อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 104 มีความคิดเห็น
ตอนที่ 104 มีความคิดเห็น
ประตูวังยังไม่ปิด รถม้าแล่นด้วยความเร็วตลอดทาง
เย่ฮ่าวหรานนั่งเม้มปากอยู่ในรถม้าไม่เปล่งเสียงพูดจา เห็นได้ชัดว่า นับตั้งแต่เสด็จพ่อทราบว่าพี่ห้ากลับมาถึงเมืองหลวง ก็เฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวทางฝั่งนี้ตลอด ย่อมทราบว่าวันนี้เขาอยู่กับพี่ห้าตลอดทั้งวัน เพียงแต่ที่เรียกให้เขาเข้าวังด้วยความรีบร้อนเช่นนี้ คาดว่าคงเป็นเพราะเรื่องของพี่ห้า
เขาได้แต่ถอนหายใจออกมา ลูบปลายจมูกด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
รถม้าผ่านประตูวังอย่างรวดเร็ว หลังจากทหารองครักษ์ตรวจสอบพบสถานะของเขาจึงรีบปล่อยให้เข้ามาด้านในทันที จึงมุ่งหน้าไปที่ห้องตำราหลวง
เหมียวเชียนชิวมารออยู่หน้าประตูหน้าศาลานานแล้ว เมื่อเห็นเย่ฮ่าวหรานก็รีบเดินตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้ามีความสุข
“ท่านอ๋องแปด ท่านมาแล้ว ฝ่าบาทรอท่านมาสักพักแล้วขอรับ” เหมียวเชียนชิวแอบถอนหายใจ รีบทำความเคารพและนำเขาเดินเข้าไปด้านใน
เย่ฮ่าวหรานพยักหน้าให้อีกฝ่ายเบา ๆ แม้ว่าการย่าวก้าวจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีความมั่นคงมิได้เห็นถึงความตื่นตระหนกแต่อย่างใด
“รบกวนกงกงแล้ว ไม่ทราบว่าที่เสด็จพ่อเรียกให้ข้าเข้าพบในวันนี้มีเรื่องอะไรหรือ?”
เหมียวเชียนชิวเดินไปพลาง กระซิบตอบกลับเสียงเบาไปพลาง “คาดว่าเกี่ยวกับเรื่องของท่านซิวอ๋องขอรับ”
เหมียวเชียนชิวมีความประทับใจต่อเย่ฮ่าวหรานในทางที่ดีมิน้อย องค์ชายพระองค์นี้แม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งสูงเหมือนองค์ชายคนโต องค์รัชทายาทและท่านซิวอ๋อง แต่เขาก็เป็นคนที่อารมณ์ดีที่สุดในบรรดาองค์ชายทั้งหมดแล้ว ไม่เพียงแต่ดีกับขันทีอย่างพวกเขาเท่านั้น ทั้งยังไม่วางอำนาจบาตรใหญ่ตั้งแต่เล็กจนโต สิ่งนี้นับว่าเป็นเรื่องที่หาได้ยากยิ่งภายในวัง
ต่อให้ภายหลังเขาจะเติบโตขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย ก็รักษาตัวเองให้พ้นภัยมาโดยตลอด และไม่เข้ามาแทรกแซงการต่อสู้ที่มีทั้งเปิดเผยและเป็นความลับภายในวัง แต่กลับเป็นท่านอ๋องผู้เป็นอิสระที่อยู่อย่างเอ้อระเหยลอยชาย องค์ชายเช่นนี้กลับกลายเป็นคนที่ฝ่าบาทวางพระทัยมากที่สุด
กอปรกับเขาและท่านซิวอ๋องมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน จักรพรรดิจึงโปรดปรานท่านอ๋องแปดเป็นพิเศษเช่นเดียวกัน
เย่ฮ่าวหรานชะงัก แม้ว่าความเป็นจริงจะเป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ แต่ตอนนี้ก็ยังต้องระวังแล้วระวังอีก คิดว่าอีกครู่หนึ่งเขาจะตอบคำถามเสด็จพ่ออย่างไร
ประตูของห้องตำราหลวงถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว หลังจากเหมียวเชียนชิวนำเขาเข้าไปแล้ว ก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ
เย่ฮ่าวหรานก้มหน้าคารวะ “ลูกขอคารวะเสด็จพ่อ”
“ลุกขึ้นเถิด” จักรพรรดิโบกพระหัตถ์ ช้อนสายพระเนตรทอดมองมาที่เขา “ได้ยินมาว่าวันนี้เจ้าไปหาพี่ห้าของเจ้ามา?”
