อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1044 เจ้าถอยไปเสีย
ตอนที่ 1044 เจ้าถอยไปเสีย
ตอนที่ 1044 เจ้าถอยไปเสีย
เผิงอิงเห็นใบหน้าคุ้นตาที่ปรากฏตรงหน้าตนกะทันหันก็ชะงักงันไปครู่หนึ่ง มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เจ้า เจ้ากลับมาตั้งแต่ตอนไหนหรือ?”
“หนึ่งวันก่อนประตูเมืองปิด” เหวินเทียนเผยสีหน้าเย็นชา แผ่รังสีมืดครึ้มน่าสะพรึงออกมา
เผิงอิงตะลึง สงครามนี้เริ่มมาได้สองสามวันแล้ว เช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่กลับมาในช่วงสองสามวันนี้?
“หง หงเย่เล่า?”
เหวินเทียนแค่นหัวเราะออกมา “เจ้ายังมีหน้ามาถามหานางอีกหรือ ไอ้คนทรยศ”
“พูดไร้สาระให้น้อยๆ หน่อยเถิด หลีกไปเสีย” เผิงอิงไม่คิดจะพูดกับเขาให้มากความ ตอนนี้สถานการณ์ไม่อำนวยต่อเขาเลย หากยังคงมัวอยู่ที่นี่ต่อไป เขาก็จะหลบหนีได้ยากขึ้น
เมื่อกล่าวจบ เขาก็ปัดปลายกระบี่ของเหวินเทียนออกอย่างรวดเร็ว พุ่งตัวไปข้างหน้า
เหวินเทียนหรี่ตา ทันใดนั้นก็จับกระบี่แทงเข้าใส่ด้านหลังของเขา
เผิงอิงนึกรำคาญใจ รีบหันหน้าไปจัดการ
ส่วนฟ่านเสี่ยวเสี่ยวที่ถูกแทงตรงแขนเมื่อครู่ก็ตามมาทักทายเผิงอิงแบบติดๆ
เผิงอิงสู้แบบหนึ่งต่อสอง ในใจกระวนกระวายอย่างมาก ค่อยๆ เป็นฝ่ายเสียเปรียบลงเรื่อยๆ
ฟ่านผิงอวิ๋นที่เดิมทีได้ยินเสียงร้องของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวก็ลอบถอนหายใจ จากนั้นก็หันหน้ากลับมาแทงชายชุดดำคนหนึ่ง
“เหวินเทียน พวกเจ้าพี่น้อง เหตุใดต้องกำจัดให้สิ้นซากด้วยเล่า?” เผิงอิงเริ่มอ่อนกำลังลง ถึงแม้เขาจะมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่เดิมทีฝีมือของเหวินเทียนก็ดีที่สุดในบรรดาผู้อารักขาทั้งสี่แล้ว ต่อให้ก่อนหน้านี้ขาสองข้างจะได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้เองก็ดีขึ้นแล้ว อีกทั้งตัวเขาในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว บางทีต่อให้ถูกตัดขาสองข้างไปก็คงไม่สนใจเสียด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อมีฟ่านเสี่ยวเสี่ยวมาเพิ่ม โอกาสในการชนะของเขาก็ยิ่งน้อยลง
ดังนั้นเผิงอิงจึงทำได้เพียงใช้คำพูดทำให้เขาหวั่นไหว
การเคลื่อนไหวของเหวินเทียนช้าลงไปมากจริงๆ อย่างไรเสียเขาก็ไม่เหมือนกับโม่เสียนและเสิ่นอิง ถึงแม้เสิ่นอิงจะมีความรู้สึกหวาดหวั่นเผิงอิงแต่ก็ไม่ได้ลงมือฆ่า ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีเขาก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเผิงอิง จึงสนิทสนมทางด้านสายเลือดยิ่งกว่า
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเห็นแววเจ้าเล่ห์ในดวงตาของเผิงอิง ในใจก็เป็นกังวล เอ่ยปากออกมาในทันที “เช่นนั้นเสิ่นอิงเล่า? เจ้ากับเสิ่นอิงไม่ใช่พี่น้องหรอกหรือ? เจ้ายังสามารถฆ่าเขาให้ตายได้โดยไม่ลังเล ตอนนี้ยังมีหน้ามาพูดเรื่องพี่น้องอีก ช่างน่าขำเกินไปแล้ว”
เหวินเทียนขมวดคิ้ว สีหน้าหนักแน่นขึ้นมาก
ใช่ เสิ่นอิงและพวกเขาอยู่ด้วยกันมากว่าสิบปี ก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเช่นเดียวกัน ความรู้สึกสนิทสนมเสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ กับคนเช่นนี้ เผิงอิงยังสามารถลงมือได้ กับคนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง
