อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 105 เสนาบดีฝั่งขวาส่งเข้ามา
ตอนที่ 105 เสนาบดีฝั่งขวาส่งเข้ามา
จักรพรรดิเปล่งสุรเสียง ‘หืม?’ หนึ่งเสียง “เขาเข้าวังมาทำอะไรเวลานี้?”
อีกไม่นานประตูวังก็จะปิดแล้ว เย่หลานผิงไม่ชอบเข้าวังมาโดยตลอด เหตุใดวันนี้ถึงได้ทำตัวผิดปกติเช่นนี้?
เหมียวเชียนชิวกระซิบ “กระหม่อมออกไปสอบถามมาแล้ว ดูเหมือนว่าจะเข้าวังเพื่อมาคารวะซูเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิแค่นเสียงเบา ๆ คารวะ? ตอนที่ประตูวังกำลังจะปิด? พระองค์เชื่อสิถึงจะแปลก เกรงว่าคงไปสร้างปัญหาข้างนอกมาอีกตามเคย จึงเข้าวังมาเพื่อร้องทุกข์หรือไม่ก็เพื่อหลบภัย
“ฝ่าบาท จะให้กระหม่อมไปสอบถามเพิ่มเติมหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” เหมียวเชียนชิวเห็นสีพระพักตร์ของจักรพรรดิไม่ค่อยดีเท่าไรนัก จึงกระซิบเสนอความคิด
“ไม่ต้องแล้ว” จักรพรรดิโบกพระหัตถ์ เย่หลานผิงนั่นพระองค์ไร้เรี่ยวแรงจะไปสนพระทัยแล้ว และไม่คิดจะสนพระทัยด้วย หากสนพระทัยสักครั้ง ก็คงดูแลครั้งที่สองไม่ไหว นิสัยนั้นของเขาติดเป็นกมลสันดานแล้ว มิอาจแก้ไขได้
เหมียวเชียนชิวพยักหน้าและตอบกลับไป ก่อนจะหมุนกายเดินออกมา สั่งให้คนรีบไปตระเตรียมสำรับ ใครจะไปคิดว่าตอนที่เพิ่งก้าวออกมาจากประตู ในมือกลับมีเอกสารเพิ่มขึ้นหนึ่งฉบับ
ครั้นได้ยินว่าเป็นเอกสารที่เสนาบดีฝั่งขวาให้คนนำมาถวายให้ก่อนที่ประตูวังจะปิด จึงไม่กล้าล่าช้า รีบหมุนกายนำไปวางไว้ที่ด้านหน้าโต๊ะ
“ฝ่าบาท นี่เป็นหนังสือที่เสนาบดีฝั่งขวาให้คนนำมาส่งในวังพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิชะงัก นี่เป็นเรื่องที่หาให้ยากจริง ๆ เสนาบดีฝั่งขวาไม่ชอบเขียนเอกสารเหล่านี้มาก่อน โดยปกติต่อให้เข้าประชุมราชสำนัก แต่ก็น้อยครั้งมากที่จะส่งหนังสือขึ้นมา ในเวลานี้กลับส่งเข้าวังมาด้วยความรีบร้อนเช่นนี้
จักรพรรดิคิดว่าคงเป็นเรื่องสำคัญ จึงรีบเปิดอ่าน
ครั้นอ่านจบ รายงานก็ถูกตบลงบนโต๊ะ มุมพระโอษฐ์ประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน “เหอะ เราก็คิดไว้อยู่แล้วเชียวว่าเหตุใดเย่หลานผิงถึงได้เข้าวังอย่างฉับพลัน ที่แท้ก็เป็นเพราะทุบตีม้าของเสนาบดีฝั่งขวาจนตาย”
ทุบตีม้าของเสนาบดีฝั่งขวาจนตาย? เหมียวเชียนชิวเบิกตาโต ความกล้าของผิงซื่อจื่อผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเสนาบดีฝั่งขวาเป็นใคร กลับกล้ายั่วโทสะเขา?
