อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1049 บังเอิญอย่างมาก
ตอนที่ 1049 บังเอิญอย่างมาก
ตอนที่ 1049 บังเอิญอย่างมาก
“ผู้นำแห่งอวี้เฟิงถัง” เย่ซิวตู๋คิด เกรงว่าแม้แต่สวรรค์ก็คงช่วยเขา เรื่องราวจึงบังเอิญได้ปานนี้
อวี้ชิงลั่วแทบจะสำลักน้ำลายตนเอง “ผู้นำของ… อวี้เฟิงถังหรือ?”
ผู้นำของอวี้เฟิงถังกลับไม่ได้อยู่ในอวี้เฟิงถัง แต่กลับอยู่ที่บ้านของคนที่ถูกเขาไล่ออกจากอวี้เฟิงถังหรือ?
“ท่านพ่อ เช่นนั้นที่ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายช่วยเรา นั่นเป็นคำสั่งของผู้นำผู้นั้นหรือไม่ขอรับ?”
ผู้นำเลยนะ!! แววตาของหนานหนานเป็นประกาย ดูท่าทางจะเก่งกาจอย่างมาก
เย่ซิวตู๋ลูบศีรษะเขา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นคำสั่งของเขาจริงๆ แต่ทว่าก็ถือว่าเป็นเงื่อนไขที่ข้าจะแลกเปลี่ยนกับเขา”
“เงื่อนไขอันใดหรือขอรับ?” หนานหนานถามอย่างอยากรู้
เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้น มองไปทางอวี้ชิงลั่ว ทำให้อวี้ชิงลั่วมองกลับด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หนานหนานกระโดดออกมาจากอ้อมอกเขาทันที ชี้ไปยังท่านพ่อของตนด้วยความรู้สึกไม่เป็นธรรม กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “ท่านพ่อ ท่านมองท่านแม่ทำไมหรือ หรือว่าเงื่อนไขที่ท่านหมายถึง ก็คือ ก็คือ ก็คือเอาท่านแม่ของข้าไปแลกเปลี่ยนหรือ? นี่ท่านจะส่งท่านแม่ของข้าไปให้ผู้นำอะไรนั่นใช่หรือไม่? ข้าจะบอกให้… ไอ้หยา ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมพวกท่านต้องตีข้าด้วยเล่า?”
“เจ้าเด็กนี่ หากยังพูดจาไร้สาระอีก ดูสิว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร” เย่ซิวตู๋วางเขาบนตักของตนอีกครั้ง ครั้งนี้ออกแรงมากหน่อย กดให้ร่างเล็กๆ ของเขานั่งนิ่งๆ เพื่อไม่ให้เขากระโดดไปทำอะไรวุ่นวายอีก
หนานหนานคับข้องใจมาก “ข้าพูดไร้สาระตรงไหนกัน ใครให้ท่านเอาแต่มองท่านแม่ของข้าเล่า?”
อวี้ชิงลั่วพูดไม่ออกอย่างมาก ลูบหน้าผากตนเอง กล่าวเสียงต่ำ “ข้าคิดว่า เงื่อนไขที่พ่อของเจ้าบอก น่าจะหมายถึงฉายาหมอปีศาจของข้ากระมัง ผู้นำผู้นั้น… บาดเจ็บอย่างนั้นหรือ?”
