อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1045 จะจัดการอดีตองค์รัชทายาทอย่างไร
ตอนที่ 1045 จะจัดการอดีตองค์รัชทายาทอย่างไร
ตอนที่ 1045 จะจัดการอดีตองค์รัชทายาทอย่างไร
“ข้ากำลังคิด” น้ำเสียงของอวี้ชิงลั่วยังคงสั่นไหวเล็กน้อย “ข้ากำลังคิดว่าอีกนิดเดียวพวกเราก็คงตายจริงๆ แล้ว”
“มีข้าอยู่ จะปล่อยให้เจ้าตายได้อย่างไร?” เย่ซิวตู๋จับหัวของนางมาซบที่ไหล่ของตน น้ำเสียงอ่อนโยน
อวี้ชิงลั่วยังรู้สึกถึงกลิ่นคาวคลุ้งอบอวลที่ปลายจมูก นางเอนพิงร่างของเย่ซิวตู๋ ในตอนนี้ดูสบายใจอย่างมาก
นางทอดสายตามองไปยังคนสองคนที่พื้นอีกครั้ง ในใจสับสนอย่างยิ่ง
“พวกเขาสองคน… ท่านคิดจะจัดการอย่างไร?”
เย่ซิวตู๋มีดวงตามืดครึ้มลง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ถอนหายใจยาว กล่าว “นำเถ้ากระดูกของพวกเขากลับดินแดนเหมิงเถิด อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นชาวเหมิง อีกทั้งไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร นางก็ยังเป็นท่านน้าของข้า ทนทุกข์มาหลายปีเพียงนี้ อย่างไรก็ควรได้กลับบ้าน”
เขาคิดว่าแม้แต่ผู้อาวุโสสกุลหมิงก็คงจะหวังเช่นนี้
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า นางเองก็คิดเช่นเดียวกัน ในใจเหมิงกุ้ยเฟยจะไม่อยากให้มีคนมารักใคร่เป็นห่วงเลยเชียวหรือ นางเกลียดคนที่มีปานรูปดอกไม้เพียงนั้น ในใจก็อาจจะอิจฉาแม่แท้ๆ ของเย่ซิวตู๋กระมัง
นางถูกฮูหยินของผู้อาวุโสสกุลหมิงส่งไปอยู่บ้านพักตั้งแต่เล็ก ไม่ว่าใครก็ไม่รู้ว่ามีนางอยู่ ไม่รู้ว่าบิดาของนางคือผู้อาวุโสสกุลหมิงที่มีสถานะยิ่งใหญ่กว่าใครเกือบทั้งหมด
เห็นได้ชัดว่านางสามารถเพลิดเพลินกับชีวิตของคุณหนูตระกูลร่ำรวย เห็นได้ชัดว่าสามารถมีการศึกษาที่ดีทั้งยังได้รับการปฏิบัติอย่างดีเลิศ เห็นได้ชัดว่าสามารถได้รับความเคารพจากคนมากมาย แต่กลับถูกกีดกันตั้งแต่แรกเกิด
ตลอดหลายปีมานี้ นางจะไม่ริษยา จะไม่เคียดแค้นได้อย่างไร?
บางทีความเกลียดชังเหล่านี้อาจจะค่อยๆ หายไปหลังจากได้พบกับเหมิงซิน คิดเพียงแต่ว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักอย่างรักเดียวใจเดียว คิดไม่ถึงว่าเพียงความฝันเล็กๆ นี้ก็ล้วนถูกคนทำลาย
อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ ถึงแม้ในใจนางจะเกลียดเหมิงกุ้ยเฟยเข้ากระดูกดำ แต่คนตายราวกับตะเกียงที่ดับลง ความเกลียดชังเหล่านั้นก็หายไปหลังจากที่พวกเขาตาย
“ท่านแม่ พวกท่านจะกอดกันไปถึงเมื่อไหร่หรือ? รอบๆ นี้ล้วนมีแต่คนนะขอรับ อย่างไรพวกท่านก็สงวนตัวอีกหน่อยเถิด ข้ายังอยากรักษาหน้านะ”
จู่ๆ ก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้น อวี้ชิงลั่วตะลึง ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเย่ซิวตู๋ในทันใด จัดการเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็ว
ต่อจากนั้นก็มองซ้ายมองขวาอย่างร้อนรน
ก็เห็นว่ารอบๆ มีคนไม่น้อยที่จ้องมองพวกเขาอยู่ เมื่อเห็นนางมองมาทางนี้ก็รีบเงยหน้ามองฟ้า ราวกับกำลังแสดงออกว่าข้าไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น
อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก เอามือปิดหน้า ชื่อเสียงทั้งชีวิตหนอ…
นางกระแอมเบาๆ ครั้งหนึ่ง หันหน้าไปก็เห็นหนานหนานกะพริบตามองตนเองอย่างไร้เดียงสา ทันใดนั้นก็ถลึงตามองเขาอย่างดุๆ แวบหนึ่ง
เจ้าเด็กน้อยยิ่งทำหน้าไร้เดียงสาเข้าไปอีก ลูบศีรษะตนเองพลางขมวดคิ้ว “ท่านแม่ไม่สบายตาหรือขอรับ?”
