อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1057 การตายของเผิงอิง
ตอนที่ 1057 การตายของเผิงอิง
ตอนที่ 1057 การตายของเผิงอิง
ทันทีที่แสงสลัวของตะเกียงด้านนอกประตูส่องลอดเข้ามา เผิงอิงก็รู้สึกเหมือนกับว่าฟางเส้นสุดท้ายของเขาขาดสะบั้นในทันที
เขาหยุดใช้มือกระแทกเสา จู่ ๆ ก็หัวเราะ จากนั้นเล็งไปที่เสา ก่อนโหม่งศีรษะกระแทกด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เสียง ‘โครม’ ดังขึ้นทันที หงเย่ที่กำลังจะเงยหน้าขึ้นหลังจากเข้าประตูมาก็ตกตะลึงตัวแข็งไปครู่หนึ่ง แล้วมองหาที่มาของเสียง
ก่อนที่นางจะมองเห็นได้ชัดเจน เบื้องหน้านางก็พลันมืดสนิท ไม่ว่าจะเป็นเชิงเทียนในห้อง หรือตะเกียงในมือของซวนหย่าล้วนถูกดับทั้งหมดจากการสะบัดแขนเสื้อของเย่ซิวตู๋
“อะไร เกิดอะไรขึ้น?” หงเย่งุนงงเมื่อเห็นแต่ความมืดมิดตรงหน้า กลิ่นเลือดจาง ๆ ที่โชยเข้ามาในจมูกทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนไป “เหวินเทียนหรือ?”
จู่ ๆ เหวินเทียนก็รู้สึกตัว เขารีบหันมาขวางทางหงเย่ แล้วพานางออกจากบ้านไป
จนกระทั่งยืนอยู่ในลานด้านนอกแล้ว เขาจึงจุดตะเกียงในมือของซวนหย่าอีกครั้ง เอ่ยเสียงแหบพร่า “ไปกันเถิด เจ้ายังไม่ค่อยหายดี ข้าจะพาเจ้ากลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”
“เกิดอะไรขึ้นข้างในนั้น? ข้าได้ยินมาว่าเผิงอิง…”
“ไม่มีอะไร ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังทีหลัง…” เขาไม่สามารถเล่าได้ เมื่อสักครู่นี้เขาเห็นชัดเจนว่าเผิงอิง… พุ่งชนเสาเสียชีวิตลงตรงหน้าเขา
หงเย่รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาแปลกไปเล็กน้อย จึงไม่กล้าถามคำถามอะไรอีก รีบพยักหน้าพลางพูด “ก็ได้ เช่นนั้นก็กลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”
จนกระทั่งพวกเขาเดินไปได้ไกล แสงตะเกียงก็ค่อย ๆ หายไปจากลานบ้าน อวี้ชิงลั่วจึงไปจุดเทียนอีกครั้ง
เมื่อมีแสงสว่างในห้องอีกครั้ง สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เผิงอิงเกือบจะในทันที
เขาพุ่งตัวชนเสาอย่างสุดกำลังโดยไม่คิดจะไว้ชีวิตตัวเองเลย หลังจากชนเสาแล้ว สายตาก็จ้องมองไปทางประตู ดวงตานั้นเบิกตากว้างตลอดเวลา ราวกับกำลังจ้องมองใครบางคนด้วยความเคียดแค้น
โม่เสียนกัดริมฝีปากล่างแน่น การที่เผิงอิงจบชีวิตลงเช่นนี้ หัวใจของเขาก็พลันหนักอึ้ง
เขาก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ เพื่อปิดตาของเผิงอิง
เย่ซิวตู๋มองเผิงอิง จากนั้นยืนขึ้นทันที และพูดกับโม่เสียนว่า “ฝากเจ้าจัดการเขาด้วย”
หลังจากนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
อวี้ชิงลั่วถอนหายใจ ก่อนมองเผิงอิงและพูดกับซวนหย่าว่า “เจ้าอยู่ช่วยเขาด้วย”
ซวนหย่าสะดุ้ง “เหตุใด… ข้า เอ่อ…” เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วที่รีบออกไปกับเย่ซิวตู๋ โดยทิ้งนางไว้ข้างหลัง ซวนหย่าก็แทบจะระเบิดอารมณ์ออกมา
นางอุตส่าห์เฝ้าประตูให้ แล้วยังต้องมาจัดการเรื่องเหล่านี้อีกหรือ?