“พ่ะย่ะค่ะ” เย่ฮ่าวหรานเม้มปาก ท่าทางดูจริงจังและเคารพนอบน้อม
แม้ว่าตอนที่เขาอยู่ข้างนอกจะปล่อยวางตามใจชอบจะมีนิสัยห้าวหาญ เผชิญหน้ากับอวี้ชิงลั่วหรือเย่ซิวตู๋ก็ยังกล้าเยาะเย้ยถากถาง แต่เมื่ออยู่เบื้องพระพักตร์จักรพรรดิ เขาก็เก็บบุคลิกทำตัวเป็นที่สนใจกลับมาจนหมด
ถึงอย่างไรภายในใจของเขาก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่าตนเองมิใช่พี่ห้า ต่อให้โดยปกติแล้วเสด็จพ่อปฏิบัติต่อเขาได้ไม่เลว แต่นั่นก็แค่ไม่เลวเท่านั้น ต่อเบื้องพระพักตร์ของเสด็จพ่อ เขาก็ยังมิอาจทำตัวกำเริบสืบสานได้
จักรพรรดิพยักพระพักตร์ สีพระพักตร์อ่อนโยนมิน้อย “ตอนอยู่ที่จวนซิวอ๋อง ได้เจอเรื่องที่น่าสนใจอะไรบ้างหรือไม่? ลองเล่าให้เราฟังหน่อย”
ความหมายของคำพูดนี้ก็คือ ให้เขารายงานเรื่องทั้งหมดในวันนี้ที่เกิดขึ้นภายในตำหนักซิวอ๋องออกมาให้หมด
“พ่ะย่ะค่ะ” เย่ฮ่าวหรานกล่าวด้วยความนอบน้อม จากนั้นจึงเล่าเรื่องเหล่านั้นที่เขาเห็นภายในจวนซิวอ๋องออกมา โดยเฉพาะช่วงที่พูดถึงเรื่องของหลิ่วเซียงเซียงตอนนั้น น้ำเสียงของเขาอดไม่ได้ที่จะแฝงด้วยความสะใจเล็ก ๆ
เรื่องเหล่านี้ทุกคนต่างก็ได้เห็นกันหมด ต่อให้เขาไม่พูด คาดว่าจักรพรรดิก็รับทราบได้
ทว่า…เกี่ยวกับอวี้ชิงลั่วที่เคยเป็นภรรยาของอวี๋จั้วหลินซึ่งตายไปเมื่อหกปีก่อน เย่ฮ่าวหรานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจที่จะปิดบังต่อไป
จักรพรรดิได้สดับฟังก็ถึงกับมีพระพักตร์อึมครึม จนกระทั่งเสียงของเขาสิ้นสุดลง จึงขมวดพระขนง ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้สดับฟัง “เจ้ากำลังบอกว่า สตรีผู้นั้นเตะหลิ่วเซียงเซียงหรือ?”
“…พ่ะย่ะค่ะ” ตอนนั้นดูเหมือนว่าจะหนักหนาเอาการ ดูจากหลิ่วเซียงเซียงที่ลุกขึ้นยืนไม่ไหวก็พอจะทราบได้แล้ว
จักรพรรดิลอบถอนพระปัสสาสะ เป็นอย่างที่เหมียวกงกงบอกไว้จริง ๆ เป็นการสร้างปัญหาวุ่นวายให้เสียแล้ว ดูเหมือนว่า พระองค์จัดงานแต่งให้ซิวเอ๋อร์ผิดพลาดไปจริง ๆ ทั้งยังเกิดปัญหามากมายด้วย
“เสด็จพ่อ” เย่ฮ่าวหรานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ กระซิบกราบทูลว่า “หลิ่วเซียงเซียงผู้นั้น ไม่เหมาะสมกับพี่ห้าจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดเช่นนี้ย่อมเป็นอันตรายอย่างแน่นอน สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า…พระราชโองการในตอนนั้นของจักรพรรดิเป็นเรื่องผิดพลาด
เพียงแต่ภายในพระทัยของจักรพรรดิก็รู้สึกเสียพระทัยเช่นกัน จึงมิได้สนพระทัยคำพูดของเขา
พระองค์ถอนหายพระทัยเงียบ ๆ ผ่านไปเนิ่นนานจึงตรัสขึ้นว่า “เราเข้าใจแล้ว แต่ราชโองการนี้ประกาศออกไปแล้ว เกรงว่าให้เรียกกลับคืนมาคงไม่ดี”
“เสด็จพ่อ พี่ห้ากลับมีความคิดเห็นอย่างหนึ่งนะพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิชะงัก ครั้นได้สดับฟังว่าเป็นความคิดเห็นของเย่ซิวตู๋ จึงเกิดความกระตือรือร้นขึ้นทันใด “อืม ความคิดเห็นอะไรรึ?”
