อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1053 สำเร็จโทษ
ตอนที่ 1053 สำเร็จโทษ
ตอนที่ 1053 สำเร็จโทษ
ตอนนี้มืดสนิทแล้ว เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วถามโม่เสียน “เหวินเทียนอยู่ที่ใด?”
“เขา… หลังจากกลับมาถึง เขาก็เอาแต่อยู่ในห้องไม่ออกมา กระหม่อมนำอาหารเย็นไปให้ แต่เขาก็เอาแต่นอนอยู่บนเตียง โดยไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ดูเหมือนว่าเรื่องของเผิงอิงจะกระทบจิตใจเขามากพ่ะย่ะค่ะ”
โม่เสียนหยุดชั่วคราว แล้วถามอย่างลังเลว่า “ท่านอ๋อง… จะจัดการกับเผิงอิงอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าคิดว่าควรจัดการอย่างไรดีเล่า?”
“คนที่ทรยศต่อท่านอ๋อง… ต้องตาย” เนื่องจากมีความสัมพันธ์กันมาหลายปี โม่เสียนจึงยังคงลังเลที่จะพูดคำสุดท้ายออกมา แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเผิงอิงจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนั้น เขาทำร้ายเสิ่นอิง ทำร้ายซื่อจื่อน้อย แม้จะหวนนึกถึงคืนวันเก่า ๆ แต่เหตุใดต้องเห็นอกเห็นใจเขาด้วย? ในเมื่อเขาเลือกเส้นทางนี้เอง
แต่…
“เหวินเทียนกับเผิงอิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน กระหม่อมจึงกังวลว่าหากเผิงอิงถูกประหารชีวิต แล้วเหวินเทียนจะ…มีความคับข้องใจหรือไม่?”
“ข้ารู้ว่าข้าภักดีต่อใคร” ทันทีที่โม่เสียนพูดจบ เสียงที่คุ้นเคยและเย็นชาก็ดังมาจากด้านหลัง
ทันทีที่ทุกคนหันไปมอง ก็เห็นเหวินเทียนที่มีนัยน์ตาแดงก่ำปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
เขาเดินไปหาเย่ซิวตู๋ ทำความเคารพอย่างนอบน้อม แล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านอ๋อง แม้ว่าเผิงอิงจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกระหม่อม แต่เขามีแรงจูงใจซ่อนเร้น ซึ่งแตกต่างจากกระหม่อม เป็นความผิดของเขาเองที่ทรยศนายท่าน กระหม่อมจะไม่มีความไม่พอใจใด ๆ กับการสำเร็จโทษของท่านอ๋อง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เผิงอิงเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของกระหม่อม ต่อให้เขาจะเป็นพี่ชายแท้ ๆ กระหม่อมก็ไม่มีทางทนเขาได้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
โม่เสียนเม้มปาก ลังเลที่จะพูด
อวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋มองหน้ากัน แล้วถอนหายใจ
แม้คำพูดจะหนักแน่นเพียงใด แต่อารมณ์ของเขาคงซับซ้อนมาก ความสัมพันธ์ระหว่างเหวินเทียนกับเผิงอิงนั้นเหนือกว่าพี่น้องมานานแล้ว
คราวนี้เหวินเทียนเป็นคนลงมือเอง ไม่เช่นนั้นเขาจะอยู่คนเดียวในห้องเงียบ ๆ นานถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
ขณะที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้ สีหน้าของเขาก็แข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหวินเทียนเป็นห่วงเผิงอิง อีกส่วนหนึ่งก็กังวลว่าเย่ซิวตู๋จะไม่ไว้วางใจในตัวเขามากเท่าเมื่อก่อน
ในลานขนาดใหญ่ ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง หนานหนานปิดปากหาว “ท่านแม่ ข้าง่วงแล้ว ข้าจะไปหาเสี่ยวเฉิงเฉิงก่อน แล้วค่อยกลับไปนอนที่ห้องนะขอรับ”
เสียงเล็กอ่อนโยนทำลายความเงียบของทุกคน อวี้ชิงลั่วพยักหน้าให้หนานหนาน แล้วเด็กน้อยก็วิ่งเข้าไปในตำหนักอย่างรวดเร็ว
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็พูดกับเหวินเทียนและโม่เสียนว่า “พวกเจ้าสองคนมาด้วยกัน”
หลังจากพูดจบ เขาก็จูงมืออวี้ชิงลั่วเดินไปยังห้องที่เผิงอิงถูกคุมขังอยู่
ผู้คุมคือซวนหย่า ตอนกลางวันนางต้องดูแลเหมิงจื่อเชียน จึงไม่ได้ไปร่วมสนุกด้วย ดังนั้นตอนนี้นางจึงต้องมีส่วนร่วม เพื่อแสดงให้เห็นว่านางก็มีความสามารถ
แต่เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วทันทีที่เห็นนาง ก่อนหันไปถามอวี้ชิงลั่วว่า “เหตุใดนางถึงยังอยู่ในตำหนัก?”