“บนร่างเจ้ามีเลือด ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจ”
“อ้อ ท่านแม่วางใจเถิด นี่ไม่ใช่เลือดของข้า ข้าเก่งเพียงนั้น ไม่มีทางบาดเจ็บเป็นแน่”
“…” แล้วใครไม่วางใจกันเล่า? นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เลือดของเขา ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยของเขาแล้ว ถึงแม้จะบาดเจ็บที่ปลายเล็บก็ร้องขึ้นมา จะมัวใจเย็นเตือนนางเรื่องที่จะขายหน้าอยู่ได้ที่ไหนกัน
อวี้ชิงลั่วไม่สนใจเขา เห็นว่าเย่ซิวตู๋เดินไปทางด้านเผิงอิงแล้ว จากนั้นจึงรีบตามไป
เผิงอิงถูกมัดเอาไว้แล้ว ร่างกายบิดเร่าไปมา ที่มุมปากยังมีเลือด ดูแล้วย่ำแย่อย่างยิ่ง
เมื่อเห็นเย่ซิวตู๋เดินมา รูม่านตาของเขาก็หดลง
เย่ซิวตู๋กลับเหมือนว่าขี้เกียจแม้แต่จะมองเขา หันหน้ามองไปทางผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายที่อยู่ข้างๆ
“ทักษะการต่อสู้ของเขานั้นเป็นของพวกท่านอวี้เฟิงถัง พวกท่านเก็บกลับไปเถิด”
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายเลิกคิ้ว จากนั้นก็เริ่มลูบเคราของตนแล้วหัวเราะออกมา “เป็นเรื่องง่ายมาก”
เขากล่าวจบก็ค่อยๆ เดินไปตรงหน้าเผิงอิง กระบี่ในมือถูกยกขึ้นทันที เล็งไปที่ข้อมือของเผิงอิงแล้วเหวี่ยงฟันอย่างแรง
เผิงอิงกรีดร้องออกมา เหงื่อบนใบหน้าไหลโซมราวกับห่าฝน
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายผุดรอยยิ้มกระหายเลือดที่มุมปาก ยกกระบี่ขึ้นอีกครั้งแล้วเล็งไปที่ขาสองข้างของเขา
เพียงชั่วพริบตา เอ็นมือและเท้าของเขาก็ถูกตัดขาดทั้งหมด
เผิงอิงใบหน้าซีดเผือด ขดตัวกรีดร้องออกมาเสียงดัง
เหวินเทียนเกร็งฝ่ามือ หันหน้าหนีในทันใด ไม่ต้องการมองอีกแม้แต่แวบเดียว
เสียงร้องของเผิงอิงค่อยๆ อ่อนแรงลง หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างกายของเขาก็หมดแรง จากนั้นก็หมดสติไป
ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายยื่นกระบี่ให้ชายชุดเขียวด้านข้าง กล่าวกับเย่ซิวตู๋ด้วยรอยยิ้ม “เป็นอย่างไร ตอนนี้ต่อให้เขารู้วรยุทธ์ของพวกเราอวี้เฟิงถังมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้แล้ว ข้าเองก็ถือว่าช่วยทำความสะอาดให้อวี้เฟิงถังของเรา ต่อไปนี้ก็ยกให้ท่านมาจัดการแล้ว”
เย่ซิวตู๋พยักหน้าเล็กน้อย โบกมือ จากนั้นรถม้าหลายคันก็ถูกลากออกมาไม่ไกล
เขาให้คนขนศพของเหมิงกุ้ยเฟยและเหมิงซินขึ้นรถม้า จากนั้นก็นำตัวเผิงอิงขึ้นไปเช่นกัน
สุดท้ายแล้ว สายตาก็มองไปยังอดีตองค์รัชทายาทที่ยังคงหมดสตินอนอยู่กลางลานบ้าน แค่นหัวเราะออกมา
