อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1042 ความขัดแย้งภายใน
ตอนที่ 1042 ความขัดแย้งภายใน
ตอนที่ 1042 ความขัดแย้งภายใน
ทันทีที่ชายชุดดำเหล่านั้นได้รับคำสั่ง พวกเขาก็พุ่งเข้ามาใส่กลุ่มอวี้ชิงลั่วอย่างบ้าคลั่งในทันที
สามพี่น้องฟ่านซิวอวิ๋น ลู่หลานเฟิง ฉินเจี่ยวเพียวและคนอื่นๆ รอคอยการต่อสู้มานานแล้ว ครั้นคนเหล่านั้นพุ่งเข้าใส่ พวกเขาก็บุกตะลุยเข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มนั้นทันทีโดยไม่ลังเล
ไม่มีใครพูดอะไรให้มากความ ทุกคนเคลื่อนไหวกันรวดเร็วราวสายฟ้า ทั้งยังรุนแรงอีกด้วย
เหมิงซินทางด้านนั้นสั่งให้ชายชุดดำคนหนึ่งดูแลเหมิงกุ้ยเฟยให้ดี จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปยัง… อวี้ชิงลั่ว
นางเป็นผู้วางยา ก็ย่อมให้นางเป็นคนแก้พิษ
ดังนั้นเหมิงซินจึงไม่ลังเลเลยแม้แต่นิด ตรงเข้าไปหาอวี้ชิงลั่ว
เพียงแต่เมื่อฝ่ามือวายุของเขากวาดเข้าหานาง เย่ซิวตู๋ก็มาขวางกลางไว้ ทันใดนั้นก็ฟาดกลับไปฝ่ามือหนึ่ง
“ท่านผู้พิทักษ์ฝ่าขวา ข้าอยู่ตรงนี้ จะเมินการมีอยู่ของข้าไปเช่นนี้เลยหรือ?”
เหมิงซินจ้องมองเขาด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว โดยเฉพาะเมื่อเห็นการแสดงออกสบายๆ ของเขา ต่อให้มีคนน้อยต่อกรกับคนจำนวนมาก ต่อให้ต่อสู้กันมาตั้งนาน เขาก็ยังมีสีหน้าท่าทางเช่นเดิมราวกับว่าไม่ได้อนาทรร้อนใจเลยแม้แต่น้อย ทำให้ในใจยิ่งเกลียดชังมากขึ้น
“ท่านอ๋องซิวสูงใหญ่เพียงนี้ จะไม่มีตัวตนได้อย่างไร?” เขาส่งเสียงฮึดฮัด “แต่เพราะมีตัวตนมากเกินไป วันนี้ข้าจึงไม่อาจปล่อยเจ้าไปได้ วันนี้เจ้าต้องตายอยู่ที่นี่”
เขากล่าวจบก็ไม่มองอวี้ชิงลั่วแล้ว เปลี่ยนเป้าหมายในทันใด ตรงเข้าโจมตีเย่ซิวตู๋
“หนานหนาน ดูแลแม่ของเจ้าให้ดี” เย่ซิวตู๋ตะโกนมาแต่ไกลประโยคหนึ่ง จากนั้นก็พุ่งตัวขึ้นไปรับมือ
ฝีมือคนทั้งคู่ล้วนยอดเยี่ยมยิ่ง ดูแล้วยิ่งมีฝีมือพอฟัดพอเหวี่ยงกัน เพียงแต่ทันใดนั้นกลอุบายมากมายก็ถูกปลดปล่อยออกมา
อวี้ชิงลั่วและฟ่านเสี่ยวเสี่ยวร่วมมือกันพาสวีโหรวขึ้นไปบนหลังพยัคฆ์ทมิฬอีกครั้ง กลุ่มคนพากันถอยกลับไปที่ปลอดภัยทันที
ทว่าพวกเขาเป็นเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป ไม่นานนักก็มีชายชุดดำที่เกินมาตรงเข้ามาทางด้านนี้
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว เมื่อเห็นดาบกวัดแกว่งอย่างแรง ในใจก็ประหม่าขึ้นมา
หนานหนานสีหน้าโกรธเกรี้ยว หยิบเอาดาบที่อยู่บนพื้นไปรับมือ
แต่ชายชุดดำผู้นั้นยังไม่เข้ามาใกล้ ตรงหน้าก็มีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง ยังไม่ทันจะเห็นได้ชัดเจน ชายชุดดำผู้นั้นก็จบสิ้นชีวิตไปทันที
อวี้ชิงลั่ว หนานหนานและคนอื่นๆ มองไปที่คนแปลกหน้าที่พุ่งตัวลงมาจากฟ้าและหันหลังให้พวกเขาอย่างแปลกใจ
คนผู้นั้นขวางอยู่ตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว ร่างกายสูงโปร่ง ผอมเพรียว
