่งคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นชายชุดดำข้างกายก็ขมวดคิ้ว ราวกับรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ
และยังมีคนอื่นๆ ในห้องที่รูม่านตาหดลง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
หนานหนานรู้ดี คนเหล่านี้ต่างจากผู้อารักขาทั่วไป พวกเขามีประสาทสัมผัสเฉียบคมมาก ดังนั้นขอเพียงมีความผิดปกติเล็กน้อยก็จะรู้สึกได้ในทันใด
แน่นอนว่าไม่นานก็มีสองคนเดินออกไปด้านนอก ราวกับว่าต้องการออกไปรายงาน
หนานหนานไม่ได้สนใจอะไรมากนัก หยิกตนเองอย่างแรงครั้งหนึ่ง กัดเอายาแก้พิษเม็ดเล็กๆ ที่ปักไว้ในมุมหนึ่งของเสื้อผ้า ทันใดนั้นก็ได้สติคืนมา
เขาดีดตัวขึ้นแล้วขยับขา เคลื่อนไปตรงหน้าสองคนนั้นทันที ไม่รอให้พวกเขากล่าวอันใดก็ลงมือจัดการจนพวกเขาล้มลง
คนอื่นๆ ในห้องได้สติขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็คิดจะตะโกนร้อง แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เมื่ออ้าปากแล้วกลับไม่มีเสียงออกมาแม้แต่นิด ราวกับว่าที่คอถูกคนบีบเอาไว้อย่างแรง มีอะไรอุดกั้นอยู่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ละคนคิดจะยืดตัวขึ้นแล้วโจมตีเข้าใส่หนานหนาน แต่ขาทั้งสองข้างกลับอ่อนแรงในทันใด แม้แต่จะยืนให้ได้ยังเป็นเรื่องลำบาก
ไม่รู้ว่าประตูด้านหลังถูกเปิดออกตั้งแต่ตอนไหน ชายชุดดำเหล่านั้นมองคนกลุ่มหนึ่งที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวด้วยความหวาดผวา
ส่วนในลานบ้านตอนนี้เริ่มมีเสียงดังเอะอะโวยวายขึ้นมาเพราะการมาถึงของเหมิงกุ้ยเฟย จึงช่วยกลบความเคลื่อนไหวในห้องได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ได้ถึงเสียงด้านใน
สวีโหรวถูกอดีตองค์รัชทายาทจับตัวเอาไว้ ด้านหลังยังมีชายชุดดำสี่ห้าคนตามมาด้วย สบตากับเย่ซิวตู๋อยู่โดยไม่ละสายตา
ส่วนด้านหลังของเย่ซิวตู๋มีฟ่านซิวอวิ๋นผู้สีหน้าเคร่งขรึม ในมือยังจับเหมิงกุ้ยเฟยที่ถูกมัดมือไพล่หลังไว้
“เหมิงซิน” ครั้นเหมิงกุ้ยเฟยเห็นชายรูปงามที่ยืนอยู่ตรงข้ามตนเอง ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะพยายามดิ้นรน
ในที่สุดใบหน้าไร้อารมณ์ของเหมิงซินก็ฉายแววปั่นป่วนออกมา เพียงแต่ไม่นานเขาก็เก็บอารมณ์นั้นเอาไว้
เขาเพียงแค่พยักหน้าให้เหมิงกุ้ยเฟยอย่างเรียบเฉย สายตามองไปยังเย่ซิวตู๋
ฟ่านซิวอวิ๋นขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็โน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ หูของเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “คนผู้นี้… ข้าเคยเจอ เขาเป็นมือสังหารที่แต่งตัวเป็นขันทีแล้วลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้”
