อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1056 เหมือนผี
ตอนที่ 1056 เหมือนผี
ตอนที่ 1056 เหมือนผี
เผิงอิงเกลียดเหวินเทียนมาก แม้ว่ามือเท้าของเขาจะไร้ประโยชน์ไปแล้ว แม้ว่าร่างกายของเขาจะอ่อนแอ แต่เขาก็ยังคลานไปหาเหวินเทียน แล้วพุ่งเข้าไปกัดขาของเขาอย่างแรงแบบไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะเห็นเลือด
อวี้ชิงลั่วเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วมองโม่เสียน โม่เสียนจึงรีบก้าวเข้าไปดึงเหวินเทียนที่กำลังถูกเผิงอิงกัดออกมาทันที
“เจ้าโง่หรืออย่างไร? ปล่อยให้เขากัดเจ้าทำไม?” โม่เสียนจ้องมองเหวินเทียนด้วยความโกรธ “เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดเพราะเขา มันเป็นเพราะความคิดสุดโต่งของเขาเอง เป็นทางเลือกของเขาเอง เจ้าไม่ผิดเลย”
เหวินเทียนยังคงตกตะลึง ขาของเขาเหมือนไม่มีความรู้สึก ขณะจ้องเผิงอิงเขม็ง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้ง “ในเมื่อเจ้าเกลียดข้ามาก ตอนที่เจ้ากลับมายังเมืองหลวง เหตุใดเจ้าจึงพยายามแนะนำให้ข้าอยู่ในดินแดนเหมิง เพราะไม่อยากให้ข้าเข้าไปพัวพันเรื่องยุ่งยากเหล่านี้?”
เผิงอิงผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นหัวเราะเสียงดัง “เพราะข้าเกรงว่าจะพลั้งมือฆ่าเจ้าตาย ข้าเกรงว่าหากข้ากลับเมืองหลวงพร้อมกับเจ้า ข้าคงอดทรมานเจ้าและฆ่าเจ้าไม่ได้”
เหวินเทียนขมวดคิ้วแน่น “ข้าไม่เข้าใจ…”
“ความจริงแล้วเรื่องนี้เข้าใจง่ายมาก” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองสองพี่น้องขณะพูด “ความรู้สึกของเผิงอิงที่มีต่อหงเย่เป็นเรื่องจริง ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเกลียดเจ้า แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หงเย่ไม่มีใครให้พึ่งพา เขาอยู่กับเจ้ามาหลายปีแล้ว ย่อมรู้จักนิสัยของเจ้าดี แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้ว่าเจ้าเหมาะสมกับหงเย่ที่สุดแล้ว เจ้าจะพยายามปฏิบัติต่อหงเย่อย่างดีที่สุด และดูแลนางไปตลอดชีวิต”
เหวินเทียนรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อ เขามองเผิงอิงด้วยสีหน้าสับสน แล้วพูดว่า “แต่ว่า แต่ว่าเจ้าไม่คิดว่านี่จะย้อนแย้งในตัวเองหรือ? เจ้ารู้แน่ชัดว่าแม่นางอวี้มีความหมายกับหงเย่มาก เจ้ารู้ว่าหากแม่นางอวี้ตายแล้ว หงเย่ก็จะโศกเศร้ายิ่งนัก แต่เจ้าก็ยังช่วยเหมิงกุ้ยเฟยจัดการกับแม่นางอวี้และท่านอ๋อง หรือแม้กระทั่งหนานหนาน หากพวกเขาถูกเจ้าฆ่า เจ้าคิดว่าหงเย่จะเสียใจหรือไม่?”
“โอ้ แน่นอน ข้ารู้ว่านางจะต้องเสียใจ” เผิงอิงเย้ยหยัน “แต่ไม่ว่านางจะเศร้าโศกเพียงใด หากมีเจ้าคอยอยู่เคียงข้าง ไม่ช้าก็เร็วนางจะดีขึ้น คนตายไปแล้ว หงเย่ก็ไม่ได้ถูกฝังรวมกับพวกเขาไม่ใช่หรือ?”
