อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1037 เรื่องประหลาดใจที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 1037 เรื่องประหลาดใจที่ไม่คาดคิด
ตอนที่ 1037 เรื่องประหลาดใจที่ไม่คาดคิด
เมื่อเหมิงซินเห็นอวี้ชิงลั่ว เขาก็หรี่ตาลง
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ด้วยท่าทางสบายๆ หันหน้าไปยิ้มหวานให้เขา “ไม่ถือว่าข้ามาช้าไปกระมัง”
“เหนื่อยหรือไม่?”
“เล็กน้อย” อวี้ชิงลั่วพยักหน้าราวกับมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น ทันใดนั้นก็มองไปยังเหมิงซิน เปล่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ามาจากบ้านพัก ได้พบกับสามีภรรยาองค์ชายสามเสียก่อน องค์ชายสามได้รับบาดเจ็บ ข้ารักษาอาการให้เขา ส่งเขากลับไปแล้ว จากนั้นก็รีบมาทางด้านนี้โดยไม่หยุดพัก รีบร้อนเกินไป จริงๆ แล้วก็เหนื่อยมากอยู่”
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ นี่คือกำลังบอกเขาว่าสามีภรรยาองค์ชายสามไม่ได้อยู่ในมือของเหมิงซิน และตอนนี้พวกเขาก็ปลอดภัยแล้วสินะ
สีหน้าของเหมิงซินเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวในทันใด ดวงตาคู่งามจ้องไปยังเย่หลานเฉิงทันที “เจ้าบอกนางหรือ?”
ไม่อย่างนั้นอวี้ชิงลั่วจะรีบไปที่บ้านพักเป็นอย่างแรกทำไมกัน?
เหมิงซินเคยคิดว่าเย่หลานเฉิงจะบอกทุกอย่างกับอวี้ชิงลั่ว แต่คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะเมินเฉยต่อนิ้วที่ขาดของมารดาตน ทั้งยังเต็มใจจะเสี่ยงให้มารดาของตนถูกฆ่าด้วยการบอกอวี้ชิงลั่ว
ไม่ได้การ!!
เหมิงซินหันหน้ากลับในทันที กล่าวกับชายชุดดำข้างกาย “เจ้าเข้าไปเสีย ดูว่าเด็กคนนั้นจะยังอยู่หรือไม่?”
“ไม่ต้องไปดูหรอก บุตรชายของข้า… ไม่ได้อยู่ในห้องแล้วจริงๆ” อวี้ชิงลั่วยิ้มพลางตอบเขาประโยคหนึ่ง
ชายชุดดำได้ยินดังนั้นก็รีบเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
มีศพกองอยู่เต็มพื้น ทั้งหมดล้วนเป็นคนของพวกเขา ทั่วทั้งห้องไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งคนเหล่านั้นยังตายอย่างแปลกประหลาดมาก บนร่างกายไม่มีบาดแผลแม้แต่น้อย ไม่แปลกเลย…ที่คนตายมากขนาดนี้ แต่กลับไม่มีกลิ่นเลือดแม้แต่น้อย
เขามีสีหน้าตกตะลึง กำลังคิดจะรีบออกจากห้อง แต่ตรงหน้ากลับมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นแล้วโจมตีใส่เขาทันที
เหมิงซินที่อยู่ในลานบ้านยังคงรออยู่ หรี่ตามองอวี้ชิงลั่วและเย่หลานเฉิง
อวี้ชิงลั่วกลับหันหน้าไปถามเย่ซิวตู๋ “ชายผู้นี้คือใครหรือ?”
