อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1055 เจ้าหุบปาก
ตอนที่ 1055 เจ้าหุบปาก
ตอนที่ 1055 เจ้าหุบปาก
“ฮ่าๆ เพราะในตอนนั้น คนที่ช่วยชีวิตข้าจากหลุมฝังศพคือคนของหว่านเฟยอย่างไรล่ะ” เผิงอิงหัวเราะจนน้ำตาไหล
“ท่านอ๋องซิวเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้มาก หว่านเฟยย่อมสังเกตท่านมานานแล้ว ในเวลานั้นหว่านเฟยวางแผนจะเริ่มต้นจากเหวินเทียน โดยตั้งใจจะฝึกฝนเหวินเทียนให้กลายเป็นสายลับของนาง แต่น่าเสียดายที่หว่านเฟยประเมินเหวินเทียนต่ำเกินไป หลังจากทดสอบหลายครั้ง นางก็พบว่าเหวินเทียนภักดีต่อเจ้านายมาก นางจึงไม่มีทางทำเช่นนั้นได้”
ทว่าแม้เหวินเทียนจะไม่สามารถทำหน้าที่นั้นได้ แต่หว่านเฟยได้ทราบประวัติของเหวินเทียนแล้ว แน่นอนว่านางย่อมรู้เรื่องการมีอยู่ของเผิงอิง และยังได้เรียนรู้จากพฤติกรรมประจำวันของเผิงอิง ว่าเผิงอิงเป็นคนทะเยอทะยาน แม้ว่าในตอนนั้นจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่หว่านเฟยก็ยังมองเห็นได้
แต่ในเวลานั้นเผิงอิงถูกนำตัวไปที่อวี้เฟิงถังแล้ว และหว่านเฟยก็ไม่พบร่องรอยของเขาอีกเลย
จนกระทั่งเผิงอิงขโมยตำราฝึกวรยุทธ์ลับ ทำให้ถูกตามล่า ที่อยู่ของเขาจึงค่อย ๆ เปิดเผยออกมา
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เผิงอิงได้รับการช่วยเหลือขึ้นมาจากหลุมฝังศพในตอนนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาได้รับการช่วยชีวิตไว้
“ท่านอ๋องคงไม่เคยคิดมาก่อนว่า ที่ข้าได้พบกับเหวินเทียนบนถนน แท้จริงแล้วหว่านเฟยเป็นคนนัดให้ไปเอง ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ ต่อมาข้าเข้าไปในวังพร้อมกับท่านอ๋องและได้พบกับหว่านเฟย ข้าจึงนึกขึ้นได้ ท่านอ๋องคิดจริงหรือว่าข้าจะมีชีวิตสุขสบาย ตราบใดที่ทำตัวต่ำต้อยอยู่ในวัง? เหมิงกุ้ยเฟยไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่อยู่รอบกายท่านอ๋องรอดไปได้ นับประสาอะไรกับคนที่ไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นข้า”
“ในตอนนั้นนางมีหว่านเฟยคอยช่วยเหลือ น่าเสียดายที่ท่านอ๋องยังทรงพระเยาว์ในตอนนั้น จึงไม่สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างพวกเขาได้ หากสิ่งต่าง ๆ ในตอนนั้นเกิดขึ้นในปัจจุบัน ท่านอ๋องก็คงจะระแวงไปแล้ว”
เย่ซิวตู๋หลับตาลงช้า ๆ ในตอนนั้นเขาไม่เคยสงสัยเลย
เพราะเขาเชื่อใจเหวินเทียน จึงไม่สงสัยลูกพี่ลูกน้องที่ดีกับเหวินเทียนมากคนนี้แม้แต่น้อย
เสียง “ฟึ่บ” ดังขึ้นชัดเจน อวี้ชิงลั่วหันหน้าไปมอง และเห็นเหวินเทียนคุกเข่าอยู่บนพื้น
อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น เหวินเทียน ข้าสามารถช่วยขาเจ้าไว้ได้ เจ้าควรถนุถนอมมันให้ดี หากเจ้ากลายเป็นง่อยในอนาคต หงเย่จะไม่ร้องไห้จนตายหรือ?
