อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1067 มีคนคนหนึ่งที่ต้องตาย
ตอนที่ 1067 มีคนคนหนึ่งที่ต้องตาย
ตอนที่ 1067 มีคนคนหนึ่งที่ต้องตาย
ตั้งแต่แรกเริ่มที่ฮ่องเต้รักใคร่เย่ซิวตู๋ อาจจะมีปัจจัยอื่นซ่อนอยู่ด้วย
เช่นว่าเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับดินแดนเหมิง เช่นว่าเพื่อปกป้องบุตรชายของเขาผู้นี้ เช่นว่าเพื่อคิดถึงหญิงที่ตายไปแล้วผู้นั้น
แต่การรักใคร่นั้นกลับกลายเป็นความเคยชิน กลายเป็นความรู้สึกที่เข้มข้น
โดยเฉพาะเมื่อเป็นเย่ซิวตู๋ที่ฉลาดและกตัญญู เขาก็ยิ่งรักใคร่มากขึ้นไปอีก แทบจะนำความรักของบิดาที่มีให้ทั้งตระกูลมารวมอยู่ที่เขาคนเดียว
ตอนนี้ยิ่งเห็นชัดว่ามอบภาระหนักอึ้งทั้งหมดให้เขาได้ ด้วยรู้ดีว่าเย่ซิวตู๋จะไม่มีทางทำให้เขาผิดหวัง
ฮ่องเต้ไม่รู้เลยว่าเย่ซิวตู๋ได้รู้ถึงภูมิหลังของตนเองอย่างชัดเจนแล้ว วันนี้เขาได้เอ่ยปากบอกถึงความลับที่ถูกปกปิดเอาไว้มานาน ก็เพราะไม่อยากให้เย่ซิวตู๋ต้องรู้สึกว่าตนมีความผิดในการสังหารมารดาของตนอยู่
บุตรชายผู้นี้ เขาเข้าใจอย่างมาก
ดังนั้นเขาอยากให้เย่ซิวตู๋ได้รู้ว่า มารดาแท้ๆ ของเขาตายไปตั้งนานแล้ว ไม่ว่าเขาจะกระทำสิ่งใดกับเหมิงกุ้ยเฟย ล้วนไม่ต้องรู้สึกผิด
เย่ฮ่าวถิงกลับไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่างแล้ว ร่างทั้งร่างล้มลงกับพื้น ราวกับว่าความหวังทั้งหมดได้ดับสูญสิ้น
เย่ซิวตู๋บีบนิ้วเบาๆ แววตาที่มองฮ่องเต้นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมบิดา
ถึงแม้เหมิงกุ้ยเฟยที่เขาเข้าใจว่าเป็นหมู่เฟยผู้ให้กำเนิดจะวางแผนตามฆ่าเขาทุกวิถีทาง แต่เขากลับมีความสุขกับความรักของพ่อที่เหล่าพี่น้องทุกคนไม่เคยได้สัมผัส เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
ท้องพระโรงเงียบสงบลง ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงของเหมียวเชียนชิวดังขึ้น “ฝ่าบาท องค์ชายหกเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ชะงัก จากนั้นก็ตรัสขึ้น “ให้เขาเข้ามา”
เมื่อองค์ชายหกเข้ามา ก็ยังจับคนคนหนึ่งดันเข้ามาพร้อมกันด้วย
คนผู้นี้ก็คือองค์ชายสี่ที่ฉวยโอกาสตอนชุลมุนหนีไป
เมื่อเห็นภาพในท้องพระโรง เขาก็หน้าซีด รีบคุกเข่าลงกับพื้น ร้องออกมาทันใด “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ เย่ฮ่าวหรานเขามาแล้ว เย่ฮ่าวหรานลอบเข้าเมืองหลวง ขัดพระราชโองการของเสด็จพ่อ เขาสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว มองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง
เย่ซิวตู๋ไม่กล่าวอันใดทั้งนั้น เพียงแต่ก้มหน้าลงเล็กน้อย
ฮ่องเต้ยิ่งเกลียดชังองค์ชายสี่มากขึ้น เรื่องของคังเฟยนั้นเขารู้แล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นองค์ชายสี่ที่มักจะขี้ขลาดราวกับหนูคอยตามติดองค์ชายสามกลับเป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมไปอีกคน ท่าทางที่มีต่อเขาจึงดูย่ำแย่ยิ่งกว่าองค์ชายเจ็ดเสียอีก
องค์ชายหกเองก็มองเย่ซิวตู๋แวบหนึ่ง ก้าวไปข้างหน้าทันใด กล่าว “เสด็จพ่อ นำตัวอาชญากรเย่ฮ่าวเชวียมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ รอฟังรับสั่งจากเสด็จพ่อว่าจะทรงจัดการเช่นไร เย่ฮ่าวหรานไม่ได้กลับเข้าเมืองหลวง เย่ฮ่าวเชวียถูกยั่วยุ ทำให้สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่นะ เสด็จพ่อ กระหม่อมถูกใส่ร้าย เย่ฮ่าวหรานมาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พวกเขา…” เขาใช้นิ้วชี้ไปยังเย่ซิวตู๋และองค์ชายหก ร้องออกมาเสียงดัง “พวกเขาร่วมมือกันอย่างลับๆ เสด็จพ่อ พวกเขาต่างหากที่เป็นกบฏพ่ะย่ะค่ะ”
เขาจับเย่ฮ่าวหรานได้กับมือ จะเข้าใจผิดไปได้อย่างไร?
