อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1066 เขารู้ทุกเรื่อง
ตอนที่ 1066 เขารู้ทุกเรื่อง
ตอนที่ 1066 เขารู้ทุกเรื่อง
ในที่สุดเย่ฮ่าวถิงก็ถูกพาตัวกลับเข้าเมืองเข้าไปในวังหลวง
ฮ่องเต้ที่ไม่ได้ปรากฏตัวมานานได้ยินข่าวที่เหมียวเชียนชิวแจ้ง ก็ถอนหายใจเล็กน้อย ตรัสเสียงต่ำ “ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เขาก็เป็นบุตรชายของข้า”
เหมียวเชียนชิวเงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้เล็กน้อย กล่าวเสียงเบา “ฝ่าบาท ท่านอ๋องซิวยังรออยู่ด้านนอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
เขารู้ว่าฮ่องเต้ทนไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมีพระชนมายุมากแล้ว ทั้งยังต้องมาพบเจอประสบการณ์เช่นนี้ พระทัยของฮ่องเต้ก็ยิ่งอ่อนลง ต่อให้จะเกิดในราชวงศ์ ต่อให้จะไม่แยแสในความสัมพันธ์ทางสายเลือด แต่อย่างไรก็ยังเป็นสายเลือดเดียวกันอยู่ดี
แต่การก่อกบฏนั้นเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ไม่สามารถอภัยได้
เรื่องเช่นนี้เหมียวเชียนชิวย่อมไม่ออกความเห็นกับฮ่องเต้ ทำได้เพียงพยุงฮ่องเต้ออกไปยังท้องพระโรง
ท้องพระโรงที่ว่างเปล่า มีเพียงเย่ซิวตู๋และเย่ฮ่าวถิงสองคน คนหนึ่งยืนอยู่ อีกคนกำลังคุกเข่า
คนหนึ่งยืนตัวตรงองอาจสีหน้าเคร่งขรึม อีกคนหน้าซีดเซียวสภาพย่ำแย่ เห็นได้ชัดว่าเป็นสองพี่น้อง แต่กลับแตกต่างกันอย่างาก
เย่ซิวตู๋เห็นฮ่องเต้เข้ามาก็รีบเดินหน้าเข้าไปสองสามก้าว “เสด็จพ่อ”
“อืม” ฮ่องเต้โบกมือ ให้เหมียวเชียนชิวถอยออกไป จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปตรงหน้าพวกเขา
ช่วงที่ผ่านมาเขาเอาแต่พักฟื้นจนสภาพร่างกายดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่เมื่อต้องเจอสถานการณ์เช่นนี้ จิตใจก็ยังคงอ่อนแอ
เย่ฮ่าวถิงได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นทันใด แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังนั้นจ้องมองฮ่องเต้ คุกเข่าคลานไปตรงหน้าสองสามก้าว “เสด็จพ่อๆ ลูกผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ลูกถูกคนชั่วหลอกลวง จึงได้ทำความผิดครั้งใหญ่เช่นนี้ เสด็จพ่อ”
“คนชั่วหลอกลวงหรือ?” ฮ่องเต้ปัดมือของเขาที่จับเสื้อผ้าของตนอยู่ ถอยหลังไปสองก้าวแล้วยิ้ม “คนชั่วที่ไหนหลอกหลวงเจ้าหรือ หืม?”
“เป็น เป็นพี่สี่พ่ะย่ะค่ะ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความตั้งใจของพี่สี่ เขาบอกว่าเสด็จพ่อทรงถูกพี่ห้าจับขัง ข้าเกรงว่าเสด็จพ่อจะเป็นอันตราย จึงได้เร่งนำกองทัพมาต้องการจะช่วยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ”
มุมปากของฮ่องเต้เผยรอยยิ้มออกมาช้าๆ ยิ่งผิดหวังในตัวเขามากขึ้น
“เป็นพี่สี่ของเจ้าบอกว่าเสด็จพ่อถูกจับหรือ? เจ้าเชื่อเขาหรือ? เหตุใดเจ้าจึงไม่เชื่อพี่ห้าของเจ้าเล่า หา”
เย่ฮ่าวถิงหน้าซีด มองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง อยากจะอธิบายบางอย่าง แต่ก็ได้ยินพระสุรเสียงเฉียบคมของฮ่องเต้ดังขึ้น “เจ้าก่อกบฏ พยายามฆ่าพี่ห้าของเจ้า สมควรตายนัก”
“เสด็จพ่อ” เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย หมุนกายเดินไปนำเก้าอี้มาตัวหนึ่งทันที
จากนั้นก็พยุงฮ่องเต้มานั่งลงบนเก้าอี้ กล่าวเสียงต่ำ “เสด็จพ่อทรงอย่าตื่นเต้นไปพ่ะย่ะค่ะ หากมีสิ่งใดก็ค่อยๆ ตรัสเถิด”
“จะค่อยๆ พูดได้อย่างไร การที่เขาก่อกบฏเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ยังมากล่าวหาผู้อื่นอีก ผลักเอาความผิดทั้งหมดไปไว้ที่ผู้อื่น เขาเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวแล้ว” ฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ สีพระพักตร์เหนื่อยล้า “ซิวเอ๋อร์ จะจัดการอย่างไรนั้น ข้ายกให้เจ้าตัดสิน”
เย่ฮ่าวถิงตกใจ ยกให้เย่ซิวตู๋จัดการอย่างนั้นหรือ?