เย่ซิวตู๋ลูบศีรษะของหนานหนาน “หากเจ้าฉลาดได้อย่างท่านแม่ของเจ้า ข้าก็คงวางใจ”
หนานหนานแสดงความไม่พอใจ ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้เหมือนจะบอกว่าเขาโง่อย่างไรอย่างนั้น
เขาอยากจะโต้แย้ง แต่เมื่อครู่เหมือนว่าจะเป็นตนเองที่เข้าใจผิดไปจริงๆ ท่านแม่เดาถูกแล้ว
หนานหนานอ้าปาก แต่ก็ยังไม่กล่าวอันใดก็ส่งเสียงเหอะแล้วหันหน้าไปอีกด้านหนึ่ง
เย่ซิวตู๋หัวเราะ จากนั้นก็มองอวี้ชิงลั่ว พยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่ ตอนที่ข้าไปถึงก็พบว่าผู้นำของอวี้เฟิงถังยังคงนอนอยู่บนเตียงบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังมึนงง อาการไม่ดีเท่าไรนัก”
“ยาช่วยชีวิตที่เจ้าเคยให้ข้าเม็ดนั้น ข้าให้ผู้นำหนิงกินไป อาการของเขาจึงดีขึ้นมาก และได้สติขึ้นมา หลังจากเขาได้รู้ถึงฐานะของข้าไปจนถึงสถานการณ์ภายนอกก็ติดต่อผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายทันที”
เพียงอวี้ชิงลั่วได้ยินว่าเขานำยาช่วยชีวิตไปให้คนอื่นกิน ก็อดไม่ได้ที่จะถลึงตามองเขา “ท่านไม่รู้หรือว่ายานั่นมีมูลค่าเพียงใด นึกอยากจะให้คนอื่นก็ให้ ในมือข้าไม่มีแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกขอรับท่านแม่ ข้ายังมีอยู่” หนานหนานกล่าว ทันใดนั้นก็แกะห่อยาที่ท่านแม่เย็บติดกับเสื้อผ้าให้ออกมาแล้วส่งให้เย่ซิวตู๋
เย่ซิวตู๋อบอุ่นในเพราะการกระทำที่ไม่ลังเลของเขา กอดเขาเอาไว้แน่น “เจ้าเก็บเอาไว้เถิด หากเจ้าปลอดภัย สำหรับพ่อนั้นมันถือเป็นยาช่วยชีวิตที่ให้ผลดีที่สุดแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเองก็ดันยาของเขากลับไปเช่นกัน “เก็บให้ดีๆ ล่ะ เอาไว้แม่จะปรุงให้ท่านพ่ออีก”
แต่ถ้าต้องการ ‘เจวี๋ยเซิง’ โชคดีที่หมอเฒ่าฉยงซานมีอยู่ในมือ อีกเดี๋ยวจะไปหลอกเอามาจากเขาเสียหน่อย
อวี้ชิงลั่วเริ่มคิดหาวิธีหลอกหมอเฒ่าฉยงซานแล้ว
เย่ซิวตู๋กลับมองภรรยาและลูกของตนอย่างพึงพอใจอย่างที่สุด อบอุ่นในหัวใจมาก
รถม้าเลี้ยวโค้ง เขาจึงกดความรู้สึกพลุ่งพล่านในใจเอาไว้ เอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“บาดแผลบนร่างกายผู้นำหนิงเป็นฝีมือของเหมิงซิน คนสนิทของผู้นำหนิงถูกเหมิงซินซื้อตัวไปเมื่อใดก็ไม่รู้ ไม่กี่วันก่อนเหตุการณ์ในเมืองหลวงระส่ำระสาย องค์ชายเจ็ดก็เคลื่อนไหวอย่างมาก ยิ่งมีเหมิงซินเป็นผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของเขา การเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็ย่อมมีไม่หยุด ผู้นำหนิงเมื่อรู้ถึงสถานการณ์นี้แล้วก็เริ่มสงสัยในตัวเหมิงซิน เขาไม่ชอบใจองค์ชายเจ็ดนัก ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำทั้งหมดขององค์ชายเจ็ดนั้นเหมือนว่าเป็นการวางแผนกบฏเสียมากกว่า ดังนั้นเขาจึงเริ่มสังเกตการเคลื่อนไหวของเหมิงซิน ทั้งยังเริ่มวางแผนช่วยเหลือพวกเราอย่างลับๆ และสั่งให้คนที่ตนไว้ใจคอยสืบเรื่องของเหมิงซิน”
“คนสนิทผู้นั้นกลับเอาแผนของผู้นำหนิงไปบอกเหมิงซิน เหมิงซินก็ใช้แผนของเขามาตลบหลังเขา ให้คนที่ไว้ใจผู้นั้นไปบอกเขาว่าทุกอย่างปกติ เมื่อผู้นำหนิงเคลื่อนไหวต่อไป ก็ร่วมมือกับคนสนิทผู้นั้นลอบสังหารผู้นำหนิง”
“ผู้นำหนิงหลังจากที่ฆ่าคนสนิทด้วยตนเองแล้วก็ได้รับบาดเจ็บและหนีไป เมื่อเหมิงซินตามเขาไปที่แม่น้ำก็แทงเขาอีกดาบหนึ่ง เพียงแต่ตอนนั้นผู้นำหนิงก็ถือโอกาสกระโดดลงน้ำ กระแสน้ำที่นั่นไหลเร็ว เหมิงซินจึงไม่สามารถตามเขาได้ทัน”
