อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1065 การมีชีวิตอยู่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตาย
ตอนที่ 1065 การมีชีวิตอยู่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตาย
ตอนที่ 1065 การมีชีวิตอยู่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตาย
ในที่สุดเย่ฮ่าวถิงก็ถูกเย่ซิวตู๋ต้อนเข้าไปในป่า ม้าที่เขาขี่นั้นเมื่อเทียบกับม้าของเย่ซิวตู๋แล้วก็ถือว่ายังห่างชั้นอยู่ ตอนนี้ยิ่งตื่นตระหนก เย่ฮ่าวถิงก็ย่อมถูกสะบัดตกลงมาตั้งแต่ครึ่งทาง
กลุ่มทหารของเขากระจัดกระจายมากขึ้น สุดท้ายคนที่คอยคุ้มกันอยู่ข้างกายเขาก็มีเพียงสองคนเท่านั้น
พวกเขาสามคนในตอนนี้ล้วนถูกล้อมเอาไว้แล้ว ไม่มีทางให้หนีได้เลย
เย่ซิวตู๋นั่งอยู่บนหลังม้า ก้มลงมองเย่ฮ่าวถิงที่หน้าซีดยามตกลงไปในพุ่มไม้ หรี่ตาลงเล็กน้อย
“เย่ เย่ซิวตู๋ ท่าน ท่านปล่อยข้าไปเถิด” เย่ฮ่าวถิงนั่งพลางถอยหลังไปสองก้าว ในใจเกรงกลัวอย่างมาก แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ไม่เหลือซึ่งภาพลักษณ์ขององค์ชายเจ็ดผู้ฉลาดเฉลียวดั่งเช่นในเมืองหลวงเมื่อก่อนนี้แล้ว
เย่ซิวตู๋ถอนหายใจ เทียบกับเหมิงกุ้ยเฟยแล้ว นิสัยของเย่ฮ่าวถิงนั้นช่างแตกต่างเกินไปแล้ว
เหมิงกุ้ยเฟยในตอนนั้นเต็มใจไปตาย ต่อให้ตนเองจะมีโอกาสรอดชีวิต นางกลับยอมถูกปลิดชีพ เพียงเพื่อตัดปัญหาที่จะตามมาภายหลัง แต่เย่ฮ่าวถิงในตอนนี้กลับตัวสั่นเทิ้ม ลุกลี้ลุกลนเกินทน แววตาเต็มไปด้วยความอ้อนวอน
เย่ซิวตู๋คิด เขาคงมองอีกฝ่ายสูงส่งเกินไป
ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านผิงอวิ๋นที่ยืนล้อมพวกเขาอยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แอบส่ายหน้าอย่างเงียบๆ
“เย่ฮ่าวถิง ตั้งแต่ตอนที่เจ้าก่อกบฏ เจ้าก็ควรรู้ว่าตนจะมีจุดจบอย่างไร”
“ข้าไม่ได้เต็มใจ ข้าเองก็ไม่อยากทำ” เย่ฮ่าวถิงหน้าซีด รีบส่ายหน้า “หมู่เฟยบังคับข้า นางยืนกรานจะให้ข้าต่อสู้แย่งชิง เดิมทีข้าก็ไม่เคยสนใจตำแหน่งจักรพรรดิเลย เป็นหมู่เฟยที่จะให้ข้าต่อกรกับท่านมาโดยตลอด ข้าเองก็ไม่อยากทำ”
คำพูดนี้เป็นความจริง เย่ฮ่าวถิงสมัยเด็กๆ ถือว่ายังมีความเคารพเย่ซิวตู๋อยู่บ้าง มีคนโดดเด่นเช่นเย่ซิวตู๋อยู่ เย่ฮ่าวถิงเองก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดไปแย่งชิงตำแหน่งนั้น