ครั้งล่าสุดไม่ได้บอกให้นางออกไปหรอกหรือ?
ซวนหย่าหูแหลม นางกัดฟันด้วยความโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ข้าช่วยท่านดูแลเหมิงจื่อเชียน แต่ท่านกลับไม่ขอบคุณข้าบ้างเลย อวี้ชิงลั่ว สายตาเจ้าเป็นอะไรไป เหตุใดเจ้าจึงเลือกบุรุษเช่นนี้?”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตามองนาง “คราวที่แล้วเจ้าไม่ได้ชื่นชมสายตาของข้าหรอกหรือ? อะไรกัน เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน จู่ ๆ สายตาของข้าก็แย่ลงแล้วหรือ? เจ้าช่างสับปลับยิ่งนัก”
“…” แย่มากทั้งคู่ สมคบคิดกัน เพื่อนหมาป่าสหายสุนัข สติฟั่นเฟือนไปแล้ว
ซวนหย่ากัดฟันขณะมองทั้งสอง พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินจากไป
นางควรไปหาหนานหนานผู้น่ารักและใจดี ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาแล้ว
เมื่อเห็นนางจากไปแล้ว เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกโล่งใจขึ้น แล้วเดินเข้าไปเปิดประตู
เส้นเอ็นที่มือและเท้าของเผิงอิงถูกตัดขาดทั้งหมด ทำให้ไม่อาจใช้วรยุทธ์ได้ เขาในตอนนี้ถูกมัดด้วยเชือกและให้นั่งลงบนพื้น ร่างกายมอมแมมเต็มไปด้วยเลือด ไม่เหลือพละกำลังและความมีสง่าราศีของการเป็นองครักษ์ผู้พิทักษ์ตำหนักอ๋องซิวอีกต่อไป
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เผิงอิงก็เงยหน้าขึ้นด้วยความยากลำบาก เมื่อเห็นว่าเป็นเย่ซิวตู๋และพรรคพวก ดวงตาของเขาก็เบิกโพลงทันที และจ้องมองพวกเขาเขม็ง
“ถ้าอยากฆ่าก็ฆ่าเลย ไม่ต้องมาเย้ยหยันข้า”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ในเวลาเช่นนี้เขายังจะปากแข็งอีก ตอนนั้นเขาใช้ประโยชน์จากความวุ่นวาย หลบหนีไปอย่างรวดเร็วไม่ใช่หรือ?
“เผิงอิง เจ้าอยู่เคียงข้างเปิ่นหวางมาสิบห้าปีแล้ว” เย่ซิวตู๋ขยับนิ้วเบา ๆ โม่เสียนที่อยู่ข้าง ๆ รีบเดินไปนำเก้าอี้มาวางไว้ข้างหลังเขาทันที
เย่ซิวตู๋นั่งลง แล้วจ้องมองคนที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชา
เผิงอิงเย้ยหยัน “สิบห้าปีแล้ว แล้วอย่างไร ท่านอ๋องจะปล่อยข้าไปเพราะเห็นแก่สิบห้าปีนี้หรือ?”
“ในเมื่อเจ้าอยู่กับเปิ่นหวางมาหลายปี เจ้าก็น่าจะรู้นิสัยของเปิ่นหวางดี เจ้าเคยเห็นเปิ่นหวางปล่อยคนทรยศไปหรือไม่เล่า?”