อีกอย่าง พวกเขาภักดีต่อท่านอ๋องตลอดชีวิต ไม่ว่าคนทรยศจะเป็นใคร ไม่ว่าคนทรยศจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับพวกเขามากเพียงไร พวกเขาก็จะต้อง… กำจัด
เมื่อคิดถึงตรงนี้ การกระทำของเหวินเทียนก็เริ่มเฉียบคมอีกครั้ง
เผิงอิงหงุดหงิดอย่างมาก แววตาที่มองไปยังฟ่านเสี่ยวเสี่ยวราวกับถูกวางยา ดุร้ายเสียจนผิดปกติ
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวได้รับความช่วยเหลือจากเหวินเทียน แรงใจก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงว่าเสิ่นอิงต้องนอนอยู่บนเตียงจนถึงตอนนี้เพราะชายผู้นี้ ไปจนถึงท่าทางใกล้ตายในตอนนั้น นางก็อยากจะสับเขาเป็นชิ้นๆ แล้วป้อนให้สุนัขกินยิ่งนัก
เหวินเทียนเม้มปาก ไม่ให้โอกาสเผิงอิงได้เอ่ยปากอีก กระบี่ในมือฟาดฟันอย่างดุเดือด
สุดท้ายแล้ว ชายชุดดำก็ล้วนถูกจัดการจนหมด เหลือไว้เพียงเผิงอิงที่ยังคงดิ้นรนสุดชีวิต
ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งลนลานมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเย่ซิวตู๋และคนอื่นๆ ต้อนเขามาไว้ตรงกลาง เขาย่อมไม่สามารถไปไหนได้ และรู้สึกสิ้นหวังขึ้นมาเล็กน้อย
มุมปากของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวคลี่กว้างขึ้นเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวยิ่งรวดเร็วเช่นกัน ต่อให้สุดท้ายแล้วเหวินเทียนจะมีความลังเลชั่วครู่ แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอันใด
‘ฟุ่บ’ มือของเผิงอิงถูกตัดออกตรงข้อมือ เขาเจ็บปวดจนกระบี่ในมือตกลงพื้นดัง ‘เคร้ง’
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวหัวเราะเย็นเยียบ แม้แต่บาดแผลที่แขนก็ไม่มีความรู้สึกอันใดแล้ว แทงเข้าไปยังอกของเขาโดย จากนั้นก็ฟาดลงไปกลางอกเขาอย่างแรงอีกหนึ่งฝ่ามือ
ร่างของเผิงอิงกระเด็นถอยหลัง เมื่อร่วงลงถึงพื้น เลือดสีแดงสดก็พุ่งกระเซ็นออกมาจากปาก เสื้อผ้าบนร่างกายชุ่มไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว
เมื่อเขาคิดจะยืนขึ้นอีกครั้ง กระบี่ของฟ่านเสี่ยวเสี่ยวก็เล็งมาที่หัวใจของเขาแล้วแทงเข้ามา
แต่ดาบนั้นไม่ได้แทงเข้าไปในหัวใจของเขา กลับถูกคนปัดออกไปเสียก่อน
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้ว จ้องมองคนที่ลงมืออย่างโกรธเกรี้ยว “เจ้าถอยไปนะ ข้าจะฆ่าเขา แก้แค้นให้เสิ่นอิง”
เหวินเทียนเม้มปาก หันหน้าไปมองยังเผิงอิงที่ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แววตามืดดำ
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวเห็นเช่นนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา “ทำไมหรือ? อยากจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์พี่น้องของเจ้าเมื่อก่อน แสดงให้เห็นถึงความรักความเป็นหนึ่งเดียวของพวกเจ้าหรือ? เขาเป็นคนทรยศ เป็นสายลับ ตอนนั้นก็ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อหลอกหนานหนานออกมาจากตำหนักอ๋องซิว คนหลอกลวงสองหน้าไร้หัวใจไม่มีความยุติธรรมเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะปกป้องเขาอีกหรือ?”