ฮ่องเต้อดทนอย่างถึงที่สุดแล้ว เขาไม่ชอบองค์ชายสี่มาแต่เดิม ในช่วงเวลาเช่นนี้ เขารู้ๆ อยู่ว่าตนถึงวาระยากจะหนี แต่กลับจะดึงผู้อื่นลงมาตกต่ำด้วย
ฮ่องเต้ทรงยืนขึ้นในทันใด ตรัสเสียงดัง “องค์ชายสี่เย่ฮ่าวเชวีย องค์ชายเจ็ดเย่ฮ่าวถิง ก่อกบฏ รวมกองกำลังต่อต้าน กระทำความผิดอันไม่อาจให้อภัย ตัดสินให้…”
ฮ่องเต้พลันหยุดชะงัก สีพระพักตร์ซีดเล็กน้อย โอรสสองคน ต่อให้จะไม่พอใจเพียงใด แต่ก็ยังเป็นโอรสทั้งสองของตน
เย่ซิวตู๋ลอบถอนหายใจ เดินไปตรงหน้าฮ่องเต้ เอ่ยแนะนำ “เสด็จพ่อ พระองค์ตรัสว่าเรื่องนี้ให้กระหม่อมเป็นผู้จัดการไม่ใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้อึ้งไป หันพระพักตร์มองเขา
เย่ซิวตู๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นแล้ว เสด็จพ่อทรงอย่าได้จัดการเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ว่า…”
เย่ซิวตู๋กลับหันหน้ามา กล่าวกับเหมียวเชียนชิว “นำตัวสองคนนี้ไปขังคุกหลวงไว้ จำคุกตลอดชีวิต”
ทุกคนล้วนตะลึงไป… ไม่ประหารหรือ?
แม้แต่เย่ฮ่าวถิงที่คิดว่าต้องตายเป็นแน่ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง มองเย่ซิวตู๋อย่างไม่อยากเชื่อ
เย่ซิวตู๋ทำเพียงยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มกลับเย็นชาอย่างมาก
เขาเคยบอกแล้ว บางครั้งการมีชีวิตอยู่ก็ทรมานกว่าความตายนัก
นี่เป็นเรื่องจริงไม่ผิดไปแม้แต่น้อย แม้องค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดจะไม่ตาย แต่กลับถูกขังไว้ในคุกขนาดใหญ่ตามลำพัง ทุกอย่างว่างเปล่า กระทั่งเวลาพูดคุยก็ยังได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตนเอง ทั้งสองคนไม่เคยพบความทุกข์ทรมานเช่นนี้เลยตั้งแต่เกิด ในห้องขังนั้น ทุกวันกลับต้องอดทนถูกยุงกัด แมลงสาบและหนูรบกวน และไม่มีอาหารมื้อใดเลยที่ไม่เหม็นบูด
เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขานรับ ยามป่วยไข้ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ ทำได้เพียงทนทุกข์ไปเช่นนั้น
ตกกลางดึกก็จะได้ยินเสียงร้องอย่างหวาดกลัวจากห้องขังข้างๆ จนไม่อาจข่มตาหลับได้สบาย
ระหว่างผ่านวันเวลาเช่นนี้ องค์ชายสี่ก็เป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว ไม่ถึงสามเดือนก็แทบคลุ้มคลั่ง เริ่มอดอาหารประท้วงจนหิวตาย
องค์ชายเจ็ดกลับอยู่ได้เกือบหนึ่งปี แต่ตัวคนกลับเหลือเพียงโครงกระดูก ผอมแห้งจนผิดมนุษย์มนา
ไม่นานนักก็ป่วยตายไป
แน่นอนว่าเย่ซิวตู๋ไม่ได้บอกภายนอกว่าเป็นการจำคุกตลอดชีวิต บอกเพียงว่าให้ขังคุกรอการพิจารณาคดี อย่างไรผู้เป็นองค์ชายกระทำความผิดก็ต้องได้รับโทษเช่นคนธรรมดา ต่อให้ฮ่องเต้ไม่ต้องการให้โอรสของตนต้องตาย แต่คนธรรมดาทั่วไปย่อมไม่เข้าใจเป็นแน่ ยิ่งเป็นเหล่าทหารที่สละชีวิตในสงครามก็ยิ่งไม่เห็นด้วย
เพียงแต่การพิจารณคดีนี้ใช้เวลานานเกินไป จนองค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดสิ้นพระชนม์ไปเสียก่อนก็เท่านั้น