“ในเมื่อแม่นางอวี้บอกว่าพี่ห้าได้รับพิษของนาง หากมิได้รับยาถอนพิษจากนางก็เป็นเรื่องยากที่จะมีชีวิตรอด เช่นนั้นพวกเราก็ใช้แผนซ้อนแผน ดำเนินการตามความจริงที่ว่าพี่ห้าได้รับพิษไม่ดีกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ เว่ยหยวนโหวรักบุตรีของเขามาก ย่อมไม่มีทางปล่อยให้บุตรีของตนเองแต่งงานกับคนที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อ เช่นนี้ รอจนกระทั่งเว่ยหยวนโหวต้องการให้เสด็จพ่อเรียกคืนพระราชโองการ เสด็จพ่อก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์เพื่อเพิกถอนการแต่งงานของพี่ห้าด้วยเลย”
จักรพรรดิเลิกพระขนง มุมพระโอษฐ์วาดเป็นเส้นโค้งของรอยยิ้มจาง ๆ
สมกับที่เป็นซิวเอ๋อร์ ความคิดเห็นนี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ
ตอนนี้พระองค์อยากขอบคุณที่ตอนนั้นหมั้นหมายผิดคน มิเช่นนั้นหากหมั้นหมายกับบุตรีของหย่งอานโหว จากนิสัยของหย่งอานโหวที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศของครอบครัว ต่อให้ต้องตาย ก็ไม่มีทางที่จะขอร้องให้พระองค์เพิกถอนพิธีแต่งงานเป็นแน่ ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องให้บุตรีของตนเองแต่งเข้าตำหนักซิวอ๋อง และเป็นม่ายตลอดชีวิต
ทว่าเว่ยหยวนโหวนั้นตรงกันข้าม เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รักหลิ่วเซียงเซียง ไม่มีทางขอร้องให้บุตรีของตนเองแต่งงานกับคนที่กำลังจะตาย
จักรพรรดิพยักพระพักตร์ ดูเหมือนว่าจะพึงพอพระทัยกับวิธีแก้ปัญหาเช่นนี้เป็นอย่างยิ่ง
เพียงแต่…
“แม่นางอวี้คนนั้น เป็นใครกันแน่?” นางเหมาะสมกับซิวเอ๋อร์หรือไม่?
“ลูกเองก็ไม่แน่ใจพ่ะย่ะค่ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นบุคคลที่ลึกลับมาก พี่ห้าก็เอาแต่ปิดบังไม่ยอมบอก ทั้งยังไม่ยอมให้ลูกสอบถามเรื่องของแม่นางอวี้ด้วย แต่ดูจากความหมายของพี่ห้าแล้ว ดูเหมือนว่าคงถูกใจแม่นางอวี้เป็นอย่างมาก” สถานะของนาง บอกไม่ได้เด็ดขาด เพราะเกรงว่าเสด็จพ่อจะยอมให้พี่ห้าแต่งงานกับหลิ่วเซียงเซียง แต่ไม่ยอมให้พี่ห้าได้อยู่กับแม่นางอวี้
ถูกใจมากหรือ? จักรพรรดิคลึงหัวพระขนง ดูเหมือนว่าพระองค์คงต้องเจอแม่นางอวี้คนนี้จริง ๆ เสียแล้ว
“จริงสิ เจ้าได้เจอเด็กในจวนซิวอ๋องหรือไม่?” ครั้นตรัสถึงหนานหนาน พระวรกายของจักรพรรดิก็แอบเอนมาด้านหน้าเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ต่างหากคือเรื่องที่พระองค์อยากทราบมากที่สุด
เกี่ยวกับเด็กคนนี้ เย่ฮ่าวหรานก็แสดงออกให้เห็นว่ารู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
“ลูกได้ยินว่ามีเด็กคนหนึ่ง แต่เด็กคนนั้นออกไปเล่นข้างนอก จนกระทั่งลูกกลับเด็กคนนั้นก็ยังไม่กลับตำหนักเลยพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิเม้มพระโอษฐ์มิได้ตรัสสิ่งใด ผ่านไปครู่ใหญ่จึงโบกพระพักตร์ “เราเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปเถอะ หากมีเวลาว่างก็ไปจวนพี่ห้าของเจ้าให้มากหน่อย เขาออกไปสี่ปีแล้ว เป็นเรื่องยากที่จะกลับมา มีบางเรื่องภายในเมืองหลวงแห่งนี้ เจ้าก็เล่าให้เขาฟังให้มากหน่อย”
เย่ฮ่าวหรานประหลาดใจ เสด็จพ่อยังไม่หยุดความคิดที่จะมอบตำแหน่งให้พี่ห้าอีกหรือ?
เขาเม้มปากและพยักหน้าตอบ “พ่ะย่ะค่ะ ลูกขอทูลลา”
เขาช้อนสายตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องตำราหลวงอย่างเงียบเชียบ
ครั้นออกจากประตู เขาก็เผชิญหน้ากับเหมียวเชียนชิวพอดี หลังจากพยักหน้าให้เล็กน้อย เหมียวเชียนชิวจึงก้าวเท้าเข้าไปด้านในห้องตำราหลวง ก้มหน้ากระซิบข้างพระกรรณจักรพรรดิ “ฝ่าบาท ผิงซื่อจื่อเข้าวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฮ่องเต้ออกพระโอษฐ์อยากเจอขนาดนี้แล้ว ยังจะเก็บความลับได้อีกหรือชิงลั่ว
พอกล่าวถึงก็มาทันทีเลยนะหนานหนาน
ไหหม่า(海馬)