อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1043 จุดจบของเหมิงกุ้ยเฟย
ตอนที่ 1043 จุดจบของเหมิงกุ้ยเฟย
ตอนที่ 1043 จุดจบของเหมิงกุ้ยเฟย
อวี้ชิงลั่วผงะ “เสี่ยวเสี่ยว…”
ยังไม่ทันได้กล่าวจบ นางก็มองตามหลังฟ่านเสี่ยวเสี่ยวไป ในที่สุดจึงได้เห็นร่างของเผิงอิง
เผิงอิงกลับแอบถอยไปที่เรือนเงียบๆ ราวกับคิดว่าจะหนี
ไอ้คน… ทรยศ จะปล่อยให้เขาไปไม่ได้เด็ดขาด
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวกระโดดไปถึงตรงหน้าของเผิงอิง จ้องมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ในมือไม่รู้ว่ามีดาบเล่มหนึ่งเพิ่มเข้ามาตอนไหน ชูขวางทางเผิงอิงเอาไว้
เผิงอิงเปลี่ยนสีหน้า หัวเราะเย็นชา จากนั้นก็ต่อสู้กับฟ่านเสี่ยวเสี่ยวอย่างรวดเร็ว
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าวรยุทธ์ของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเป็นอย่างไรหากเทียบกับสามพี่น้องตระกูลฟ่าน แต่ถึงแม้จะเป็นเมื่อก่อน ฝีมือของเผิงอิงก็เก่งกาจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นครั้งก่อนเสิ่นอิงก็บอกเอาไว้ว่าเผิงอิงซ่อนความสามารถที่แท้จริงของตนมาโดยตลอด แม้แต่เสิ่นอิงก็ยังถูกเขาทำให้บาดเจ็บสาหัส
นางมองผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายแวบหนึ่ง อยากจะให้เขาไปช่วยเหลือ แต่ด้านหลังของตนยังมีสวีโหรวกับเย่หลานเฉิงที่ไม่มีฝีมือต่อสู้อยู่
ถึงแม้หนานหนานจะเก่งกาจ แต่คนหนึ่งคนต้องปกป้องอีกหลายคน ก็คงเป็นเรื่องลำบากอย่างยิ่ง การมีผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายอยู่ด้วยทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาไม่น้อยจริงๆ
อวี้ชิงลั่วหรี่ตา จากนั้นก็เริ่มเกลียดตนเองอีกครั้งที่ไม่สามารถทะยานร่างข้ามศีรษะคนอื่นได้อย่างฟ่านเสี่ยวเสี่ยว และร่อนผ่านเหล่าชายชุดดำกับชายชุดเขียวจำนวนมากที่ต่อสู้กันอยู่ไปจนถึงตัวเรือนได้
ตอนนี้… ทำได้เพียงเฝ้ามองเท่านั้น
โชคดีที่ฝีมือของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวนับว่าปราดเปรียวว่องไวเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เผิงอิงก็ถูกเหมิงซินทุบตีมาชุดหนึ่ง ดูแล้วก็เหมือนจะบาดเจ็บ ในช่วงเวลานี้กลับสามารถต่อสู้กับคนที่ฝีมือธรรมดาได้
ฟ่านผิงอวิ๋นเองก็เห็นฟ่านเสี่ยวเสี่ยวแล้ว กำลังเข้าไปใกล้ทางด้านนั้น
จากนั้นอวี้ชิงลั่วจึงถอนหายใจโล่งอก และละสายตากลับมามองที่เย่ซิวตู๋กับเหมิงซิน