“เหมิงซิน”
ในตอนแรกยังเป็นเพียงการคาดเดา แต่ตอนนี้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของเหมิงกุ้ยเฟยยามได้พบเขา เย่ซิวตู๋ก็มั่นใจแล้ว
เดิมทีครั้งก่อนตอนที่มือสังหารเข้าไปลอบสังหารฮ่องเต้ เย่ซิวตู๋ยังคิดว่าเขาเพียงแสร้งทำเป็นขันทีเท่านั้น คิดไม่ถึง…ว่าเหมิงซินผู้นี้จะเป็นขันทีจริงๆ
เพียงแต่คนผู้นี้ดูงดงามเกินไปแล้วจริงๆ งดงามหยดย้อย หากเปลี่ยนเป็นสตรี เกรงว่าจะงดงามไปไม่น้อยกว่าเหมิงกุ้ยเฟยเลย
ไม่แปลกที่เหมิงกุ้ยเฟยจะทุ่มเทให้เขาเพียงนี้ คนเช่นนี้ ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ แต่ก็ยังทุ่มเทอยู่ข้างกายเหมิงกุ้ยเฟยเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้เกลียดชังเหมิงกุ้ยเฟยเพราะเหตุนั้น แต่กลับช่วยให้บุตรชายของนางได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้อีกด้วย
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น คิดไม่ถึงว่าคนที่พวกเขารอจะมาปรากฏแล้วจริงๆ
ตั้งแต่รู้เรื่องเหมิงซินผู้นี้ นางและเย่ซิวตู๋ก็รอคนผู้นี้ปรากฏตัว ประโยชน์ของเหมิงกุ้ยเฟยก็คือเปิดเผยเหมิงซินผู้นี้
เย่ซิวตู๋สงสัยมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเหมิงซินอาจจะเป็นมือสังหารที่ลอบสังหารฮ่องเต้ในตอนนั้น ฝีมือไม่ธรรมดา คนผู้นี้ซ่อนตัวในความมืดมาโดยตลอด นับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับพวกเขา
สองสามคนกำลังครุ่นคิดแตกต่างกันไป จู่ๆ ในห้องก็มีเสียงต่อสู้ดังออกมา
ทุกคนล้วนหันไปทางห้องด้านนั้น ไม่นานนัก ชายชุดดำที่เข้าไปเพื่อรายงานก็กุมหน้าอกตนเองเดินโซซัดโซเซออกมา
ทว่าเสียงต่อสู้ในห้องนั้นกลับยังไม่หยุดลง
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ชายชุดดำข้างในห้องนั้นควรจะตายหมดแล้วจึงจะถูก ใครกำลังสู้กันอยู่เล่า?
นางเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับเย่ซิวตู๋ ก็เห็นสองพี่น้องลู่หลานเฟิงกำลังต่อสู้กับร่างหนึ่งที่พวกเขาคุ้นเคยอย่างมาก
เพียงเย่ซิวตู๋มองเห็นร่างนั้น สีหน้าก็ทะมึนลงทันใด แววตาเป็นประกายเย็นเยียบ
“เผิงอิง!!!”
ในไม่ช้า ไม่เพียงแต่ลู่หลานเฟิงสองพี่น้องที่กำลังต่อกรกับเผิงอิง แต่ยังมีอันฝูซือ ท่านยายฮ่วน ฉินเจี่ยวเพียวและคนอื่นๆ ก็พากันตะลุมบอนกับคนกลุ่มหนึ่ง เคลื่อนที่จากในห้องด้านในออกมาจนถึงลานบ้าน
มุมปากของเหมิงซินโค้งขึ้นเผยรอยยิ้ม โบกมือให้คนนำสวีโหรวถอยไปด้านข้าง
การต่อสู้ที่ลานบ้านเริ่มรุนแรงขึ้น แต่สายตาของเย่ซิวตู๋กลับจับจ้องอยู่ที่ร่างของเหมิงซินโดยตลอด
จนกระทั่งเหมิงซินยกมือขึ้น คนเหล่านั้นจึงชักมือออกทันทีแล้วถอยไปอยู่ข้างกายเขา “นายท่าน”
ลู่หลานเฟิงและคนอื่นๆ ต่างก็กลับมาอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋ แต่ละคนพากันขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งขรึม
มุมปากของอวี้ชิงลั่วเม้มแน่น เดิมทีคิดว่าหลังฆ่าเหล่าชายชุดดำในห้องไปแล้ว เช่นนั้นลูกน้องของเหมิงซินก็จะหายไปมาก พวกเขาทางด้านนี้มีคนมากกว่า ลู่หลานเฟิงและคนอื่นๆ ก็ล้วนซ่อนตัวอยู่ในที่มือ สามารถฆ่าฝ่ายนั้นโดยไม่ทันตั้งตัวได้
คิดไม่ถึงว่าเผิงอิงจะพาคนอีกกลุ่มบุกเข้ามา
