อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1040 ผู้ช่วย
ตอนที่ 1040 ผู้ช่วย
ตอนที่ 1040 ผู้ช่วย
เพียงแต่เขายังไม่ได้กล่าวอันใด พยัคฆ์ทมิฬก็กระโดดผ่านหลังของเขาไปเสียแล้ว
หนานหนานที่นั่งอยู่บนตัวพยัคฆ์ทมิฬดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในทันใด ลมปราณที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในราวกับเคลื่อนไหวภูเขาและแม่น้ำได้ในทันตาอย่างไรอย่างนั้น มือเล็กคว้าเสื้อของสวีโหรวไว้ทันที ดึงนางมาไว้บนหลังของพยัคฆ์ทมิฬได้อย่างง่ายดาย พยัคฆ์ทมิฬถือโอกาสกระโดดขึ้น เมื่อลงสู่พื้นอีกครั้ง พวกเขาก็อยู่ห่างกันไม่กี่ก้าวเท่านั้น
จนกระทั่งเมื่อพวกเขาได้สติคืนมา พยัคฆ์ทมิฬก็มาอยู่ข้างกายของเย่ซิวตู๋แล้ว
อีกทั้งบนร่างของมันก็ยังมีหนานหนานและสวีโหรวที่หมดสติไปแล้ว
การเคลื่อนไหวทั้งหมดเสร็จสิ้นในพริบตาเดียว ราวกับว่าเพียงกระพริบตาก็เสร็จเรียบร้อยเสียแล้ว
ความเร็วของพยัคฆ์ทมิฬนั้นน่าทึ่งมาก เหมิงซินทางด้านนั้นเพิ่งจะพยุงเหมิงกุ้ยเฟยที่เจ็บปวดเสียจนหน้าซีดล้มลงกับพื้นไว้ได้ เผิงอิงถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเล็กน้อยยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืน ส่วนชายชุดดำคนอื่นๆ ก็พุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่กลุ่มของเย่ซิวตู๋ หากพวกเขามีการเคลื่อนไหวอันใดก็จะลงมือทันที
แต่ไม่มีใครทันได้สังเกตเลย ว่าในห้องด้านหลังนั้นยังมีเด็กคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่
รวมไปจนถึงพยัคฆ์ทมิฬที่รวดเร็วเกินใครเทียบ ทั้งยังได้รับการฝึกฝนจากเย่ซิวตู๋
นี่น่าจะเป็นความเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีของพยัคฆ์ทมิฬแล้ว แทบจะทำให้ทุกคนล้วนไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ราวกับว่ามีลมกรรโชกพัดผ่านทำให้คนไม่ได้ตั้งตัว
หนานหนานลอบเช็ดหน้าผากของตน พยายามสะบัดข้อมืออย่างแรง “ท่านแม่ๆ ข้าเจ็บมือ”
เขาไม่เคยจับผู้ใหญ่ด้วยมือเดียวมาก่อน แม้สวีโหรวจะตัวไม่หนัก แต่สำหรับหนานหนานแล้วก็ถือว่าค่อนข้าง…ลำบาก
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าเคยบอกวิธีเดินลมปราณแล้วไม่ใช่หรือ?”
เห็นๆ อยู่ว่าเขามีกำลังภายในสูงส่ง มีฝีมือ แต่สุดท้ายกลับขี้เกียจ
หนานหนานเบ้ปาก ม้วนตัวลงมาจากพยัคฆ์ทมิฬ
ทางด้านเย่หลานเฉิงก็วิ่งมาแล้ว พยุงสวีโหรวอย่างระมัดระวัง เรียกนางเบาๆ “ท่านแม่ๆ”
“เสี่ยวเฉิงเฉิงเจ้าวางใจเถิด ท่านน้าโหรวน่าจะเสียเลือดมากไป ไม่มีอันตรายถึงชีวิต”
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองหนานหนานแวบหนึ่ง “เจ้ารู้แล้วหรือ?” นางดันหนานหนานออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็จับชีพจรให้สวีโหรว
แต่อาการก็เหมือนกับที่หนานหนานบอกจริงๆ ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เพียงแต่เสียเลือดมากเกินไป ทั้งอาการยังน่าเป็นห่วง
อวี้ชิงลั่วป้อนยาให้สวีโหรว เมื่อครู่เหมิงกุ้ยเฟยใช้มีดแทงแขนของนาง ทั้งแขนจึงมีแต่คราบเลือด เห็นได้ชัดว่าการรักษานางในตอนนี้นั้นยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ทำได้เพียงให้อาการคงที่ก่อนค่อยว่ากัน
“เย่ซิวตู๋ พวกเจ้าทำอะไรกับขุยเอ๋อร์?” ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้น อวี้ชิงลั่วส่งต่อสวีโหรวให้ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวและท่านยายฮ่วนที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็หมุนตัวกลับมา
เหมิงกุ้ยเฟยชักดิ้นชักงอตัวหดเกร็งอยู่ในอ้อมอกของเหมิงซิน ชายชุดดำเหล่านั้นเห็นตัวประกันเพียงคนเดียวถูกชิงตัวไปก็คิดจะพุ่งเข้าใส่ แต่ก็ถูกเหมิงซินห้ามเอาไว้
อวี้ชิงลั่วหัวเราะออกมา “ไอ้หยา กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเป็นอะไรไปหรือ?”