ทักษะของเหมิงซินนั้นไม่เลวเลยจริงๆ ก็จริงอยู่ เขามีฐานะเป็นถึงผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของอวี้เฟิงถัง ก็ย่อมไม่ใช่พวกคนธรรมดา
การต่อสู้ทางด้านนั้นยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองคนต่อสู้กันเสียแทบแยกไม่ออก
ส่วนคนชุดดำนั้นกลับถูกเหล่าคนชุดเขียวล้อมเอาไว้แล้ว เริ่มต้านทานไม่ไหวทีละน้อย เห็นได้จากการสู้ไปถอยไป
การแสดงออกของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเย็นชาอย่างมาก ตอนนี้จู่ๆ ก็ส่งเสียงออกมา “พวกกบฏในกองกำลัง ฆ่าเสียให้หมด อย่าให้เหลือ”
“ขอรับ” ชายชุดเขียวฟังคำสั่งเรียบร้อยก็ฮึกเหิมกันขึ้นมา ขยับเข้าไปใกล้ชายชุดดำอย่างรีบเร่งกว่าเดิม
หนานหนานที่ยืนอยู่ด้านหลังอวี้ชิงลั่วกระตือรือร้นขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านแม่ เดี๋ยวข้าไปช่วยขอรับ”
อวี้ชิงลั่วลังเลขณะนึกถึงสิ่งที่เย่ซิวตู๋กล่าว ว่าหนานหนานต้องการประสบการณ์การต่อสู้ของจริง
ตอนนี้ดูสถานการณ์แล้วน่าจะไม่มีปัญหาใหญ่นัก จึงพยักหน้า “เจ้าระวังตัวด้วย ห้ามอวดดีเด็ดขาด”
“ข้าเข้าใจแล้ว” หนานหนานไม่กล่าวอันใด พุ่งตัวเข้าใส่กลุ่มคนทันที ชายชุดดำที่ยังเหลืออยู่เห็นว่าเขาร่างเล็ก ดวงตาก็เป็นประกาย พากันเข้าล้อมหนานหนานเอาไว้
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก ลอบสบถในใจว่าชั่วร้ายนัก จากนั้นก็เห็นลมพัดที่ใต้เท้าหนานหนาน ก่อนที่ตัวคนจะออกจากวงล้อมตรงไปหลบอยู่ในชายชุดดำคนหนึ่ง ในมือมีเข็มพิษเพิ่มขึ้นมาและแทงเข้าไปในลำคอของชายชุดดำคนนั้นทันที ชายชุดดำคนนั้นเบิกตากว้าง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นโดยตรง
ชายชุดดำคนอื่นๆ ผงะไป ถึงแม้จะได้ยินมาว่าเด็กคนนี้มีฝีมือไม่เลว แต่ก็คิดมาตลอดว่าไม่มีทางดีไปกว่าผู้ใหญ่เหล่านี้ คิดไม่ถึง…ว่าเขาจะลงมือได้ปราดเปรียวว่องไวเสียจนทำให้คนไม่ทันตั้งตัว
ลู่หลานเฟิงไม่รู้ว่ามาอยู่ข้างกายหนานหนานตั้งแต่ตอนไหน หัวเราะออกมา “ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ลงมือ และหลบอยู่ด้านหลังท่านแม่ของเจ้าไปตลอดเสียแล้ว”
หนานหนานแค่นเสียงเหอะเบาๆ “ข้าทำเช่นนั้นเพื่อปกป้องท่านแม่ หลบเหลิบอะไรกันเล่า ท่านลุงลู่ ท่านนี่ไม่รู้จักพูดเอาเสียเลย”
“ดูจากฝีมือของเจ้าเหมือนว่าจะมีพัฒนาการอยู่นะ นี่ผ่านมาไม่กี่วันเท่านั้น ช่างทำให้ข้าประหลาดใจเสียจริง”
หนานหนานภาคภูมิใจขึ้นมา ครั้นเห็นว่ายังมีชายชุดดำรนหาที่ตายเข้ามาต่อกรกับตน ก็เหยียบไหล่ของลู่หลานเฟิงแล้วม้วนตัวไปอยู่ด้านหลังของคนผู้นั้นอีกครั้ง