เหวินเทียนส่ายหน้า “เจ้ารู้จักหงเย่น้อยเกินไป ถ้านางรู้ว่าแม่นางอวี้และหนานหนานถูกเจ้าฆ่า แม้ว่านางจะโศกเศร้า แต่นางจะรู้สึกเกลียดชังมากกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางจะตามหาเจ้าและเหมิงกุ้ยเฟย นางจะหาทางแก้แค้นจนกว่านางจะตาย และจะไม่มีวันอยู่คนเดียวได้”
ร่างกายของเผิงอิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ทันใดนั้นเขาก็ล้มตัวนอนลงบนพื้น แล้วซบหน้าลงในอ้อมแขนตัวเอง
ไม่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจหงเย่ ความจริงแล้วเขารู้ดีอยู่ในใจ
เป็นเพราะเขารู้สึกลังเลตั้งแต่ตอนที่กลับมาเมืองหลวง หัวใจของเขากำลังทุกข์ทรมาน
เขาต้องการอำนาจ อำนาจสูงสุด แต่เขาไม่ต้องการให้หงเย่ตายโดยเปล่าประโยชน์
ดังนั้นหลังจากที่เขากลับมาเมืองหลวง เขาจึงไม่ได้ติดต่อกับเหมิงกุ้ยเฟยเป็นเวลานาน แม้แต่ตอนที่เขาอยู่ที่บ้านพักบนเขาซิ่วจิ่ง เขาก็ไม่ได้ส่งข่าวใด ๆ ให้องค์ชายเจ็ด และปล่อยให้เสนาบดีฝั่งขวาจับอวี๋จั้วหลินเข้าคุก
แต่แล้วเขาก็ค่อย ๆ ค้นพบว่าบางเรื่องอยู่นอกเหนือการควบคุมของเขา
ท่านอ๋องซิวเริ่มสงสัยแล้วว่าหนึ่งในสี่องครักษ์เป็นไส้ศึก ซึ่งเหวินเทียนไม่ถูกสงสัยเพราะเขาอยู่ที่ดินแดนเหมิง โม่เสียนได้รับความไว้วางใจจากองค์ชายซิวเสมอมา และองค์ชายซิวก็ไม่สงสัยในตัวเขามากนัก
เขาจึงรู้ว่าเสิ่นอิงกลายเป็นบุคคลต้องสงสัยมากที่สุด
ทว่าเสิ่นอิงก็รู้สึกเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงทำงานหนักขึ้นเรื่อย ๆ เผิงอิงจึงรู้ว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยไม่ช้าก็เร็ว เขาจึงส่งข้อความถึงเหมิงกุ้ยเฟย ก่อนที่เขาจะถูกจับได้
ส่วนเหมิงกุ้ยเฟยก็ออกคำสั่งให้เขาจับตัวหนานหนาน
จากจุดเริ่มต้นที่เขาเริ่มต้นเส้นทางการเป็นไส้ศึก เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น แม้ว่าเขาคิดจะสารภาพกับท่านอ๋องซิว แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ตอนที่เขาอยู่ในดินแดนเหมิง เขาได้ส่งข่าวไปให้เหมิงพั่วและคนอื่น ๆ แล้ว แม้ว่าเหมิงพั่วจะล้มเหลวในที่สุด แต่เขาก็ได้ลงมือทำไปแล้ว ทำให้ผู้อาวุโสสกุลหมิงเสี่ยงชีวิตจนถึงขั้นอาหารสาหัสไม่ได้สติ ดังนั้นหากท่านอ๋องรู้เข้า ก็คงจะไม่ไว้ชีวิตเขาเป็นอันขาด
เขาจึงทำได้เพียงจัดการกับอวี้ชิงลั่วกับเย่ซิวตู๋ และทำได้เพียงหลอกหนานหนานไปเท่านั้น ส่วนเรื่องหงเย่ก็จะรอจนกว่าเรื่องจะจบก่อน ค่อยคิดหาทางแก้ไข
เพียงแต่เขาคาดไม่ถึงว่ามันจะจบเร็วยิ่งนัก
ขณะที่เผิงอิงคิดเรื่องนี้ รอยยิ้มเฝื่อนฝืดก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ถึงตอนนี้จะเสียใจอะไร? คิดเรื่องนี้แล้วมีประโยชน์อะไร เรื่องต่าง ๆ มาถึงจุดนี้แล้ว ตอนนี้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ที่จะขอความเมตตาไปแล้ว จะทำอะไรได้อีก?