ความเกลียดชังที่อวี้ชิงลั่วมีต่ออดีตองค์รัชทายาทล้ำลึกเสียยิ่งกว่าที่มีต่อเหมิงกุ้ยเฟยมากนัก
ชายผู้นี้ไม่สามารถอธิบายด้วยคำว่าบุรุษได้อีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์เดรัจฉานตัวเดียวในโลกที่ไร้หน้าไร้หนังให้เป็นเกียรติแก่ตน
นางกัดฟัน มองไปยังสวีโหรวและเย่หลานเฉิงที่กำลังถูกอุ้มขึ้นรถม้าอย่างระมัดระวัง ยืนอยู่ข้างกายเย่ซิวตู๋แล้วกล่าว “เดี๋ยวข้าวางยาพิษแก่เขา ให้เขาตายไปเถิด คนเช่นนี้ ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย ข้าไม่อยากเห็นหน้าเขาอีกแล้ว”
นางกล่าวจบก็ถือเข็มเงินเล่มหนึ่งไว้ในมือ ตั้งท่าจะเดินไปข้างหน้า
แต่ไม่นานก็ถูกเย่ซิวตู๋รั้งไว้ มือของเขาลูบหลังของอวี้ชิงลั่วเบาๆ พลางจัดผมให้นาง
ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยิ้มพลางกล่าว “ให้เขาตายไปเช่นนี้ จะเป็นเรื่องง่ายเช่นนั้นได้อย่างไร? รอดูเถิด มีบางเรื่องต้องให้เขารู้เสียบ้าง จะได้ตายตาหลับ”
อวี้ชิงลั่วสังเกตเห็นรอยยิ้มน่ากลัวผิดปกติที่มุมปากของเย่ซิวตู๋อย่างเห็นได้ชัด ร่างทั้งร่างสั่นเทิ้ม ทันใดนั้นก็คิดว่าหากอดีตองค์รัชทายาทตายไปเช่นนี้คงดูเร็วเกินไปหน่อย ใครจะรู้ว่าเย่ซิวตู๋จะมีวิธีใดมาทรมานเขา
แต่ก็ไม่เป็นไร นางเห็นท่าทางอ่อนแรงของสวีโหรว ทั้งนิ้วด้วนไปนิ้วหนึ่ง รวมไปถึงร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือด นางเองก็อยากจะให้อดีตองค์รัชทายาทผู้นี้ถูกทรมานให้ใจสลายเสียบ้าง ให้รู้สึกว่าตายเสียยังดีกว่าจึงจะดี
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ไม่มองอดีตองค์รัชทายาทอีก หมุนกายเดินไปยังรถม้าที่สวีโหรวอยู่
เมื่อเดินไปถึงข้างรถม้าก็พบว่าคนขับรถม้าคือเหวินเทียน
อาจเป็นเพราะเรื่องที่เกิดกับเผิงอิง สีหน้าของเขาจึงดูจริงจังอย่างมาก ถึงขนาดว่าน่าตกใจเล็กน้อย ทั้งร่างนั้นราวกับว่าเกร็งไปหมด ดวงตาเคร่งขรึม ไม่คุยกับใครทั้งนั้น
อวี้ชิงลั่วลังเล เม้มปากเดินหน้าไปทักทายเขา “เหวินเทียน?”
เหวินเทียนสะดุ้ง หันหน้ามามองอวี้ชิงลั่ว มุมปากยิ้มขื่นออกมา “แม่นางชิง”
เมื่อพูดคุยกัน ก็ดูเหมือนเส้นประสาทจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย
อวี้ชิงลั่วนั่งอยู่ตรงเพลารถแล้วถามเขา “เหตุใดเจ้าจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้?เจ้ากลับเมืองหลวงมาตั้งแต่เมื่อใด? หงเย่เล่า? ได้กลับมาพร้อมเจ้าหรือไม่?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องซิวจะทรมานองค์ชายสองด้วยวิธีใดกันนะ มันคงเป็นวิธีที่ทรมานเหมือนตายทั้งเป็นแน่นอน
ไหหม่า(海馬)