สถานการณ์ในตอนนี้เป็นประโยชน์กับพวกเขาเสียแล้ว
เหมิงซินสีหน้าโกรธเกรี้ยว “เป็นฝีมือเจ้าอย่างนั้นหรือ?”
“ท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ท่านคงไม่ลืมว่าข้าเป็นใครกระมัง หมอปีศาจอย่างไรเล่า ข้าใช้พิษเก่งมาก อย่างไรท่านก็ต้องระวังข้าไว้ด้วยนะ” เฮ้อ ช่างน่าเศร้านัก ฐานะของนางถูกคนอื่นลืมได้ง่ายเสียจริง
อย่างไรนางก็เป็นตัวละครที่ทรงพลังนะ คนเหล่านี้ไม่สนใจนางเอาเสียเลย คิดแล้วก็น่าโมโหเสียจริง
“ส่งยาแก้พิษมาเดี๋ยวนี้” ดวงตาของเหมิงซินลุกโชนราวกับพ่นไฟบรรลัยกัลป์ได้ อยากจะจับอวี้ชิงลั่วมาบดขยี้เสียให้ตายทั้งเป็น
เย่ซิวตู๋กลับเดินมายืนตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว ขวางสายตาเย็นชานั้นเอาไว้
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่ด้านหลังเย่ซิวตู๋อย่างมีความสุข แต่น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยการยั่วยุ “เจ้าโง่หรือ? ข้าจะเอายาแก้พิษให้เจ้าได้อย่างไร? หากข้าให้ยาแก้พิษกับเจ้า พวกข้าจะได้ออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตหรือ?”
“หากเจ้าไม่ให้ วันนี้พวกเจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้ไปจากที่นี่” เหมิงซินคำราม
“ไอ้หยา ข้าล่ะกลัวจริงๆ อย่างไรข้าก็ไม่สนใจอยู่แล้ว มีเหมิงกุ้ยเฟยผู้สูงส่งหาใดเปรียบถูกฝังไปพร้อมกับข้าเช่นนี้ ข้าไม่มีอะไรจะบ่นเลยสักนิด เท่านี้ก็พอใจมากแล้ว”
เหมิงซินกำมือแน่น ข้อต่อส่งเสียงดังกรอบแกรบชัดเจน “รอจนเจ้าตาย ข้าก็จะให้คนคิดหายาแก้พิษมา ที่อวี้เฟิงถังเต็มไปด้วยคนเก่งกาจมากมาย”
“อ้อ จะว่าไปก็ถูก ในโลกนี้มีคนที่สามารถคิดหายาแก้พิษขึ้นมาได้อยู่แล้ว แต่เจ้าจะไม่รู้เลยหรือ? ว่าพิษเฉพาะตัวของข้าที่เป็นหมอปีศาจ หากมีใครคิดจะแก้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาสามวัน เจ้าคิดว่าด้วยอาการของเหมิงกุ้ยเฟยในตอนนี้แล้ว จะทนได้ถึงสามวันหรือ?”
“เจ้า…”
เหมิงซินมีสีหน้ามืดทะมึนลง ให้ตายเถิด ประมาทไปชั่วคราว ตัวประกันคนเดียวในมือก็ถูกพาตัวไปแล้ว หากยังมีสวีโหรวอยู่ในมือ ก็จะยังพอข่มขู่นางได้บ้าง
เขามองเหมิงกุ้ยเฟยด้วยความปวดใจอย่างมาก อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าให้เขา “ไม่ได้… จะยอมประนีประนอมไม่ได้ หากเจ้าประนีประนอม…ลูกข้า ลูกข้าจะทำอย่างไรเล่า? เขาต้องได้นั่งบนบัลลังก์ จะต้องได้นั่ง… ไม่อย่างนั้นแผนการตลอดหลายปีของเรา ทั้งหมด…ทั้งหมดจะต้องล้มเหลวในตอนท้าย”
ขณะกล่าว นางก็จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยสายตาเฉียบคมราวกับดาบอาบพิษ “เจ้า เจ้าวางยาใส่ข้าตั้งแต่ตอนไหนกัน? ตอนที่เจ้ามอบอาหารให้ข้า เห็นชัดๆ ว่าข้า…ข้า…”
“เห็นได้ชัดอะไรหรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่ได้กินอย่างนั้นหรือ?” อวี้ชิงลั่วยื่นศีรษะออกมาจากด้านหลังของเย่ซิวตู๋ครึ่งหนึ่ง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าคิดว่าอาหารที่เจ้ากินตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ล้วนมีเด็กรับใช้ที่เผิงอิงส่งมาไว้ในตำหนักเป็นผู้จัดการกระมัง อาหารที่ข้าให้คนส่งไปให้เจ้า เจ้าไม่แตะเสียด้วยซ้ำ”
ตั้งแต่เด็กรับใช้คนนั้นถูกอันฝูซือจับตัวไป อวี้ชิงลั่วก็รู้สึกว่าแปลกมาก ในเมื่อมีไส้ศึกอยู่ จะไม่มีคนมาสนใจเหมิงกุ้ยเฟยที่ถูกขังอยู่ในตำหนักอ๋องซิวเลยได้อย่างไร?