จนกระทั่งเขาหันหน้ากลับมา พวกเขาจึงได้เห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเจน เป็นคนชราที่อายุราวๆ เจ็ดถึงแปดสิบปีได้ ใบหน้าซูบผอม หนวดเคราสีขาวยาวถึงอก
“ไม่ทราบว่า…” อวี้ชิงลั่วมั่นใจมากว่าตนไม่รู้จักเขา แปลกหน้าอย่างมาก
หนานหนานเองก็พินิจพิเคราะห์เขาอยู่ครู่หนึ่ง กำลังจะถาม
เย่ซิวตู๋ที่กำลังต่อสู้กับเหมิงซินอยู่นั้นค่อยๆ เผยรอยยิ้ม กล่าวเสียงดัง “ท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย ช่างมาช้าเสียจริง”
ส่วนเหมิงซินที่อยู่ตรงข้ามกลับมีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก จนเคลื่อนไหวมือผิดกระบวนท่า เผยให้เห็นจุดอ่อน
เย่ซิวตู๋โค้งมุมปาก เตะเข้าไปที่อกของอีกฝ่าย กระบี่อ่อนในมือพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของเขา
เหมิงซินรีบตั้งสติอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ถอยเท้าไป
ทว่าหลังจากนั้นก็เห็นว่ามีคนชุดเขียวมากมายวิ่งมากจากทางด้านหลังเรือน แต่ละคนสีหน้าจริงจัง ประมือกับชายชุดดำในทันที
ทันทีที่พวกเขาเข้าร่วม สามพี่น้องฟ่านและอันฝูซือรวมถึงคนอื่นๆ ก็สบายใจขึ้นมาก หนึ่งคนปะทะหลายคนในตอนแรกกลายเป็นหลายคนประมือกับคนคนเดียว ทำให้พวกเขามีชีวิตชีวามากขึ้น
ฝีมือของคนชุดเขียวดูเหมือนว่าจะไม่ต่างจากเหล่าคนชุดดำมากนัก ยิ่งรวมไปถึงผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายที่เย่ซิวตู๋เรียกขาด ก็ทำให้อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะกะพริบตา ทันใดนั้นก็ตระหนักได้
เหมิงซินเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา ดังนั้นแล้วชายแก่รูปร่างดีผู้นี้ก็เป็นคนของอวี้เฟิงถังเช่นกันหรือ?
หรือว่าอวี้เฟิงถังจะมีความขัดแย้งภายใน? นางนึกว่าเหมิงซินควบคุมอวี้เฟิงถังไว้ทั้งหมดแล้วเสียอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่นี่เอง
เย่ซิวตู๋ช่างล้ำลึกเกินคาดเดา ที่แท้เขาก็ติดต่อกับผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของอวี้เฟิงถังเอาไว้แล้ว ทั้งยังทำสีหน้าลึกลับไม่บอกอะไรนางเลย ช่างใจร้ายเกินไปแล้ว
“ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย เมื่อครู่ต้องขอบคุณที่ช่วยชีวิตเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ” อวี้ชิงลั่วเห็นว่าผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายหันหน้ามาก็เอ่ยปากด้วยรอยยิ้ม
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกลับลูบเคราขาวจ้องมองนางอย่างพิจารณา ถาม “เจ้าคือหมอปีศาจหรือ?”
อวี้ชิงลั่วถูกเขามองเสียจนทั้งร่างขนลุกชันขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทิ้ม ถอยเท้าหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็ว หัวเราะแห้งๆ แล้วกล่าว “ท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย ฝีมือต่อสู้ของท่านคงสูงส่งมากกระมัง ข้าคิดว่าท่านลองประมือกับผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาสักหน่อย ก็จะทำให้พวกข้าได้เห็นว่าท่านนั้นมีท่วงท่าสง่างามเพียงใดใช่หรือไม่?”