เขาหันศีรษะกลับมาทันที ก็เห็นเย่ซิวตู๋กำลังมองตนอย่างเย็นชา สายตาเย็นชานั้นราวกับมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น
เย่ฮ่าวถิงถูกมองด้วยสายตาเช่นนี้ ความสิ้นหวังในใจก็ค่อยปรากฏขึ้นมาทีละน้อยๆ
หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง เย่ซิวตู๋ไม่มีทางลงมือฆ่าเขาจริงๆ อย่างไรเมื่อก่อนพวกเขาก็ยังเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน เป็นพี่น้องที่ใกล้ชิดกันยิ่งกว่าใครๆ
เย่ซิวตู๋ผู้นี้ อย่างไรก็คงนึกถึงความรู้สึกเก่าๆ อยู่บ้าง
แต่ตอนนี้เขารู้แล้ว เย่ซิวตู๋รู้สถานะของพวกเขาชัดเจน รู้ว่าหมู่เฟยของตนนั้นไม่ใช่มารดาแท้ๆ ของเขา ยิ่งไปกว่านั้นหลายปีมานี้หมู่เฟยยังตามฆ่าเขาอีกด้วย เกรงว่าเขาคงเกลียดหมู่เฟยเข้ากระดูกดำตั้งนานแล้ว
เมื่อครู่ตอนอยู่ในป่า เขาก็พูดไปมากมาย ทว่าเย่ซิวตู๋กลับไม่เคยแยแส ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ ทั้งยังทำสีหน้าเย้ยหยันอีกด้วย
บุคคลเช่นนี้ เย่ฮ่าวถิงรู้สึกกลัวนัก คิดว่าหากมอบชีวิตของตนไว้ในมือเย่ซิวตู๋ จะต้องตายอย่างสยดสยองเป็นแน่
เพียงคิดถึงตรงนี้ เย่ฮ่าวถิงก็ทนไม่ไหวแล้ว หันไปร้องห่มร้องไห้กับฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ โปรดอย่างทรงมอบลูกให้เขาเลยพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้ คนผู้นี้จิตใจอำมหิตนัก เขาฆ่าหมู่เฟย ต่อให้หมู่เฟยจะทำผิดเพียงใด แต่นั่นก็เป็นมารดาแท้ๆ ของเขานะพ่ะย่ะค่ะ คนที่ฆ่าแม่ตนเองเช่นนี้ จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งกว่าลูกเสียอีก”
เขาคิดว่าเย่ซิวตู๋จะต้องไม่บอกประวัติของตนเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นทางดินแดนเหมิงก็คงไม่อาจไม่เข้ามายุ่งได้ ดังนั้นเขาจึงต้องยึดประเด็นนี้เอาไว้
เย่ซิวตู๋ขมวดคิ้วแน่น เงยหน้ามองไปยังฮ่องเต้
แต่ฮ่องเต้กลับสรวลออกมา ค่อยๆ ถอนหายใจ ราวกับว่ากำลังพึมพำกับตนเอง “มารดาแท้ๆ หรือ เฮ้อ มารดาแท้ๆ ของเขาตายไปตั้งนานแล้ว ฆ่าแม่ของตนอะไรกัน”
เย่ซิวตู๋และเย่ฮ่าวถิงได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึงอย่างมาก มองไปยังฮ่องเต้ด้วยความประหลาดใจ
ฮ่องเต้ลูบพระขนง เอนกายพิงพนักพระที่นั่งอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่กล่าวอันใดอยู่นาน
ใช่ เขาสงสัยเรื่องตัวตนของเหมิงกุ้ยเฟยมาตั้งนานแล้ว
ตอนนั้นที่เหมิงหลิงหลงเข้าวัง มีเกียรติและเป็นที่โปรดปรานหาใดเทียบ ไม่ใช่เพียงเพราะนางเป็นคนเหมิง แต่ยังเป็นเพราะฮ่องเต้รักใคร่นางเป็นอย่างมาก รักเสียยิ่งกว่านางสนมใดๆ ในราชวังเสียอีก
สตรีเช่นนี้ อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นอีกคน เขาจะไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร
ต่อให้พวกนางจะมีหน้าตาเหมือนกันทุกประการ ต่อให้ทั้งคู่ล้วนมีปานรูปดอกไม้ ต่อให้บุคลิกท่าทางจะคล้ายกันอย่างมาก แต่สุดท้ายกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้มาอยู่ใกล้ชิด ความรู้สึกนั้นก็ยิ่งรุนแรง
ฮ่องเต้เคยลองสืบอย่างเงียบๆ ถามถึงเรื่องลับที่รู้กันเพียงสองคน เหมิงกุ้ยเฟยกลับตอบถูกทั้งหมด
ในตอนนั้นฮ่องเต้จึงได้รู้ว่าหญิงนางนี้ เกรงว่าจะเป็นคนที่เหมิงหลิงหลงส่งมา เป็นคนที่ดินแดนเหมิงส่งมาเป็นคนดูแลเย่ซิวตู๋
คนถูกสับเปลี่ยน แต่ฮ่องเต้กลับทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้ อย่างไรเสียหากเรื่องเช่นนี้ถูกเปิดเผย จะมีคนเกี่ยวข้องมากมายเกินไป คนแรกที่จะต้องเจ็บปวดก็คือเย่ซิวตู๋
อีกอย่าง เกรงว่าจะต้องทำเรื่องไร้เมตตากับดินแดนเหมิง
เขาเป็นฮ่องเต้ ถึงแม้จะไม่ใช่ฮ่องเต้ในยุครุ่งเรือง แต่ก็ต้องพิจารณาถึงภาพใหญ่
ดังนั้นหากเหมิงกุ้ยเฟยไม่กล่าวถึง ดินแดนเหมิงไม่กล่าวถึง เขาเองก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
เพียงแต่เขากลับดีกับเย่ซิวตู๋ยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหลังจากเย่ฮ่าวถิงเกิดมา เขาเองก็ยิ่งรู้ว่าสถานการณ์ของเย่ซิวตู๋จะยิ่งลำบากเพียงใด
การกระทำทั้งหมดของเหมิงกุ้ยเฟยล้วนอยู่ในสายตาของเขา แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาหยุดมันไม่ได้ และไม่สามารถหยุดได้ เย่ซิวตู๋เป็นองค์ชาย มีหลายเรื่องที่เขาจะต้องรับมือเพียงคนเดียว หากเขาอยากมีชีวิตต่อไป ก็ต้องมีความสามารถในการเอาชีวิตรอด
เพียงแต่ว่าเขาเองก็จะปกป้องเขาให้ได้มากที่สุด เขารู้ชัดเจนว่ายิ่งตนดีกับเย่ซิวตู๋ เขาก็ยิ่งจะกลายเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ เป็นเป้าหมายของคนอื่นๆ แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้นอกจากโปรดปรานเขา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น เหมิงกุ้ยเฟยจึงจะรู้สึกได้ว่าเย่ซิวตู๋สำคัญกับใจเขาเพียงใด รู้ว่าหากเย่ซิวตู๋มีอันเป็นไปประการใด เขาจะต้องกริ้วมาก จะต้องสับคนที่มาทำร้ายเขาเป็นพันชิ้น
และเรื่องนี้ก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้จริงๆ
หลังจากเหมิงกุ้ยเฟยรู้ว่าเย่ซิวตู๋สำคัญกับฮ่องเต้แตกต่างจากผู้อื่น ก็ไม่กล้าลงมือกับเขาในวังอีกเลย
ในขณะเดียวกัน เขาเองก็โปรดปรานเหมิงกุ้ยเฟยอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาและนางสนมคนอื่นๆ ก็จะมองนางเป็นหนามยอกอก เหมิงกุ้ยเฟยต้องรับมือกับนางสนมเหล่านั้น แผนการที่จะจัดการเย่ซิวตู๋ก็จะน้อยลงหน่อย
หลายปีมานี้เย่ซิวตู๋ต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง เขาแสดงบทบาทอันใดออกไป เขาเองก็ไม่อยากพูด อย่างไรก็ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาพิจารณาอย่างถ้วนถี่แล้วก็พบว่าการเอ่ยออกมาย่อมไม่คุ้มค่า
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คนที่ดูเหมือนไม่รู้อะไรสักอย่างจริงๆ แล้วคือลาสบอสที่รู้ทุกอย่าง
ไหหม่า(海馬)