“รีบไปเรียกให้เขามาพบเรา”
เหมียวเชียนชิวรีบตอบ “พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปเรียกผิงซื่อจื่อเดี๋ยวนี้”
เย่หลานผิงไม่คิดว่าเสนาบดีฝั่งขวาจะเคลื่อนไหวรวดเร็ว ถึงขั้นส่งหนังสือถึงเบื้องพระพักตร์จักรพรรดิแล้ว วันนี้เขาแค่อยากทำให้เด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้าพึงพอใจก็เท่านั้น เพื่อที่เขาจะได้ถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและท่านลุงห้า
หนานหนานเป็นเด็กตัวเล็ก เขาพาเข้ามาในวังไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ซ่อนเขาไว้ด้านในรถม้า ทหารองครักษ์เหล่านั้นไม่มีทางตรวจค้นอย่างละเอียดขนาดนั้นหรอก
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองคนจึงเข้ามาในวังได้อย่างราบรื่น
แม้ว่าเย่หลานผิงจะไม่ค่อยเข้าวัง แต่เขาก็รู้จักสถานที่ภายในวังเป็นอย่างดี แค่เข้ามาด้านในประตูวัง เขาก็นำหนานหนานไปยังสถานที่เปลี่ยวโดยเฉพาะ หลบหลีกทหารองครักษ์ที่กำลังลาดตระเวนภายในวัง เพื่อมุ่งหน้าไปยังตำหนักเซิงผิงของซูเฟยเหนียงเหนียง
ซูเฟยเหนียงเหนียงรักและเอ็นดูเขามาโดยตลอด ขอแค่เขาไปแล้วบอกว่าอยากกินอะไร พระนางก็จะสั่งให้ครัวหลวงทำอาหารเป็นแน่
ถึงเวลานั้น หนานหนานอยากกินอาหารชาววังก็ย่อมได้กิน เขาคิดว่าตอนนั้นเด็กคนนี้ก็กินอาหารที่ตำหนักเป่าอ๋องไปไม่น้อยแล้ว ต่อให้ได้กินอาหารชาววังจริง ๆ ก็คงทำแค่ชิมเท่านั้น รอจนกระทั่งเขากินเสร็จแล้ว ก็รีบพาเขาออกจากวังในทันที
ด้วยเหตุนี้ ก็ไม่มีใครรู้แล้ว และไม่ต้องถูกท่านลุงห้ากล่าวโทษด้วย
เย่หลานผิงวางแผนได้อย่างดีเยี่ยม หากเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่นก็จะเป็นไปตามที่เขาคิดไว้
เพียงแต่ เรื่องเหนือความคาดหมายภายในวังมักจะมาได้ทันเวลาอย่างยิ่งยวด
เย่หลานผิงนำคนรับใช้ที่ติดตามมาและหนานหนานที่เดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง ตอนที่ทั้งสามคนเพิ่งเข้าใกล้วังเซิงผิง ก็พบว่ามีคนที่ดูเหมือนจะเป็นขันทีเข้ามาคารวะทักทาย
หนานหนานได้รับคำสั่งจากเย่หลานผิงก่อนหน้านี้แล้ว อีกฝ่ายบอกเขาว่าหากเจอคนแปลกหน้า ให้รีบไปหลบด้านหลังคนรับใช้ทันที
ด้วยเหตุนี้เมื่อเห็นสว่ามีคนกำลังเดินมาทางนี้จากไกล ๆ เย่หลานผิงจึงโบกมือให้เขาเบา ๆ หนานหนานก็รีบซ่อนตัวเองอย่างรู้งานในทันที
ขันทีผู้นั้นเดินเข้ามา ไหนเลยจะเห็นเงาเล็ก ๆ นั้น?
เขาเพียงแค่คุกเข่าลงตรงหน้าเย่หลานผิงเพื่อคารวะทักทาย และเอ่ยปากพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า “ผิงซื่อจื่อ จักรพรรดิมีรับสั่งให้เชิญตัวไปเข้าพบที่ห้องตำราหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
“เสด็จปู่?” เย่หลานผิงชะงัก เหตุใดเสด็จปู่ถึงได้เรียกให้เขาไปเข้าพบที่ห้องตำราหลวงอย่างกะทันหัน? หรือว่า…หรือว่าเสด็จปู่จะเห็นว่าเขาพาหนานหนานเข้าวัง?
ไม่สิ คงไม่ขนาดนั้นหรอก ไม่มีทาง
เย่หลานผิงส่ายหน้า พยายามทำให้หัวใจที่เต้นแรงอย่างฉับพลันสงบลง ข่มความคิดน่ากลัวที่เพิ่งพรั่งพรูขึ้นมาลงไป
“ผิงซื่อจื่อ? ผิงซื่อจื่อ? ผิงซื่อจื่อ?” ขันทีผู้นั้นเห็นว่าเขาเงียบไปไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ จึงรีบกระซิบเพื่อกระตุ้น “จักรพรรดิรออยู่ที่ห้องตำราหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
เย่หลานผิงได้สติกลับคืนมาในทันที จึงรีบพยักหน้าตอบกลับไป “ตกลง ข้าจะไปเข้าพบเสด็จปู่เดี๋ยวนี้” ภายในวัง เขาไม่กล้าทำเรื่องกำเริบสืบสาน โดยเฉพาะการเรียกเข้าเฝ้าของจักรพรรดิ เขายิ่งไม่กล้าล่าช้า
“กงกง เจ้าเดินนำไปก่อน ข้าขอคุยกับคนของข้าหน่อย อีกครู่เดียวก็เสร็จแล้ว”
ขันทีผู้นั้นพยักหน้า ก่อนจะเดินไปข้าง ๆ อยู่ห่างออกไปประมาณสิบกว่าหมี่ [1] ทว่ายังคงก้มหน้าอยู่ตรงนั้น
เย่หลานผิงใช้โอกาสก้มหน้าลง กระซิบบอกกับหนานหนานว่า “หนานหนาน ตอนนี้พี่ต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จปู่ก่อน เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่อย่าเดินสุ่มสี่สุ่มห้านะเข้าใจไหม?”