ตอนนี้จำนวนคนของพวกเขากลับมากกว่าเมื่อครู่นัก
เหมิงซินหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “อ๋องซิว แม่นางอวี้ ถึงแม้ในมือข้าจะไม่มีตัวประกันอื่น แต่พระชายาในองค์ชายรองผู้นี้ พวกเจ้าก็ยังต้องช่วยเหลือ เช่นนั้นพวกเราควรมาคุยธุระกันได้แล้วกระมัง”
“ทำไม เมื่อครู่เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าให้ใช้หนึ่งคนและกับหนึ่งคน เช่นนั้นตอนนี้ก็เหมาะสมแล้ว เจ้ายังอยากจะคุยเรื่องใดอีก?” เย่ซิวตู๋เพียงแต่เหลือบมองคนเหล่านั้น ไม่มีความตื่นตระหนกแม้แต่น้อย
ริมฝีปากเหมิงซินโค้งขึ้น “จะว่าไปนั่นก็จริง เช่นนั้นท่านอ๋องบอกให้คนส่งตัวเหมิงกุ้ยเฟยของพวกข้ามา ส่วนข้าก็จะให้คนส่งตัวพระชายาในองค์ชายรองของพวกเจ้าไป ว่าอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋ไม่เชื่อว่าเขาจะพูดง่ายเช่นนี้ ในใจเขาจะต้องมีแผนอันใดอยู่เป็นแน่ เพียงแต่ว่า…ดูจากตอนนี้แล้ว คงทำได้เพียงแค่นั้น
สวีโหรวดูอ่อนแอมาก หากให้ทนทรมานต่อไป เกรงว่าคงจะรับไว้ได้ไม่นานแล้ว
เย่ซิวตู๋ครุ่นคิด กวักมือให้ฟ่านผิงอวิ๋นส่งตัวคนไป
เหมิงซินเลือกเผิงอิง เผิงอิงพยักหน้า จับมือของสวีโหรวเดินมาทางด้านเย่ซิวตู๋ แต่กลับไม่มีท่าทางลังเลแม้แต่น้อย
น้ำเสียงของเหมิงซินดังขึ้นอีกครั้ง “อ๋องซิว เคลื่อนไหวให้เร็วหน่อยเถิด”
ฟ่านผิงอวิ๋นพยักหน้าให้เย่ซิวตู๋ และพาเหมิงกุ้ยเฟยเดินไปด้านหน้า
ทั้งสองฝ่ายล้วนเงียบกริบ เดินไปอย่างเชื่องช้า
เย่หลานเฉิงกลั้นหายใจมาโดยตลอด สายตาลุกโชนแรงกล้าจ้องมองไปยังสวีโหรว หัวใจที่เกร็งมาตลอดไม่อาจคลายลงได้
ทั้งสี่คนเดินมาถึงตรงกลางแล้วหยุดฝีเท้าพร้อมกัน ดวงตาของคนส่วนใหญ่จับจ้องไปที่ร่างของพวกเขา
มีเพียงเย่ซิวตู๋และเหมิงซินเท่านั้นที่สายตายังจับจ้องไปยังอีกฝ่ายและแทบจะไม่กะพริบตา
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย นางรู้สึกว่าเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้น
เผิงอิงและฟ่านผิงอวิ๋นที่อยู่ตรงกลางล้วนจ้องมองอีกฝ่ายอย่างเยือกเย็น
สวีโหรวไร้ซึ่งชีวิตชีวา เดิมทีก็เสียเลือดมากอยู่แล้ว ตอนนี้ก็รู้สึกวิงเวียน จนสายตาของฟ่านผิงอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองนาง ไม่นานนักก็ละสายตากลับมา
ทว่าเพียงเสี้ยววินาทีเดียว สถานการณ์ตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เผิงอิงที่เดิมทีดันสวีโหรวไปข้างหน้าก็ดึงนางกลับไปอีกครั้ง ทั้งห้านิ้วกลายเป็นกรงเล็บ คว้าคอของสวีโหรวเอาไว้
ฟ่านผิงอวิ๋นเองก็ตอบสนองได้รวดเร็วอย่างมาก เอื้อมมือออกไปดึงเหมิงกุ้ยเฟยกลับมาทันที
แต่ในตอนนั้นเอง เหมิงกุ้ยเฟยที่ถูกมัดมือสองข้างไพล่หลังก็เตะเขาอย่างแรง สองขาแตะที่พื้น แล้วทั้งร่างก็ลอยขึ้นกลางอากาศ เตะเข้าไปที่อกของฟ่านผิงอวิ๋น
ฟ่านผิงอวิ๋นรีบร้อนถอยเท้าไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว
จนกระทั่งเขาทรงตัวได้อีกครั้ง เหมิงกุ้ยเฟยก็กระโจนเข้าไปอยู่ข้างกายเหมิงซินเสียแล้ว
ทุกคนล้วนตะลึงไป เหมิงกุ้ยเฟย… มีวรยุทธ์หรือ?
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แย่แล้ว นังกุ้ยเฟยดันซ่อนวิชาเอาไว้ ชิงตัวไท่จื่อเฟยมาไม่ได้แถมยังเสียตัวประกันไปอีก
ไหหม่า(海馬)