เขาคิดว่ามีหมู่เฟยที่รักใคร่ตนเพียงนั้นอยู่ มีเสด็จพ่ออยู่ ต่อไปก็อาจจะมีพี่น้องที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้เป็นฮ่องเต้ เช่นนั้นตนเองจะต้องมีชีวิตที่ไร้กังวลเป็นแน่ ต่อไปจะต้องเป็นท่านอ๋องที่ยิ่งใหญ่ เป็นรองเพียงฮ่องเต้ วันคืนเช่นนี้ เขารู้สึกว่าดีมากแล้ว
มันเริ่มตั้งแต่เมื่อใดกันนะ จริงสิ ตอนอายุเจ็ดขวบนั้น ท่านแม่บอกเขาว่านั่นคือศัตรูของเขา เป็นคนที่เขาต้องเอาชนะให้ได้ในชีวิตนี้ จิตใจของเขาก็ค่อยๆ บิดเบี้ยวไป
หลังจากนั้นความกระหายต่ออำนาจก็ยิ่งหนักหนาขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นจึงได้เดินมาบนเส้นทางนี้
“ลูกผู้ชายอกสามศอก กล้าทำก็ต้องกล้ารับ เจ้าทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว มาปฏิเสธเอาตอนนี้จะมีความหมายอันใดเล่า?” ฟ่านซิวอวิ๋นไม่สบอารมณ์ รับท่าทางที่ทำชั่วแต่ยังมานั่งร้องห่มร้องไห้เช่นนี้ของเขาไม่ได้เป็นที่สุด ไม่มีความรับผิดชอบเลยแม้แต่น้อย
เย่ฮ่าวถิงไม่สนใจมองเขา แววตายังจับจ้องอยู่ที่เย่ซิวตู๋เขม็ง กล่าวอย่างเป็นกังวล “พี่ห้า ๆ พวกเราเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกันนะ เรามีสายเลือดเดียวกันไหลอยู่ในกาย ใกล้ชิดกันเสียยิ่งกว่าพวกน้องแปด ท่านทำใจบังคับข้าไปตายได้หรือ?”โนเวล-พีดีเอฟ
“ใกล้ชิดกันเสียยิ่งกว่าพวกน้องแปดหรือ เฮอะ” เย่ซิวตู๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เอาจริงๆ หากนับดูแล้ว ถึงแม้จะไม่ได้มีพ่อแม่เดียวกัน แต่ว่ามารดาของพวกเขาก็เป็นฝาแฝดกัน สายเลือดนี้ถือว่าใกล้ชิดไม่น้อย
เย่ฮ่าวถิงกลับเปลี่ยนสีหน้าไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะประชดประชันของเขา เขารู้ถึงความสัมพันธ์ของตนและเย่ซิวตู๋ รู้ว่าหมู่เฟยของตนและหมู่เฟยของเขานั้นไม่ใช่คนคนเดียวกัน
ตอนนี้เห็นการตอบสนองของเย่ซิวตู๋แล้ว เย่ซิวตู๋เองก็จะต้องรู้เป็นแน่
ดังนั้นการใช้คำพูดเช่นนี้เพื่อเอาใจเขา ก็เห็นได้ชัดว่าไม่สำเร็จ
เย่ฮ่าวถิงมีเหงื่อผุดซึมเต็มหน้าผาก ยิ่งกระสับกระส่ายเข้าไปอีก “พี่ห้า พวกเรา พวกเราล้วนมาจากดินแดนเหมิง หมู่เฟยของข้าก็ตายไปแล้ว ท่านจะไม่ปล่อยไปแม้แต่ข้าเลยหรือ? ท่านลองคิดถึงท่านตาสิ ลองคิดถึงเขา เขาจะต้องไม่อยากให้เราสองพี่น้องฆ่ากันเองหรอกกระมัง เขาจะต้องไม่อยากเห็นลูกหลานตายไปเสียก่อนเป็นแน่ไม่ใช่หรือ? หากเขารู้ว่าหมู่เฟยของข้าตายไปแล้ว ข้าก็ตายไปอีก เขาจะต้องเสียใจอย่างมากเป็นแน่ ในช่วงเวลาสั้นๆ เพียงนี้เขาต้องเสียทั้งบุตรสาว บุตรชาย หลานปู่ หลานตา เขาจะรับไหวได้อย่างไร?”