แววตาของเย่ซิวตู๋ปรากฏแสงเย็นเยียบ จ้องมองเหมิงซินอย่างเย็นชา
ทันใดนั้นอีกฝ่ายก็หัวเราะออกมา “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะนำตัวคนที่ข้าต้องการมาจริงๆ เพียงเพื่อช่วยสวีโหรว อดีตไท่จื่อเฟยที่ถูกปลดกลับมีประโยชน์มากเพียงนี้”
เขากล่าวจบก็หันหน้าไปมองสวีโรวที่ยืนอย่างไม่มั่นคงนัก
สวีโหรวหลับตาลงเล็กน้อย ไม่กล่าวสิ่งใดทั้งนั้น
นางรู้ว่าหนานหนานแสร้งทำเป็นถูกจับ เช่นนั้นเขาจะต้องมีแผนการของตนเองเป็นแน่ นางเพียงต้องหุบปากเอาไว้อย่างเชื่อฟังเป็นพอ ไม่อย่างนั้นจะสร้างปัญหาใหม่แล้วทำให้แผนของพวกเขาต้องเปลี่ยนไป
แต่นางไม่กล่าวอันใด อดีตองค์รัชทายาทข้างกายนางกลับอดไม่ไหวแล้ว
เขากดมีดสั้นชิดติดใกล้ลำคอของสวีโหรว ยิ้มอย่างโหดเหี้ยมให้กับเย่ซิวตู๋ “เย่ซิวตู๋ ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะปรากฏตัวที่นี่ ที่แท้เจ้าก็ยอมประนีประนอมเพื่อนังโสเภณีผู้นี้ด้วย ฮ่าๆ ข้ารู้อยู่แล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมีใจคิดสกปรกกับนาง เมื่อก่อนนางก็เอาแต่แก้ต่างแทนเจ้าต่อหน้าข้า หลังจากข้าถูกปลดก็ยิ่งย่ำแย่ลง ข้ายังแปลกใจอยู่ ที่แท้เจ้าก็สมรู้ร่วมคิดด้วย ฮ่าๆ เจ้าดีกับเย่หลานเฉิงเพียงนั้น ดังนั้นเขาเป็นลูกเจ้าใช่หรือไม่?”
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นได้ยินก็ตะลึงไป มองดูอดีตองค์รัชทายาทผู้นี้ด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ดวงตาของสวีโหรวที่หลับแน่นลืมขึ้นในทันใด ดวงตาของนางเบิกกว้าง สีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
นางหมุนตัวในทันใด ใช้เรี่ยวแรงที่ยังเหลืออยู่ตบเข้าไปที่ใบหน้าของอดีตองค์รัชทายาท ไม่สนกระทั่งว่าที่คอจะยังมีมีดสั้นจ่ออยู่
โชคดีที่เหล่าชายชุดดำที่อยู่ด้านหลังพวกเขานั้นมีสายตาเฉียบคมและเคลื่อนไหวว่องไว ทำให้มีดสั้นในมือของอดีตองค์รัชทายาทกระเด็นออกไป ไม่อย่างนั้นหากมีดสั้นยังอยู่ เกรงว่าสวีโหรวก็คงตายไปแล้ว
‘เพียะ’ ฝ่ามือนั้นตบลงไปบนใบหน้าของอดีตองค์รัชทายาทอย่างแรง
เพราะสวีโหรวออกแรงมากเกินไป ทำให้ทั้งร่างล้มลงกับพื้นในทันที
ดวงตาอดีตองค์รัชทายาทลุกโชนด้วยเพลิงพิโรธ หยิบเอามีดสั้นที่พื้นก่อนพุ่งตัวเข้าใส่สวีโหรว แต่ถูกชายชุดดำคนหนึ่งขวางไว้ มีดสั้นในมือตกลงกับพื้น ส่วนตัวเขาก็ถูกกดลงกับพื้นและขยับไม่ได้เช่นกัน