“ผู้นำหนิงเองก็คิดว่าตนจะต้องตายเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าจะถูกโหวฟาง คนทรยศที่เขาเคยไล่ออกจากอวี้เฟิงถังออกไปช่วยชีวิตเอาไว้ โหวฟางย่อมรู้สถานะของเขา หลังจากช่วยเขาแล้วก็ไม่ค่อยกล้าตามหมอ อีกทั้งเขายังได้ยินจากตอนที่ผู้นำหนิงหมดสติละเมอว่าตนถูกคนของอวี้เฟิงถังทำร้าย ส่วนเป็นใครนั้นก็ฟังไม่ค่อยชัดเจนนัก”
“โหวฟางเองก็ไม่กล้าไปรายงานข่าวกับทางอวี้เฟิงถัง อย่างแรก เขาเองก็มีฐานะเป็นคนทรยศ หากคนของอวี้เฟิงถังพบเขาเข้า เกรงว่าคงจะไม่รอฟังว่าเขาจะกล่าวอันใด คงจะฆ่าเขาทันที อย่างที่สอง โหวฟางเองก็ไม่รู้ว่าคนที่ทำร้ายผู้นำหนิงที่เขากล่าวถึงนั้นเป็นใครกันแน่ หากไปตามหาอย่างบุ่มบ่าม ไม่แน่ว่าจะเป็นการเผยที่อยู่ของผู้นำหนิง ทำให้เขาต้องถูกฆ่า”
“ด้วยความลังเลใจเช่นนั้นจึงเสียเวลาไปหลายวัน โหวฟางทำได้เพียงใช้ประสบการณ์ของตน ไปจนถึงไปพบหมอเพื่ออธิบายอาการและซื้อยามาบ้าง หวังว่าจะทำให้ผู้นำหนิงอาการดีขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าคนที่ทำร้ายเป็นผู้ใดกันแน่”
“น่าเสียดาย ผู้นำหนิงบาดเจ็บสาหัสเกินไป ยาสามัญเหล่านั้นไม่เป็นประโยชน์อันใดมากนัก ถึงแม้ชีวิตของเขาจะยื้อมาได้หลายวัน แต่ก็ไม่ดีขึ้น”
“จนกระทั่งข้าหาตัวโหวฟางพบ บอกตัวตนของเสิ่นอิงกับเขา ตอนนั้นโหวฟางถูกเสิ่นอิงช่วยเอาไว้ เชื่อใจเสิ่นอิง เขาเองก็รู้ว่าว่าที่ภรรยาของข้าเป็นหมอปีศาจ และหลังจากรู้เหตุผลที่ข้ามา ก็พาข้าไปพบผู้นำหนิง”
“อาการของผู้นำหนิงไม่ดีนัก สถานะของทุกคนก็เป็นที่อ่อนไหวอย่างมาก ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนลอบสังเกตความเคลื่อนไหวของพวกเราอยู่ ข้าไปพบโหวฟางก็ใช้เส้นทางวกวนไม่น้อย เพื่อให้มั่นใจว่าด้านหลังไม่มีใครตามมาก็ค่อยเข้าประตูไป แต่หากข้าพาเจ้ามาก็จะเป็นเป้าหมายใหญ่เกินไป หากให้เจ้าไปรักษาผู้นำหนิง อาจจะถูกคนของอวี้เฟิงถังรู้ที่อยู่ของผู้นำหนิงเข้า จึงได้นำยาที่มีติดตัวให้เขาไป ช่วยให้อาการเขาดีขึ้นหน่อย อย่างน้อยก็ให้เอ่ยปากพูดคุยได้ จะได้รู้ว่าในอวี้เฟิงถังนั้นมีใครที่ภักดีและใครที่ทรยศบ้าง จึงจะได้เลือกวิธีที่เหมาะสม”
“หลังจาก ผู้นำหนิงก็ฟื้นขึ้นมา และติดต่อผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้าย ช่วงเวลานั้น ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายคอยตามหาที่อยู่ของผู้นำหนิงมาโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจบางเรื่องในอวี้เฟิงถัง และไม่ได้สนใจกับการเคลื่อนไหวของเหมิงซิน ดังนั้นจึงทำให้เหมิงซินสบายใจขึ้นมาก”
“ข้าและผู้นำหนิงเจรจากัน ตกลงจะจัดการเหมิงซิน กวาดล้างคนทรยศในอวี้เฟิงถัง ส่วนอวี้เฟิงถังก็ช่วยข้าจัดการกับพวกองค์ชายเจ็ด และช่วยรักษาให้ผู้นำหนิง”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ถอนหายใจครั้งหนึ่ง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว กล่าว “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าสงสัยมาโดยตลอด เหมิงซินเป็นชาวเหมิง เหตุใดเขาจึงกลายเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของอวี้เฟิงถังได้เล่า?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ้อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง เดาว่าเบื้องหลังก็คงมีเหมิงกุ้ยเฟยชักใยอยู่ ใช้สถานะกุ้ยเฟยของตัวเองส่งคนรักเข้ามาแทรกแซงอวี้เฟิงถังสินะ
ไหหม่า(海馬)