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเสียจนเป็นปม ในใจยังคงมีไฟลุกโชนไม่หยุด
เขายังกล้าพูดถึงผู้อาวุโสสกุลหมิงอีกหรือ ถ้าเขาเป็นห่วงจริงๆ จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
ใช่ ผู้อาวุโสสกุลหมิงไม่หวังให้พวกเขาพี่น้องฆ่าแกงกันก็จริง เขายังรู้สึกผิดต่อเหมิงกุ้ยเฟยและอยากชดเชยให้นางมาโดยตลอด หากรู้ความจริงที่ว่าเหมิงซินถูกตอน หลายปีมานี้เหมิงกุ้ยเฟยได้รับความเจ็บปวดและกดดันเหล่านี้ เกรงว่าจะยิ่งโทษตัวเองเข้าไปใหญ่
แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะปล่อยเย่ฮ่าวถิงไป
เพียงเย่ฮ่าวถิงเห็นสีหน้านั้น ในใจก็เริ่มเป็นกังวล รีบกล่าวต่อ “พี่ห้า ยังมีเสด็จพ่ออีก เสด็จพ่อสุขภาพไม่สู้ดี อย่างไรข้าก็เป็นโอรสของพระองค์ ถ้าหากข้าตายไป จะต้องทรงรับไม่ได้เป็นแน่”
ฟ่านซิวอวิ๋นทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ “เจ้าหุบปากเสีย เจ้ายังมีหน้าพูดถึงท่านตาของเจ้า บิดาของเจ้าอีกหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าพวกเจ้ากระทำสิ่งใดกับเขาไว้ ตอนนี้ท่านตาของเจ้ายังนอนหมดสติอยู่บนเตียง ไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้าหรอกหรือ? ฝ่าบาททรงถูกลอบปลงพระชนม์ ก็ไม่ใช่เพราะฝีมือโหดเหี้ยมของพวกเจ้าหรอกหรือ? ตอนนี้กลับมาบีบน้ำตาบอกว่าเห็นแก่พวกเขา เจ้าทำข้าสะอิดสะเอียนเสียแทบตายแล้ว ถุย…”
เย่ฮ่าวถิงกัดฟันแน่น ยังคงไม่สนใจฟ่านซิวอวิ๋น ทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขากล่าว เพียงแต่เอ่ยปากกับเย่ซิวตู๋ “ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายท่านตาเลยนะ และไม่เคยคิดจะทำร้ายเสด็จพ่อด้วย เรื่องเหล่านี้ข้าล้วนไม่รู้เลย เป็นหมู่เฟยและท่านลุงที่ตกลงกัน หากข้ารู้ ข้าจะต้องหยุดพวกเขาเป็นแน่ พวกเขาเป็นญาติของข้านะ”
ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านผิงอวิ๋นทั้งสองคนได้ยินแล้วก็รู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก คำพูดไร้ยางอายเช่นนี้ เขากล้าพูดออกมาได้อย่างไร?
เขาไม่รู้หรือ? หากเขาไม่รู้จริงๆ พวกเขาสองคนยอมตัดหัวตนเองออกมาให้เขาเตะเล่นเลย
ฟ่านซิวอวิ๋นกำลังคิดจะด่ากลับไป เพียงแต่เพิ่งเปิดปาก
แต่เย่ซิวตู๋กลับสูดหายใจลึก ทันใดนั้นก็ม้วนตัวลงมาจากหลังม้า เดินตรงไปหาเย่ฮ่าวถิง
ผู้อารักขาสองคนข้างกายเย่ฮ่าวถิงยังคงดิ้นรนทำหน้าที่สุดชีวิต ชูดาบในทันที ขวางอยู่ตรงหน้าเย่ฮ่าวถิงด้วยสีหน้าดุร้าย
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเยาะเย้ย ทันใดนั้นก็ปัดเอาสองคนนั้นออกไปอีกด้าน
รังสีอำมหิตแผ่ออกมาร่างเขาอย่างแรงกล้า เย่ฮ่าวถิงเห็นเช่นนั้นในใจก็เต้นตึกตัก ไม่สบายใจอย่างมาก
ต่อจากนั้นก็เริ่มถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กล่าวเบาๆ “พี่ห้า…”
“เจ้าวางใจเถิด” เย่ซิวตู๋เอ่ยปาก “ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”
เย่ฮ่าวถิงได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าดีใจ จากนั้นก็ได้ยินสิ่งที่เขากล่าวต่อจากนั้น “เจ้ากระทำความผิดร้ายแรงฐานก่อกบฏ ย่อมต้องส่งไปให้เสด็จพ่อทรงจัดการ แต่เจ้าก็รู้ บางครั้งการมีชีวิตอยู่นั้นน่ากลัวกว่าตายไปเสียมากโข”
เย่ฮ่าวถิงตะลึง ส่งต่อให้เสด็จพ่อจัดการหรือ? ในหัวเขาเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว เสด็จพ่ออายุมากแล้ว ไม่แน่ว่า ไม่แน่ว่าเขายังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่ยังน่ากลัวกว่าตายไปอะไรกัน ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เขายังคงสงสัยเล็กน้อยว่าเย่ซิวตู๋พูดเพียงเท่านี้หรือ? หรือว่าเขายังมีแผนร้ายอันใดอีก?
เขาเงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวตู๋อย่างงุนงง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายหมุนตัวไปแล้ว ก่อนโบกมือใหญ่ ฟ่านซิวอวิ๋นและฟ่านผิงอวิ๋นก็เดินเข้ามาเขาแล้ว พร้อมกับสีหน้าเย้ยหยัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บทลงโทษองค์ชายเจ็ดน่าจะไม่ธรรมดา ต่อให้มีชีวิตก็เหมือนกับตายทั้งเป็นแน่ ๆ เลย
ไหหม่า(海馬)