การเข้าร่วมของหนานหนานไม่เพียงแต่ทำลายความหวังสุดท้ายของชายชุดดำเหล่านั้น แต่ยังปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ของเหล่าชายชุดเขียวอีกด้วย ยิ่งทำให้แววตาของชายชุดดำฉายแววหวาดกลัวและสิ้นหวังขึ้นไปอีก
เหมิงกุ้ยเฟยเห็นว่าฝ่ายของตนค่อยๆ สูญเสีย ไร้ซึ่งความหวังที่จะฆ่าเย่ซิวตู๋ อวี้ชิงลั่วและพรรคพวกไปแล้ว จึงส่งเสียงอึกอักในลำคอ และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
เดิมทีหน้าอกของนางก็เจ็บปวดเสียจนยากจะทานทนแล้ว มาตอนนี้ธาตุไฟก็กำเริบซ้ำเติมขึ้นมาอีก
ชายชุดดำที่คอยดูแลนางอยู่ข้างๆ ตระหนกตกใจ รีบตรงเข้าไปพยุงนางไว้ เหมิงกุ้ยเฟยกลับผลักคนผู้นั้นออกไปทันที นางกัดฟันแน่น กดข่มความเจ็บปวดที่หน้าอกไว้ จ้องมองอวี้ชิงลั่วด้วยดวงตาดุร้าย
“เหมิงกุ้ยเฟย พวกเรารีบไปเถิดขอรับ อยู่ที่นี่นานจะไม่ดีขอรับ” ชายชุดดำรีบตรงเข้ามาอีกครั้ง อยากจะพานางจากไป
แต่เขากลับถูกเหมิงกุ้ยเฟยผลักออกไปอีก จนทั้งสองคนล้มลงกับพื้นพร้อมกัน
เหมิงซินที่เดิมทีก็แทบไม่มีสมาธิอยู่แล้วได้เห็นฉากนี้ ก็ยิ่งตกใจเสียจนหน้าซีด
ทันใดนั้นฝ่ามือวายุก็โหมกระหน่ำ พัดเสียจนเย่ซิวตู๋ต้องถอยเท้าไปสองสามก้าวอย่างแรง จากนั้นก็มุ่งหน้าไปหาเหมิงกุ้ยเฟยอย่างรวดเร็ว
มุมปากของเย่ซิวตู๋โค้งขึ้นเผยให้เห็นรอยยิ้มเยาะเย้ย ไม่รอให้เหมิงซินไปถึงข้างกายของเหมิงกุ้ยเฟย ฝ่ามือวายุของเขาก็มาถึงแล้ว และซัดเข้าใส่ด้านหลังของเหมิงซินเต็มแรงหนึ่งฝ่ามือ
เหมิงซินรู้สึกว่าที่หน้าอกเจ็บแปลบ ก่อนจะมีสีหน้าซีดเผือด เลือดพุ่งออกจากปากกระจายไปไกล
ขาสองข้างอ่อนแรง ทันใดนั้นก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
กระบี่ของเย่ซิวตู๋แทงตามเข้าไปอย่างรวดเร็ว และจมเข้าไปที่กลางอกของเหมิงซิน
ดวงตาสองข้างของเหมิงกุ้ยเฟยเบิกโพลงแทบทะลัก เส้นเลือดในดวงตาแดงก่ำ ทันใดนั้นก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก วิ่งโซซัดโซเซไปหาเหมิงซินทันที
“เหมิงซิน เหมิงซิน…” ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะปิดปากของเขาที่มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด น้ำเสียงก็สั่นเทิ้ม
เหมิงซินเอนกายนอนอยู่ในอ้อมแขนของนาง กำลังในร่างกายค่อยๆ เหือดหาย แต่แววตาที่มองเหมิงกุ้ยเฟยยังเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
“ขุยเอ๋อร์ ข้าไม่คิดเลย… ไม่คิดเลยว่าจุดจบ… ของเรา… จะเป็นเช่นนี้…”