ขณะกลับตำหนัก อวี้ชิงลั่วรีบเดินตามเย่ซิวตู๋ตลอดทาง เมื่อไปถึงประตูตำหนัก นางก็บอกกับเยว่ซินที่กำลังนั่งเย็บเสื้อผ้าอยู่ว่า “เจ้าให้คนไปเอาน้ำเข้ามา แล้วไปบอกหนานหนานที่ห้องของหลานเฉิง ว่าคืนนี้ให้อยู่กับหลานเฉิง ไม่ต้องมาที่นี่ “
เยว่ซินชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าทันที แล้วหันหลังจากไป
ในไม่ช้าในห้องก็เหลือเพียงสองคน อวี้ชิงลั่วลอบถอนหายใจ เดินตามหลังเย่ซิวตู๋ แล้ววางมือบนหลังของเขา จากนั้นลูบเบา ๆ “ข้ารู้ว่าท่านกับเขามีความสัมพันธ์กันมาหลายปี ท่านไม่ได้ปฏิบัติต่อเขาในฐานะนายกับบ่าวมานานแล้ว แต่เขากลับหักหลังท่าน แม้ว่าวันนี้ท่านจะไม่ได้พูดอะไร แต่ท่านคงรู้สึกไม่สบายใจ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ท่านจะคิดมากไปเพื่ออะไรอีก?”
เย่ซิวตู๋ลูบหว่างคิ้วตัวเอง แล้วเอนหลังนอนลงบนเก้าอี้ยาวนุ่ม
“ไม่ได้คิดมาก แค่…รู้สึกแย่นิดหน่อย”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะแต่ไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่ยื่นมือไปนวดแขนให้เขา
ห้องเงียบอยู่นาน ก่อนเสียงของเย่ซิวตู๋จะดังขึ้นในทันใด “ก็แค่… ข้าทำให้เจ้าเสียยาแก้พิษที่ดีไปเปล่า ๆ เสียแล้ว”
“พรืด…” อวี้ชิงลั่วอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “มันไม่ถือว่าเสียเปล่าหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะขายยาให้ท่านในราคาสูงถึงเพียงนั้น ข้าคงจากไปก่อนจะรู้ว่าท่านคือพ่อของหนานหนาน เป็นเพราะท่านไม่เต็มใจจะแบ่งเงินในมือของท่าน เขาจึงเสี่ยงติดตามท่านกลับไปยังเมืองหลวง แม้จะเสี่ยงโดนท่านจับได้ก็ตาม อีกทั้งท่านยังได้เห็นปานรูปดอกไม้บนร่างกายของหนานหนานตอนที่กำลังจะจ่ายเงินด้วย พูดแล้วก็ต้องขอบคุณยานั่น ที่ทำให้ข้ากับท่านมีวันนี้ได้”
เย่ซิวตู๋หัวเราะ “ตอนนั้นไม่ใช่กลอุบายหรอกหรือ? เมื่อก่อนเจ้ารู้ความสัมพันธ์ของข้ากับหนานหนาน แต่เจ้ายังพยายามปกปิดมันอย่างดีที่สุด ข้าควรสอนบทเรียนให้เจ้าจริง ๆ”
พูดจบเขาก็มาจับนางจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วรีบลุกขึ้นและถอยหลังไปสองก้าว ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนหวานดังมาจากข้างนอก “คุณหนู น้ำมาแล้วเจ้าค่ะ”
อวี้ชิงลั่วปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว กระแอมเบา ๆ แล้วบอกให้เยว่ซินเข้ามา