ไปเถิดๆ ไปเปลี่ยนตัวกับเย่ซิวตู๋ของข้าเสีย จะได้ไม่ให้เหมิงซินผู้เสียสติมาทำท่านอ๋องของข้าต้องเหนื่อย
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกลับส่ายหน้า ครั้งนี้เพียงแค่ลูบคางแล้วจ้องมองนาง “ไม่ได้ๆ ข้าอยู่ที่นี่ปกป้องเจ้าจะดีกว่า อย่างไรเจ้าก็มีประโยชน์กับพวกข้าอย่างมาก”
อวี้ชิงลั่วตัวสั่นไปทั้งร่างอย่างหนัก อย่ามามองนางด้วยสายตาวินิจฉัยเพียงนั้นได้หรือไม่ ข้าดูเหมือนหนูตะเภาหรืออย่างไร?
นางกำลังคิดจะเอ่ยปาก แต่ก็เห็นว่าด้านหลังผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมีชายชุดดำสองคนตรงเข้ามา พุ่งเป้าฟันตรงมาที่หลังของเขา
อวี้ชิงลั่วกำลังจะเอ่ยปากร้องเบาๆ ก็เห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายโบกมือ หมุนตัวเตะหนึ่งครั้งต่อหนึ่งคน คนคนหนึ่งกระเด็นไปใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ตกลงกับพื้นอย่างแรง ตายคาที่
ยังคงมีอีกคนหนึ่งถูกเขาบีบคอเอาไว้ สีหน้าแดงเถือก เจ็บปวดอย่างมาก
ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาหัวเราะเย็นเยียบออกมา “ช่างกล้านัก แม้แต่ข้าก็กล้าลอบโจมตีหรือ?”
“ท่าน ท่านผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย… แค่กๆ…”
“ทำไมหรือ หัวหน้าเจ้าไม่ได้บอกเจ้า ว่าหากจะฆ่าข้า อย่างน้อยที่สุดก็ต้องให้เขามาลงมือเองหรือ?” ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายสีหน้าเย็นเยียบลง เพียงกล่าวจบก็เพิ่มแรงที่มือเข้าไปอีก
อวี้ชิงลั่วได้ยินเสียง ‘แกร๊ก’ พร้อมกับชายชุดดำผู้นั้นเอียงคออ่อนพับ หมดลมหายใจไปเสียแล้ว
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุก ก่อนจะเห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายปรบมือและหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม “แม่นางชิง เจ้าวางใจเถิด หากมีข้าอยู่ จะไม่ยอมให้พวกเจ้าเกิดเรื่องเป็นแน่ พวกเจ้าถอยเท้าไปข้างหลังเสียหน่อย จะได้ไม่โดนลูกหลง เจ้าไม่ต้องห่วง ทางด้านนี้อีกครู่เดียวก็จบแล้ว ข้ารับรองว่าครั้งนี้ข้าต้องชนะเป็นแน่”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแห้งๆ อีกครั้ง โบกมือให้หนานหนาน เด็กน้อยมือหนึ่งจูงเย่หลานเฉิง อีกมือตบหลังชายชุดดำ เดินไปทางด้านหลัง
ในที่สุดก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าเย่หลานเฉิง เมื่อครู่เขาเป็นกังวลมาก เห็นได้ชัดว่าชายชุดดำมีคนมาก หากคนของท่านอาห้าทางด้านนี้มีใครบาดเจ็บหรือ… ถึงแก่ชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้ก็มาเพื่อท่านแม่ของเขา เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องโทษหนักแล้ว
ตอนนี้ท่านอาห้ามีผู้ช่วยมากมายเช่นนี้ ดูจากภาพนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้เปรียบ คิดแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป
พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าว ทว่าฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่พยายามยึดตัวอยู่บนหลังของพยัคษ์ทมิฬ จู่ๆ ก็ชะงักงันไปและขมวดคิ้วแน่น
ต่อจากนั้น ยังไม่ทันที่อวี้ชิงลั่วจะได้ตอบสนอง นางก็พลันทะยานตัวเลยศีรษะของพวกเขาไป และพุ่งตรงไปทางฝั่งตรงข้าม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไพ่ตายของท่านอ๋องซิวที่ว่ามันคือแบบนี้นี่เอง เห็นแววว่าฝ่ายกุ้ยเฟยจะแตกพ่ายอีกไม่นานแล้วล่ะสิ
ไหหม่า(海馬)