เหมิงกุ้ยเฟยกัดริมฝีปากอย่างแรง ทันใดนั้นก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองเย่ซิวตู๋อย่างดุร้าย “เจ้า ไอ้เด็กชั่ว ข้าเสียใจจริงๆ เสียใจจริงๆ ที่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอด ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”
นางกล่าวพลางปล่อยตัวเหมิงซินในทันที หยิบดาบที่พื้นมาเล่มหนึ่งแล้วแทงเข้าใส่เย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋เพียงขยับร่างกายเบี่ยงหลบเล็กน้อย ดาบของเหมิงกุ้ยเฟยก็เบนออกไปจากร่างของเขา
ขณะที่นางหันหน้ากลับมาคิดจะแทงเขา จู่ๆ ก็มีคนคนหนึ่งมายืนตรงหน้า เมื่อจ้องมองไปก็เห็นผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเคราสีเทา
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมองนางและเหมิงซิน พลางหัวเราะเยียบเย็นออกมา “พวกเจ้าชาวเหมิงทั้งสองคน ที่แท้กลับปกปิดตัวตนของตนเองแทรกซึมอยู่ในอวี้เฟิงถังของข้ามาหลายปี ทำลายอวี้เฟิงถังของข้าเสียจนวุ่นวายและแตกคอกัน วันนี้ข้าจะต้องจัดการพวกเจ้าเสีย”
ทันทีที่เขากล่าวจบ ดาบในมือก็แทงเข้าใส่ร่างของเหมิงกุ้ยเฟยทันที
เหมิงกุ้ยเฟยเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ นางไม่เคยคาดคิดเลย…ว่าจุดจบของตน จะเป็นเช่นนี้ไปได้
ครั้นก้มลงมองข้างล่าง ก็เห็นเหมิงซินที่นอนอยู่กับพื้นส่งสายตาอ่อนโยนมาให้ ก่อนอ้าแขนออกมากอดรับร่างนางที่ล้มลงเอาไว้
“ขุยเอ๋อร์ ตอนมีชีวิตเราไม่อาจอยู่ด้วยกัน ตอนนี้ถึงคราวตายแล้ว เราจะไม่แยกจากกันตลอดไป”
เหมิงกุ้ยเฟยอ้าปาก แต่กลับไม่มีเสียงอันใดดังออกมาแล้ว ทำได้เพียงส่งสายตาชั่วร้ายมองเย่ซิวตู๋เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็พิงซบร่างของเหมิงซิน
ดูเหมือนความแข็งแกร่งเสี้ยวสุดท้ายในร่างของเหมิงซินจะหายไปหมดแล้ว กระนั้นก็ยังคงกอดเหมิงกุ้ยเฟยเอาไว้แน่น ไม่อาจปล่อยไปได้ครู่หนึ่ง
อวี้ชิงลั่วมองอยู่ไกลๆ แต่ไม่รู้ว่าควรจะกล่าวอันใด
ขณะที่กำลังถอนหายใจ ไม่ไกลนักจู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งร้องออกมาอย่างประหลาดใจ นางหันหน้าไปมองก็เห็นเผิงอิงแทงฟ่านเสี่ยวเสี่ยวไปหนึ่งดาบ จากนั้นก็หมุนตัวจากไป
แต่เขาจะจากไปเฉยๆ เช่นนั้นได้อย่างไร ทันใดนั้นตรงหน้าก็มีร่างหนึ่งมาขวางเส้นทางของเขาเอาไว้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มาถึงตอนนี้ก็สงสารนางกุ้ยเฟยอยู่เหมือนกันนะ ชีวิตที่ผ่านมามันคงบีบคั้นนางมากเกินไปจนต้องกลายเป็นคนชั่วร้าย แต่อย่างน้อยก็ได้ตายคู่กับคนรักในลมหายใจสุดท้ายของชีวิตล่ะนะ ขอให้ชีวิตชาติหน้าไม่โดนบีบคั้นหนักขนาดนี้แล้วกัน…หลังจากใช้กรรมในนรกเสร็จแล้วอะ
ไหหม่า(海馬)