เผิงอิงตัวสั่นอย่างอธิบายไม่ถูก ใช่แล้ว เขาไม่เคยเห็นเย่ซิวตู๋ไว้ชีวิตคนทรยศมาก่อน
ทุกคนที่ทรยศต่อเย่ซิวตู๋ล้วนถูกจัดการอย่างหมดจด
ยิ่งกว่านั้นคือคนที่จัดการกับคนทรยศ ก็เป็นพวกเขาทั้งสี่เสมอมา
เผิงอิงย่อมรู้วิธีการฆ่าคนเหล่านั้นดี เมื่อเขาได้ยินตอนนี้จึงรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาเล็กน้อย
ทว่าหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ปรับอารมณ์ได้ แล้วเงยหน้าขึ้นอย่างเย็นชาทันที “วันนี้ที่ท่านอ๋องพาโม่เสียนและเหวินเทียนมา ก็เพื่อคิดสั่งให้พวกเขาสำเร็จโทษข้าหรือ? ท่านอ๋องต้องการใช้มือของใครดีเล่า? ฮ่า ข้ารู้จักท่านอ๋องดี และข้าก็รู้จักพวกเขาดีด้วยเช่นกัน”
“เผิงอิง เจ้ายังไม่รู้จักกลับใจอีก คิดหรือว่าข้าจะไม่ทำเช่นนั้นจริง ๆ?” โม่เสียนทนไม่ได้อีกต่อไป และก้าวไปข้างหน้า
ตั้งแต่ที่รู้ว่าเผิงอิงเป็นคนทรยศ โม่เสียนก็ไม่เคยพูดกับเขาต่อหน้าอีกเลย
เขาจึงคาดไม่ถึงว่าหลังจากโฉมหน้าที่แท้จริงของเผิงอิงถูกเปิดเผยแล้วจะกลายเป็นคนไร้ยางอายเช่นนี้ ไม่เหลือเค้าเดิมของสหายเก่าแก่เลยแม้แต่น้อย
เผิงอิงเหลือบมองโม่เสียน แล้วพูดด้วยความเย้ยหยันว่า “เจ้าทำได้ แต่ในอนาคตเล่า? จากนี้ไป เจ้าจะคิดว่าตัวเองฆ่าคนที่เจ้าคิดว่าเป็นพี่น้องด้วยมือตัวเองอยู่ทุกคืนวัน เจ้าจะไม่อาจหลับสนิทได้ทุกคืน โม่เสียน ในบรรดาพวกเราสี่คน เจ้าคือคนที่หัวอ่อนที่สุดแล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไปชอบหญิงโง่เขลาอย่างเยว่ซินได้อย่างไร”
สีหน้าของโม่เสียนกลายเป็นโกรธจัด เขาก้าวเข้าไปเตะเผิงอิงอย่างแรง “เผิงอิง ข้าไม่มีทางนอนไม่หลับเพราะคนทรยศหรอก เจ้าประเมินข้าต่ำเกินไป”
“ใช่แล้ว” อวี้ชิงลั่วพูดอย่างเย็นชา “ต่อให้โม่เสียนจะนอนไม่หลับ แต่ไม่ใช่ว่ามีข้าอยู่ด้วยหรอกหรือ? ยาที่ข้าปรุงนั้น เพียงแค่เขาสูดเข้าไปเพียงเล็กน้อยก็รับรองได้ว่านอนหลับจนถึงรุ่งสางแน่นอน หากแค่โรคนอนไม่หลับยังรักษาไม่ได้ แล้วข้าจะเป็นหมอปีศาจได้อย่างไร”
“…” เผิงอิงจ้องมองนางด้วยสายตาดุดัน
แต่เย่ซิวตู๋ยืนขึ้นปิดกั้นสายตาของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ต้องห่วง เปิ่นหวางจะไม่บอกใครว่าใช้วิธีใดสำเร็จโทษเจ้า แต่ที่เปิ่นหวางมาที่นี่วันนี้ ก็เพราะเปิ่นหวางมีคำถามจะถามเจ้า”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลองให้หงเย่มาสิ แล้วอาการของนักโทษคนนี้จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย
ไหหม่า(海馬)