หนานหนานไม่ค่อยมีความสุขเท่าไรนัก ให้หลบ ๆ ซ่อน ๆ บนถนนหลายสายก็ทำให้เขาไม่มีความสุขแล้ว ตอนนี้ยังให้เขารอต่อไปอีก?
“พี่ชาย ข้าอยากกินอาหารชาววัง”
เย่หลานผิงรู้สึกปวดหัว เด็กคนนี้เอาแต่พูดประโยคนี้ตลอดทาง เดิมทีเขาก็อยากจะใช้โอกาสตอนที่นั่งอยู่บนรถม้าเพื่อถามคำถามเขา ผลลัพธ์ที่ได้เด็กคนนี้ไม่ยอมตอบอะไร เอาแต่บ่นว่าอยากกินอาหารชาววัง ตอนนี้เขารู้สึกปวดหัวจนหัวโตไปหมดแล้ว
เขาฝืนยิ้มออกมา พูดอย่างอดทนอดกลั้น “พี่รู้แล้วว่าเจ้าอยากกิน แต่เสด็จปู่เป็นจักรพรรดิ พระองค์เรียกเข้าเฝ้าไม่มีใครกล้าไปไปหรอก ต่อให้…ต่อให้เป็นท่านลุงเย่ของเจ้า ก็ต้องรีบเข้าเฝ้าทันทีเช่นกัน มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ได้คงร้ายแรงมาก เจ้าอย่าได้กังวลใจ พี่ไปเดี๋ยวเดียวก็กลับมาแล้ว อีกครู่เดียวพี่จะพาเจ้าไปกินนะ ขอแค่เจ้ารอพี่อยู่ที่นี่ครู่หนึ่งก็พอแล้ว”
หนานหนานบุ้ยปาก แม้ว่าภายในใจจะไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยังพยักหน้าตอบ “เข้าใจแล้ว” ยุ่งยากจริง ๆ หากรู้ตั้งแต่แรกคงให้ท่านพ่อพามากินแล้ว ท่านพ่อมีฝีมือยอดเยี่ยม เข้ามาในวังย่อมไม่ใช่ปัญหา
เย่หลานผิงเห็นสีหน้าของเขา ก็ทราบได้ว่าเขาไม่พอใจ จึงยังไม่สบายใจ ได้แค่ข่มขู่เขาว่า “หนานหนาน ในวังแห่งนี้ไม่เหมือนกับด้านนอกนะ ที่นี่มีคนถือมีดถือกระบี่ทั่วทุกหนแห่ง เห็นคนแปลกหน้าก็จะจับฆ่าทันที หากเจ้าไม่ระวังวิ่งไปชนกับคนชั้นสูงภายในวัง อีกฝ่ายย่อมจับเจ้าไปฆ่ากินทันที แม้แต่พี่ก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้”
หนานหนานร่างสั่นเทิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ความสามารถในการข่มขู่คนอื่นของพี่ชายช่างกะโหลกกะลาเสียเหลือเกิน นี่มิใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามาในวัง เขาจะถูกข่มขู่ให้ตกใจกลัวได้อย่างไรกัน?
เย่หลานผิงกลับแอบลอบถอนหายใจ คิดว่าหนานหนานคงเข้าใจแล้ว จึงชี้ไปที่ถ้ำภูเขาเทียมที่อยู่ข้าง ๆ “หนานหนาน อีกเดี๋ยวเจ้าไปซ่อนตัวด้านในนั้นนะ พี่ไปก่อนล่ะ”
หนานหนานเบิกตาโต ออกแรงพยักหน้าแรง ๆ
เย่หลานผิงพึงพอใจแล้ว จึงหมุนกายและรีบเดินไปหาขันทีที่เดินเข้ามาหาเมื่อครู่ ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายไปที่ห้องตำราหลวงด้วยความกระสับกระส่ายเล็ก ๆ อยู่ภายในใจ
………………………………………………………………………………………………………………………
[1] หมี่ (米) เมตร
สารจากผู้แปล
หวั่นใจเหลือเกินว่าหนานหนานจะป่วนวังหรือเปล่า นั่นเสด็จปู่ที่เป็นถึงโอรสสวรรค์เชียวนะหนานหนาน รู้ที่ต่ำที่สูงบ้างก็ดีเน้อ
ไหหม่า(海馬)