“ท่านอ๋อง เป็นความผิดของกระหม่อมเอง ตอนนั้นหากกระหม่อมไม่ใจอ่อนและทิ้งเผิงอิงไว้ก็คงไม่…”
“เจ้าลุกขึ้นก่อน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า เปิ่นหวางไม่ใช่คนที่ถือเรื่องถูกผิดต้องรับผิดชอบร่วมกัน” เย่ซิวตู๋สั่งให้โม่เสียนประคองเขาขึ้น จากนั้นมองไปที่เผิงอิง “เจ้าช่วยหว่านเฟย เพราะนางมีเมตตาต่อเจ้า แล้วเหตุใดต่อมาเจ้าถึงช่วยเหมิงกุ้ยเฟย?”
“ฮ่าๆๆๆๆ” เมื่อได้ยินคำถามนี้ เผิงอิงก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที หัวเราะเสียงดังจนไหล่สั่นสะท้าน
เขาจ้องมองเย่ซิวตู๋ นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “เพราะข้าต้องการอำนาจ ข้าอยากเป็นเจ้านาย ตอนที่ข้าถูกเนรเทศ ข้าถูกข้าหลวงและทหารพวกนั้นทุบตีและรังแกสารพัด หลังจากที่ข้าหนีออกมาได้ ข้าก็ยังต้องถูกพวกผู้ดีรังแกอีก สมัยนั้นชีวิตข้าแย่ยิ่งกว่าหมูกว่าหมา ข้าใช้ชีวิตเช่นนั้นมามากพอแล้ว ข้าอยากจะเหยียบย่ำคนเหล่านั้นให้อยู่ใต้เท้าของข้า”
“ฮ่าๆๆ ท่านเป็นท่านอ๋องก็จริง แต่ท่านก็เป็นเพียงท่านอ๋อง นับประสาอะไรกับข้า? เดิมทีฮ่องเต้เลือกท่าน ตราบใดที่ท่านสืบทอดบัลลังก์ ข้าก็จะได้มียศศักดิ์สูงขึ้นตามไปด้วย แต่ข้าไม่คาดคิดว่าท่านจะไม่สนใจตำแหน่งนั้นเลย แล้วข้าจะติดตามท่านต่อไปเพื่ออะไรเล่า? ข้าก็จะเป็นได้เพียงองครักษ์ตลอดไป เป็นเพียงทหารรักษาพระองค์ที่ต้องไปไหนมาไหน เมื่อถูกคนมีอำนาจเรียกหา”
“ไม่ต้องพูดถึงท่านอ๋องและพวกข้าหลวงเหล่านั้นหรอก แม้แต่สุนัขที่อยู่รอบ ๆ ท่านอ๋องก็ยังเห่าใส่ข้า แต่ข้าฆ่าพวกมันด้วยมือตัวเองไม่ได้ ข้าไม่อยากมีชีวิตที่น่าสังเวชเช่นนั้นอีกแล้ว”
“เหมิงกุ้ยเฟยสัญญากับข้าว่าหากข้าช่วยองค์ชายเจ็ด อนาคตของข้าจะไร้ขีดจำกัด ในอนาคตข้าจะได้เป็นเสนาบดีผู้เปี่ยมไปด้วยอำนาจ ซึ่งข้อดีของการได้อำนาจเช่นนั้น ก็คือข้าจะสามารถทำให้คนที่เคยดูถูกข้ากลายเป็นนักโทษได้ และทำให้พวกนั้นมาก้มหัวให้ข้า เมื่อข้าได้ขึ้นเป็นเสนาบดี ในหมู่พวกเขา… อาจจะรวมถึงท่านด้วย ท่านอ๋อง ฮ่าๆๆๆๆ”
อวี้ชิงลั่วคิดว่าเผิงอิงบ้าไปแล้ว เขาถึงกับมีความคิดเช่นนี้ ซึ่งเป็นความคิดที่วิปริตยิ่งนัก
นางส่ายหน้า และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าเชื่อใจเหมิงกุ้ยเฟยมากไปหรือไม่? เจ้าไม่รู้หรือว่าเหมิงกุ้ยเฟยเป็นคนเช่นไร? เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าตัวเองอาจจะถูกฆ่าตาย หลังจากที่องค์ชายเจ็ดได้ขึ้นครองบัลลังก์ในอนาคต?”