นางไม่อยากจะเชื่อนัก ตอนนั้นไปดูที่ห้องครัวก็พบว่ากล่องอาหารที่ถูกส่งไปที่ห้องเหมิงกุ้ยเฟยนั้นมีกล่องลับซ่อนอยู่ชั้นหนึ่ง
อวี้ชิงลั่วจึงเดาออก นั่นน่าจะเป็นอาหารที่เหมิงกุ้ยเฟยกินทุกวัน มันล้วนถูกซ่อนไว้โดยเด็กรับใช้ผู้นั้น อีกทั้งอาหารของตนที่วางเอาไว้ชั้นบน นางไม่กินเลยแม้แต่น้อย คิดว่าน่าจะป้องกันตนเอง
ทว่า…
“ข้าไม่เคยวางยาในอาหารอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย” อวี้ชิงลั่วหลุดหัวเราะ “เจ้านี่ช่างเอาความคิดชั่วร้ายมาคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่งจริงๆ”
“เจ้า…”
“แต่เมื่อครู่ตอนที่เจ้าอยู่ข้างข้า ข้ากลับวางยาเจ้าไปเล็กน้อย เจ้าไม่รู้สึกหรือ?”
เหมิงกุ้ยเฟยผงะ ขมวดคิ้ว เมื่อครู่ดูเหมือนว่าตนจะรู้สึกเจ็บที่หลังเล็กน้อยราวกับว่าถูกยุงกัด หรือว่า…
“นี่เจ้าใช้เข็มพิษแทงข้าหรือ?” เหมิงกุ้ยเฟยกุมหน้าอกที่เจ็บปวดของตน ทันใดนั้นก็จับมือของเหมิงซินเอาไว้ กัดฟันกล่าว “ฆ่าพวกมันเสีย เหมิงซิน ตอนนี้ต้องฆ่าพวกมันทันที แผนของเราจะล้มเหลวไม่ได้ จะให้พวกมันมีชีวิตรอดออกไปไม่ได้”
สายตาราวกับอสรพิษของเหมิงซินกวาดมองมาทันที อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว โน้มตัวเข้าหาเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “เหมิงซินผู้นี้จะไม่สนใจความเป็นตายของเหมิงกุ้ยเฟยและลงมือตรงนี้หรือ? พวกเราคนน้อยเพียงนี้ จะชนะได้หรือไม่?”
“อวี้เฟิงถังล้วนไม่ใช่คนไร้น้ำยา กำลังคนของเราไม่พอจริงๆ ต่อให้โชคดีสามารถชนะได้ ก็เกรงว่าจะต้องเสียหายหนักมาก ต้องเสียไปบ้างสองสามคน”
หมายความว่า… ต้องมีคนตายหรือ?
อวี้ชิงลั่วมองซ้ายมองขวา นางไม่อยากให้ใครก็ตามในที่นี้ต้องตายแม้แต่คนเดียว
“เช่นนั้นถือโอกาสที่เหมิงซินยังไม่ตัดสินใจ เรารีบไปจากที่นี่เสียดีหรือไม่?”
จู่ๆ เย่ซิวตู๋กลับหัวเราะออกมา หันหน้ามาแล้วเลิกคิ้วมองนาง “เหตุใดต้องจากไปด้วยเล่า? พวกเขามีคนมากก็จริง แต่พวกเรา… ก็ใช่ว่าจะไม่มีผู้ช่วยไม่ใช่หรือ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนวางยาแรงแล้วนังกุ้ยเฟย ทีนี้ก็สงบปากเสียทีนะ เดี๋ยวพิษก็แล่นเข้าหัวใจแล้วไม่มีเวลาสั่งเสียคนรักเพิ่มหรอก
ท่านอ๋องมีไพ่ลับอะไรอยู่ในมือกันนะ?
ไหหม่า(海馬)