เหวินเทียนสูดหายใจเข้าลึ หันหน้ามาจ้องมองฟ่านเสี่ยวเสี่ยว น้ำเสียงทุ้มต่ำอย่างมาก “เขาเป็นสายลับของตำหนักอ๋องซิว เช่นนั้นก็ควรให้ท่านอ๋องซิวเป็นผู้จัดการ ท่านอ๋องบอกให้ฆ่าก็ฆ่า ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องมาตัดสินใจ”
“เจ้า…” ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวโกรธมาก สองมือกำด้ามกระบี่แน่น อยากจะแทงเหวินเทียนสักแผลจริงๆ
“เสี่ยวเสี่ยว” ฟ่านผิงอวิ๋นก้าวมาข้างหน้า ดึงเสี่ยวเสี่ยวถอยหลัง “เจ้าถอยมา พันแผลให้ดีเสียก่อนเถิด”
ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวกระทืบเท้าอย่างแรง จากนั้นก็จ้องเหวินเทียนแวบหนึ่ง ก่อนถอยกลับมาข้างกายอวี้ชิงลั่วอย่างไม่เต็มใจนัก
อวี้ชิงลั่วเห็นว่าชายชุดดำทุกคนตายไปแล้ว ในที่สุดก็ถอนหายใจ ช่วยทำแผลให้ฟ่านเสี่ยวเสี่ยวอย่างง่ายๆ เสียก่อน
โชคดีที่พวกลู่หลานเฟิงถึงแม้จะเหนื่อยกันมาก แต่อย่างไรทุกคนก็ยังปลอดภัย ต่อให้จะบาดเจ็บเล็กน้อยก็สามารถทำแผลเองได้
ส่วนคนชุดเขียวที่ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายพามาก็สิ้นลมไปไม่น้อย
คิดดูแล้วก็ถูก ชายชุดเขียวและชายชุดดำล้วนเป็นคนของอวี้เฟิงถัง เรียกได้ว่ารู้เขารู้เขาอย่างมาก ฝีมือก็ไม่ต่างกัน ผลลัพธ์เช่นนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
ท่านปู่ฮวาและท่านยายฮ่วนก็ฉลาดอย่างมาก ทั้งสองคนรู้ว่าตนนั้นไม่ถนัดเรื่องเช่นนี้ จนกระทั่งเหล่าชายชุดเขียวมา ก็ไปซ่อนตัวดูการต่อสู้อยู่ด้านข้าง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจโล่งอก หากพวกเขาสองคนเป็นอะไรไป นางเองก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี
จนกระทั่งพวกเขาทางด้านนี้จัดการเสร็จเรียบร้อย อวี้ชิงลั่วก็เดินไปข้างกายเหมิงกุ้ยเฟยและเหมิงซิน เมื่อเห็นภาพพวกเขากอดกันไว้และตายอยู่ด้วยกัน จู่ๆ ในใจก็รู้สึกเศร้าโศกขึ้นมาอย่างมาก
เหมิงกุ้ยเฟยวางแผนมาทั้งชีวิต คิดจะแก้แค้นอาณาจักรเฟิงชาง แก้แค้นเย่ซิวตู๋ แก้แค้นมองโกเลีย แต่สุดท้ายก็มาตายอยู่ที่นี่
นางคิดว่าการต่อสู้ที่ยากลำบากในครั้งนี้ จริงๆ แล้วเดิมทีก็คงมีความคิดอยากจะฆ่าพวกนางให้หมดกระมัง
ดังนั้นชายชุดดำของพวกเขาจึงมีจำนวนมาก ทั้งยังเชื่ออย่างง่ายดายเพียงนั้นว่าหนานหนานจะถูกหลอกมา
บางทีเหมิงซินอาจจะไม่สนใจตั้งแต่แรกว่าหนานหนานจะถูกหลอกมาหรือไม่ เป้าหมายของเขาขอเพียงแลกตัวเหมิงกุ้ยเฟยกลับมา ต้องให้นางหรือเย่ซิวตู๋มาที่นี่ จากนั้นก็จับทุกคนในคราวเดียว
จริงๆ แล้วเหมิงซินก็ทำสำเร็จอยู่ อวี้ชิงลั่วคิดได้ในตอนนี้ก็รู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย
คนที่นางพามามีไม่มาก หากไม่มีเย่ซิวตู๋ ไม่มีเหล่าชายชุดเขียวจากอวี้เฟิงถัง พวกเขาเหล่านี้ที่มีจำนวนน้อยนิดก็อาจจะตายไปเช่นนี้ก็ได้
ไม่รู้ว่าเย่ซิวตู๋มาที่ข้างกายนางตั้งแต่ตอนไหน โอบไหล่ของนางเบาๆ “คิดอันใดอยู่?”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ปลดอาวุธเรียบร้อย ทีนี้ก็ไปทำร้ายใครไม่ได้แล้วล่ะนะเผิงอิง
ไหหม่า(海馬)