แต่อย่างไรคนก็ตายไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปติดตามสืบสวนอันใด ทว่าครอบครัวอย่างภรรยาและลูกๆ ขององค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ด ควรจัดการเช่นไรก็ต้องจัดการไปเช่นนั้น
นี่ก็เป็นวิธีที่ดีต่อทั้งสองฝ่ายแล้ว ในเมื่อไม่มีความรู้สึกทนไม่ได้ในฐานะพระชนกของฮ่องเต้แล้ว ก็จะได้ให้คำอธิบายแก่ทุกคนอีกด้วย
และในระหว่างนี้ เย่ซิวตู๋ได้ทำสิ่งใดไปบ้างก็ไม่มีใครรู้ได้
แน่นอนว่าเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น ตอนนี้ยังไม่ต้องพูดถึง
วันนั้นหลังจากเย่ซิวตู๋ให้องค์ชายหกนำตัวองค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดไปแล้ว เห็นว่าสีพระพักตร์ของฮ่องเต้ดูไม่สู้ดีนักก็ขมวดคิ้ว พยุงเขานั่งลงตรงบัลลังก์มังกร
เหมียวเชียนชิวเห็นเช่นนั้นก็ถอยออกไปเงียบๆ ปิดประตูท้องพระโรง
ฮ่องเต้เอนพระวรกายซบกับพระที่นั่งด้านหนึ่ง ท่าทางเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อย
“เสด็จพ่อ ตอนนี้สงครามสงบลงแล้ว เรื่องอื่นๆ ให้ลูกจัดการเถิดพ่ะย่ะค่ะ พวกเขาสองคนนั้น… อย่างไรก็ยังมีชีวิตอยู่”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ จับมือของเขาแน่น “ลำบากเจ้าแล้ว”
“เป็นเรื่องที่กระหม่อมควรทำพ่ะย่ะค่ะ” เย่ซิวตู๋หัวเราะครั้งหนึ่ง รู้ว่าหลายปีนี้พระชนกทำสิ่งใดเพื่อเขา ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา “ลูกพยุงเสด็จพ่อไปพักผ่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หัวเราะครั้งหนึ่ง โบกมือ กล่าวเสียงต่ำ “เจ้าสี่และเจ้าเจ็ดทั้งสองคนยังมีชีวิตอยู่ก็จริง แต่ก็มีคนหนึ่ง…ที่ไม่อาจอยู่รอดได้”
เย่ซิวตู๋อึ้งไป เม้มปากแน่น
เขารู้ ว่าฮ่องเต้หมายถึงอดีตองค์รัชทายาท
“คนผู้นี้จิตใจโหดเหี้ยม ถึงขนาดพูดออกมาได้ว่าเฉิงเอ๋อร์ไม่ใช่ลูกของตน หากอยู่ต่อไป จะเป็นหายนะได้” สายพระเนตรของฮ่องเต้หนักแน่น สีพระพักตร์โกรธเกรี้ยว
เย่ซิวตู๋รู้ดี ถึงแม้อดีตองค์รัชทายาทจะเป็นโอรสของฮ่องเต้เช่นกัน แต่หากเขามีชีวิตอยู่ต่อก็จะทำร้ายทุกคนได้ ฮ่องเต้ตัดสินใจเลือกแล้วก็ทำได้เพียงต้องทอดทิ้งเขา
เพียงแต่ตอนนี้ฐานะของคนผู้นี้ลึกซึ้งเล็กน้อย พวกเขาไม่สามารถจัดการเขาอย่างเปิดเผยได้ หากบอกว่าเขาเป็นกบฏ เช่นนั้นเย่หลานเฉิงจะต้องถูกหางเลขไปด้วยเป็นแน่ ต่อไปเขาจะต้องกลายเป็นบุตรชายของกบฏ สถานการณ์จะเลวร้ายเป็นอย่างมาก แต่หากบอกว่าเขาเองก็เป็นเหยื่อ เช่นนั้นต่อไปก็จะยังเป็นองค์ชายรอง ใครจะรู้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาอีก จะทำร้ายใครอีก
สวีโหรวและเย่หลานเฉิงก็จะยังต้องทนอยู่ในนรกต่อไป
ดังนั้นต่อให้ทำเพื่อพวกเขาแม่ลูก อดีตองค์รัชทายาทก็ยังต้องตาย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จริงอยู่ค่ะ การอยู่แบบตายทั้งเป็นมันทรมานกว่าโดนประหารไปแบบจบ ๆ เสียอีก
อดีตองค์รัชทายาทจะโดนโทษอะไรกันนะ
ไหหม่า(海馬)