หลังจากเตรียมน้ำอาบแล้ว อวี้ชิงลั่วก็ผลักเย่ซิวตู๋ให้ไป “วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบอาบน้ำนอนเลย พรุ่งนี้ต้องไปคุยกับคนในอวี้เฟิงถังเหล่านั้นไม่ใช่หรือ? เหมิงซินและเหมิงกุ้ยเฟยตายแล้ว องค์ชายเจ็ดคงจะได้ข่าวเร็ว ๆ นี้ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นอีกบ้าง”
เย่ซิวตู๋พยักหน้า แล้วไปอาบน้ำอย่างเชื่อฟัง
อวี้ชิงลั่วไปดูสวีโหรว ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยดี มีสาวใช้คอยดูแลนางไม่ขาด
เย่หลานเฉิงและหนานหนานเหนื่อยมาทั้งวันเช่นกัน อ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ จึงรู้สึกง่วงมาก นางจึงให้พวกเขาเข้านอน
นางถามพ่อบ้านเรื่องสถานการณ์ขององค์ชายสามและพระชายาอีกครั้ง เมื่อองค์ชายสามฟื้นขึ้นมาก็รู้ว่าเรื่องนี้ได้ยุติลงแล้ว และมันก็สายไปแล้ว เขาจึงบอกว่าจะมาหาเย่ซิวตู๋ในวันพรุ่งนี้
เหวินเทียนและหงเย่กลับไปที่บ้านโดยไม่รู้จะพูดอะไร ปล่อยให้พวกเขาจัดการเรื่องระหว่างพวกเขา
ร่างของเผิงอิงได้ถูกส่งมอบให้กับโม่เสียนแล้ว
สำหรับไท่จื่อที่ถูกปลด… ว่ากันว่าทันทีที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เริ่มสาปแช่งทันที ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรอีกไม่กี่คำ ฟ่านฉี่อวิ๋นก็ทุบเขาอีกครั้ง เขาจึงไม่ได้กินอาหารด้วยซ้ำ
หลังจากที่อวี้ชิงลั่วเข้าใจสถานการณ์คร่าว ๆ แล้ว นางก็กลับตำหนัก
เย่ซิวตู๋นอนอยู่บนเตียงแล้ว เขาหายใจสม่ำเสมอราวกับว่าหลับไปแล้ว
นางไปอาบน้ำ จากนั้นยกผ้าห่มขึ้นและนอนลงเงียบ ๆ
ไม่คาดคิดว่าทันทีที่นางนอนลงข้างเขา นางจะถูกเขาโอบกอดไว้ทั้งตัว
“ข้าปลุกท่านหรือไม่?”
“ไม่ ข้านอนไม่หลับ เจ้าไปดูเผิงอิงมาหรือ?”
“ไม่” อวี้ชิงลั่วพลิกตัวหันไปหาเขา “โม่เสียนได้จัดการเรียบร้อยแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องไปดูหรอก เขาและเผิงอิงก็มีความสัมพันธ์กันมาหลายปีแล้ว คงจัดการได้อย่างเหมาะสม”
“อืม” เย่ซิวตู๋ไม่พูดอะไรมาก แล้วหลับตาลง
เมื่อเห็นว่าเขานอนไม่หลับ อวี้ชิงลั่วก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ จากนั้นลุกขึ้นไปจุดกำยาน แล้วกลับมานอนข้างเขาอีกครั้ง
เย่ซิวตู๋หัวเราะ แล้วกอดนางแน่นขึ้น “ดีใจที่มีเจ้าอยู่”
จากนั้นเขาก็หัวเราะคนเดียว และกอดนางแน่นขึ้นอีกครั้ง “ดีจริงที่มีเจ้า”
เย่ซิวตู๋ยิ้มอีกครั้งแล้วหลับตา แต่ดูเหมือนเขาจะยังคงตึงเครียด
อวี้ชิงลั่วนวดขมับให้ขณะคุยกับเขา “ท่าน ถ้าเผิงอิงไม่ฆ่าตัวตายวันนี้ แล้ว… ท่านจะฆ่าเขาจริงหรือ?”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หมดเรื่องวุ่นวายไปอีกหนึ่ง ท่านอ๋องก็โดนกระทบกระเทือนจิตใจหนักอยู่นะ
ไหหม่า(海馬)