สวีโหรวสูดหายใจแรงสองครั้ง จ้องมองอดีตองค์รัชทายาทเขม็ง “ท่านช่างเป็นสัตว์ร้ายจริงๆ ตั้งแต่ข้าแต่งงานกับท่านก็รักษาจุดยืนของตนมาโดยตลอด คิดสิ่งใดก็ล้วนทำเพื่อตำหนักองค์รัชทายาทอย่างสุดความสามารถ พยายามใช้ความคิดเพื่ออนาคตของท่าน ต่อให้ท่านจะโง่เง่าขลาดเขลาเพียงใด ข้าก็ไม่เคยละความพยายามกับท่าน ถึงขนาดเฉิงเอ๋อร์ถูกลืมอยู่ในวังสองปี ข้าก็ยังยอมละเลยเขาเพื่อที่ท่านจะได้ไม่เป็นจุดสนใจ คิดไม่ถึง ว่าในใจท่านจะสกปรกเกินทนเพียงนี้”
นางกล่าวจบก็หลับตา ถอนหายใจอย่างแรงสองครั้ง โกรธมากเสียจนสั่นไปทั้งร่าง
“ข้า สวีโหรว ชีวิตนี้ไม่เคยทำผิดต่อท่าน ไม่เคยทำผิดต่อราชวงศ์ ไม่เคยทำผิดต่อใครทั้งนั้น คนเดียวที่ข้าทำผิดด้วยก็คือเฉิงเอ๋อร์ของข้าที่โชคร้ายมาตั้งแต่ยังเด็ก เป็นเพราะต้องเป็นลูกของบิดาอย่างท่าน เขาจึงต้องกลายเป็นเป้าวิจารณ์ของผู้อื่น คิดไม่ถึงว่าเขาลำบากมาตั้งหลายปี ตอนนี้กลับถูกท่านใส่ร้ายเช่นนี้ ท่านยังเป็นคนอยู่หรือไม่?”
สวีโหรวเย็นชากับอดีตองค์รัชทายาทมานานแล้ว ต่อให้เขาร่วมมือกับคนนอกเพื่อจับนาง ทรมานนาง ถึงขนาดตัดนิ้วของนางด้วยตัวเอง นางก็คิดว่าเป็นเพราะนิสัยขี้ขลาดกลัวตายและโง่เง่าของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเอาภูมิหลังของเย่หลานเฉิงมาพูดในทางที่เกินจะรับได้เช่นนี้
นั่นเป็นบุตรชายของเขาเอง สายเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ต่อให้เขาละเลยไม่สนใจนาง แต่ก็ไม่ควรพูดเรื่องเช่นนี้ออกมา
เขาเห็นเย่หลานเฉิงเป็นสิ่งใด?
“เย่ฮ่าวหมิง สัตว์เดรัจฉานอย่างท่าน ตายไปก็ไม่น่าเสียดายเลย”
อดีตองค์รัชทายาทได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งตะโกนลั่น “ข้าเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ? เช่นนั้นเจ้าก็เป็นนังโสเภณี เป็นคนบ้า เจ้าบอกว่าเจ้านึกถึงข้า เช่นนั้นเหตุใดเจ้าจึงไม่ช่วยข้าขึ้นตำแหน่งสูงสุดเล่า? ข้าถูกปลด เหตุใดเจ้าจึงไม่ช่วยคิดหาวิธีกลับไปเป็นที่โปรดปรานอีกครั้งเล่า? แต่กลับมาแนะนำให้ข้าผูกมิตรกับเย่ซิวตู๋ ฮ่าๆ เจ้ายังไม่ยอมรับอีกว่าเจ้าคิดไม่ซื่อกับเขา เจ้ายังบอกว่าเย่หลานเฉิงเป็นลูกของข้าอีกหรือ? ลูกแบบนั้นไม่มีก็ยังได้ ต่อให้เขาเป็นลูกของข้า ข้าก็ไม่ยอมรับหรอก”
“เย่ฮ่าวหมิง หากเจ้ายังพูดอีกคำเดียว ข้าจะตัดลิ้นเจ้าเสีย” เย่ซิวตู๋สีหน้าโกรธเกรี้ยว หันหลังมองไปแวบหนึ่ง
และด้านหลังเขาไม่ไกลนั้น ก็มีเย่หลานเฉิงที่ใบหน้าขาวซีดยืนอยู่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หลานเฉิงเอ๊ย พ่อแบบนี้ไม่มีดีกว่าลูก ทำให้เกิดมาได้อย่างเดียวแต่ไม่ใช่คนที่ทำหน้าที่พ่อได้อะ อย่าไปกตัญญูอะไรเลย ปล่อยเน่าตายไปเถอะ
ไหหม่า(海馬)