เสียงหัวเราะของเผิงอิงหยุดลง ทันใดนั้นเขาก็มีท่าทางมึนงงเล็กน้อย แล้วก้มหน้าลง
ผ่านไปนาน ก่อนจะได้ยินเสียงอันแผ่วเบาของเขา ครั้งนี้น้ำเสียงฟังดูอ่อนแอและโศกเศร้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกคำพูดของอวี้ชิงลั่วเมื่อสักครู่นี้แทงใจดำหรือไม่
“ตอนแรกข้าย่อมไม่เชื่อ… ข้าก็คิดเหมือนกัน ความจริงแล้วชีวิตตอนนี้ก็ไม่ได้เลวร้าย แม้จะไม่ได้เป็นเสนาบดีผู้เปี่ยมล้นด้วยอำนาจหรือมีอำนาจสูงสุด แต่คนธรรมดาก็ไม่กล้ายุ่งกับองครักษ์ที่อยู่รอบกายท่านอ๋อง อีกทั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อข้าอย่างดี ถึงขนาดยอมสละทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งเพื่อข้า หากข้าตกอยู่ในอันตราย ท่านอ๋องก็จะพยายามช่วยข้าทุกวิถีทาง เช่นเดียวกับตอนที่เสิ่นอิงถูกเหมิงกุ้ยเฟยจับไป แม้ว่าเขาต้องทุกข์ทรมาน แต่ท่านอ๋องก็ยังพาเขากลับมา และปฏิบัติต่อเขาดีกว่าเมื่อก่อน”
“ดังนั้นข้าจึงคิดว่าเมื่อหว่านเฟยสิ้นไปแล้ว ข้าก็จะไม่มีเจ้านายอีกต่อไป จึงคิดว่าจะคอยติดตามรับใช้ท่านอ๋องให้ดี”
“แต่ว่า… แต่ว่า… หัวใจของท่านอ๋องยังคงลำเอียงอยู่มาก” จู่ ๆ เผิงอิงที่กำลังพูดก็เงยหน้าขึ้น แล้วจ้องมองเย่ซิวตู๋อย่างดุดัน
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้ว “ลำเอียงหรือ?”
“ใช่ เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคนที่หลงรักหงเย่ก่อน เห็นได้ชัดว่าข้าสารภาพรักกับนางก่อน เห็นได้ชัดว่าข้าสามารถมอบความสุขให้นางได้ ตราบใดที่นางเต็มใจ ข้าก็สามารถละทิ้งความทะเยอทะยานทั้งหมดที่มีเพื่อนางได้ แต่แล้วท่านอ๋องทำอะไร? เหตุใดท่านจึงสั่งให้หงเย่ดูแลเหวินเทียน? เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่มีความคิดที่จะขัดขวางความสัมพันธ์ ระหว่างนางกับเหวินเทียนแม้แต่น้อย? ท่านอ๋องรู้ไม่ใช่หรือว่าข้ารักหงเย่? แล้วเหตุใดท่านถึงเมินเฉย หรือแม้แต่ผลักดันและให้โอกาสพวกเขามากขึ้น ท่านอ๋องไม่นึกถึงความรู้สึกของข้าบ้างเลยหรือ?”
“เผิงอิง ความคิดของเจ้าสุดโต่งเกินไป ช่างไร้เหตุผลนัก” โม่เสียนขมวดคิ้วดุ
เรื่องความรู้สึก ท่านอ๋องไหนเลยจะมาขัดขวางได้? หากเผิงอิงมีความสามารถพอ เขาย่อมเอาชนะใจหงเย่กลับมาได้ด้วยตัวเขาเอง ดังนั้นเหตุใดต้องโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของท่านอ๋องด้วย?
“เผิงอิง ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบหงเย่มานานแล้ว…” เหวินเทียนขมวดคิ้ว และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่ายิ่งพูดอะไรออกไปก็ยิ่งทำให้รู้สึกหดหู่ใจ เขาจริงใจต่อหงเย่ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเผิงอิงน่าจะชอบหงเย่ แต่จะให้เขายอมแพ้หรือ?
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดจะยอมแพ้ แต่นั่นเป็นเพราะขาของเขาได้รับบาดเจ็บ และกลัวว่าจะทำให้หงเย่ต้องเจ็บปวด แต่เขาไม่เคยคิดจะเลิกกับนางเพราะชายอื่น
เผิงอิงหันหน้าไปจ้องเหวินเทียน “เจ้าหุบปาก หุบปากไปเลย”
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดการยิ่งใหญ่แต่มาตกม้าตายเพราะเรื่องผู้หญิง เผิงอิงเอ๋ยเผิงอิง เผยจุดอ่อนออกมาแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)