จู่ ๆ เผิงอิงก็เงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวตู๋ เขาหอบหายใจแล้วกัดฟัน นัยน์ตาของเขาเหมือนคบไฟ “ท่านอ๋อง ท่านรู้คำตอบของทุกคำถามที่ท่านถามแล้ว ตอนนี้ท่านบอกได้แล้วใช่หรือไม่ ว่าจะสำเร็จโทษข้าอย่างไร?”
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะอยากตายนัก” เย่ซิวตู๋พูดด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
เผิงอิงตะคอก “เป็นไปได้หรือว่าท่านอ๋องจะยังยอมให้ข้ามีชีวิตอยู่? หากท่านอ๋องเต็มใจ ข้ารับรองได้ว่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่านอีก”
“เปิ่นหวางคิดว่าเจ้าไม่กลัวความตาย”
“กลัวสิ เหตุใดจะไม่กลัว? ข้ารอดตายหวุดหวิดมาหลายครั้งแล้ว ข้าจึงหวงแหนชีวิตนี้มากเป็นธรรมดา”
มุมปากของอวี้ชิงลั่วกระตุก ฟังจากน้ำเสียงของเขา เหตุใดนางถึงไม่รู้สึกว่าเขาหวงแหนชีวิตตัวเองเลย?
“ก๊อกๆ” ขณะที่นางกำลังคิดอยู่ก็มีเสียงเคาะประตูข้างนอก ตามด้วยเสียงนุ่มนวล “อวี้ชิงลั่ว มีคนมาหา”
เสียงนั่น… ปรากฏว่าเป็นซวนหย่าที่ไปแล้วกลับมา
นางเพิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่านางจะกลับมาเฝ้าประตูให้พวกเขาอย่างเชื่อฟัง
“ใคร?”
“นางบอกว่านางชื่อหงเย่” ซวนหย่าตอบอย่างเกียจคร้าน
หงเย่หรือ?
ทุกคนในห้องมองหน้ากัน เหวินเทียนตกใจมาก “คงเห็นว่าข้าไม่ได้กลับไปตำหนักของท่านอ๋องซิว หงเย่น่าจะรู้ว่าวันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ข้า.. ข้าจะออกไปดู”
“ไม่จำเป็น ปล่อยให้นางเข้ามา” เย่ซิวตู๋หยุดเขาไว้
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่เขาพูดจบ เผิงอิงที่นอนอยู่บนพื้นก็กรีดร้องทันที “ไม่ได้ อย่าให้นางเข้ามา อย่าให้นางเข้ามา”
ขณะที่เขาพูด เขาก็ถอยไปอยู่หลังเสาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้เขามีสภาพอย่างที่เห็น… เส้นเอ็นทั่วร่างของเขาถูกตัดขาดทำให้วรยุทธ์ใช้การไม่ได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าสกปรกและขาดรุ่งริ่ง ผมเผ้ารุงรังปรกหน้าเหมือนผี
สภาพเหมือนผีเช่นนี้ จะให้นางเห็นได้อย่างไร? อย่าให้เห็น อย่าให้เห็นเด็ดขาด
เผิงอิงหายใจถี่ขณะพยายามถอยหนี สายตาตื่นตระหนกและหวาดกลัวของเขาจับจ้องที่ประตู
แต่หลังจากที่ซวนหย่าได้รับคำสั่งจากเย่ซิวตู๋ นางก็หันไปเรียกหงเย่ ที่บัดนี้หยุดฝีเท้าอยู่หน้าประตู ในไม่ช้าก็มีเสียงนิ้วจับประตู
เผิงอิงกรีดร้องและพยายามรีบใช้มือปัดผมตัวเอง แต่เขาไม่สามารถใช้มือได้เลย
เขาเกลียดตัวเองมาก จนเริ่มใช้มือกระแทกเสาที่อยู่ข้างหลัง ราวกับว่าเขากำลังจะเป็นบ้า “อย่า อย่าให้นางเห็นข้า อย่า…”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกช้า ๆ
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
วิธีการทรมานช่างโหดร้ายยิ่งนัก ให้คนในใจของนักโทษมาเห็นสภาพของนักโทษในตอนนี้
ไหหม่า(海馬)