อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1069 ผู้ที่จะสืบราชบัลลังก์
ตอนที่ 1069 ผู้ที่จะสืบราชบัลลังก์
ตอนที่ 1069 ผู้ที่จะสืบราชบัลลังก์
ไทเฮารู้เรื่องที่องค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ดถูกจับตัวแล้ว และรู้อีกด้วยว่าการกบฏสงบลงแล้ว พระนางจึงเข้าไปไหว้พระสวดมนต์ในห้องพระ หลังสวดมนต์อยู่บทหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องพระ
ลวี่ฝูช่วยประคองพระนางออกมา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ช่วงนี้ไทเฮาทรงไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ตอนนี้ก็ถือว่าได้เข้าใจเรื่องภายในใจแล้ว ต่อไปจะทรงคิดมากและทำงานหนักไม่สนใจพระวรกายของพระองค์ไม่ได้อีกแล้วนะเพคะ ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าหากซื่อจื่อน้อยเข้าวัง เห็นว่าไทเฮาทรงผอมซูบลง ไม่รู้ว่าจะปวดใจเพียงใด”
“เจ้านี่ช่างพูดช่างจาเหลือเกินนะ” ไทเฮายิ้มออกมา “หนานหนานเจ้าเด็กไม่รู้คุณนั่น ตอนนี้จะยังจำว่าต้องเข้าวังมาหาข้าได้เสียที่ไหน ข้างกายเขามีหลานเวยหลานเฉิง เกรงว่าจะเล่นกันสนุกสนานจนไม่เข้าวังมาอยู่เป็นเพื่อนหญิงชราเช่นข้าเสียแล้ว”
“ซื่อจื่อน้อยกตัญญูเสมอเพคะ ทั้งใส่ใจและเคารพไทเฮา เหตุใดจะลืมไทเฮาไปได้เล่าเพคะ เพียงแต่ช่วงนี้โลกภายนอกวุ่นวาย เขายังเป็นซื่อจื่อน้อยแห่งตำหนักอ๋องซิว คนชั่วเหล่านั้นเกรงว่าจะคอยจับตาดูเขามาตั้งนานแล้ว ไทเฮาทรงรักใคร่เขา จึงได้รับสั่งให้เขาอยู่ที่ตำหนักดีๆ ไม่ใช่หรือเพคะ ซื่อจื่อน้อยเพียงแต่จดจำรับสั่งของไทเฮาเท่านั้น บ่าวคอยดูอยู่ ตอนนี้ภายนอกสงบลงแล้ว ซื่อจื่อน้อยจะต้องเข้าวังมาทำความเคารพไทเฮาในเร็ววันเป็นแน่เพคะ”
ไทเฮาฟังนางพูดเสียจนอารมณ์ดี นางชอบเด็กคนนั้นจริงๆ
เห็นว่าเขามักจะมีท่าทางมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ นางก็รู้สึกว่าตนเด็กลงมากทีเดียว
เพียงแต่ว่า…
ตอนนี้เย่ซิวตู๋ปราบกบฏแล้ว อีกทั้งเขายังมีความสามารถ ทั้งยังมีฮ่องเต้ให้ความสำคัญ เป็นที่จับตามองอยู่เพียงคนเดียว ตำแหน่งฮ่องเต้…เกรงว่าจะต้องตกเป็นของเขาเสียแล้ว
ถึงตอนนั้น หนานหนานก็จะเป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรม
ไทเฮาอยู่ในวังหลวงมาหลายปี พบพานประสบการณ์มามากมาย รู้ว่าภาระของการเป็นองค์ชายนั้นหนักหนาเพียงใด ในราชวงศ์ก็มีการต่อสู้ทั้งต่อหน้าและลับหลังมากมาย นางไม่อยากให้หนานหนานต้องพบเจอประสบการณ์เช่นนั้นไปด้วยเลยจริงๆ
แต่หนานหนานฉลาดเฉลียว หากในอนาคตเขาอยู่ในตำแหน่งนั้นจริง จะต้องเป็นมหาราชผู้หนึ่งเป็นแน่
เพียงแต่นิสัยมีชีวิตชีวาของเขา… เกรงว่าต่อไปคงจะไม่ได้เห็นแล้ว
ไทเฮาถอนพระทัย จนลวี่ฝูเป็นกังวลเล็กน้อย เมื่อครู่ยังพูดคุยกันอยู่ดีๆ เหตุใดสีหน้าจึงเปลี่ยนไปทันทีเช่นนี้
นางกำลังคิดจะกล่าวอันใดสักอย่างเพื่อให้ไทเฮาสบายพระทัย ด้านนอกกลับมีเสียงเหมียวเชียนชิวดังเข้ามา
“ฝ่าบาทเสด็จ”
ทันใดนั้นคนทั้งนอกและในตำหนักก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นทันที
ไทเฮาขมวดคิ้ว ฮ่องเต้สุขภาพไม่ดี เพิ่งจะจัดการกบฏทั้งสองอย่างองค์ชายสี่และองค์ชายเจ็ด ไม่พักผ่อนให้ดีๆ แต่เหตุใดกลับมาที่ตำหนักเสียงเหอที่ห่างไกลเช่นนี้ได้
นางรีบเดินไปข้างหน้าสองก้าว ฮ่องเต้ทำความเคารพนางแล้ว “เสด็จแม่”
“ไม่ต้องพิธีรีตองนัก เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร” ไทเฮาให้คนนำเบาะนุ่มมาวางบนเก้าอี้อีกสองชั้นทันที ให้เขานั่งลง
ฮ่องเต้สรวลครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ตรัสกับคนในตำหนัก “พวกเจ้าทั้งหมดออกไปก่อนเถิด”
ไทเฮาตกใจ ให้คนออกไปหมด นี่มีเรื่องใหญ่ต้องการหารือเช่นนั้นหรือ?
ตำหนักเสียงเหอเหลือเพียงพวกเขาสองแม่ลูกอย่างรวดเร็ว ไทเฮามองฮ่องเต้ ฮ่องเต้กลับดูลังเลขึ้นมา
ผ่านไปครู่ใหญ่เขาก็ถอนหายใจ กล่าวออกมา “เสด็จแม่ อดีตองค์รัชทายาทอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดตามตรง ไทเฮาได้ยินก็มีสีหน้าตกตะลึง ลุกขึ้นยืนทันที “เจ้า เจ้าหมายความว่า… ลูกแม่ เขา ถึงแม้เขาจะไม่ฉลาดนัก และทำความผิดไปบ้าง แต่เจ้าก็ปลดเขาแล้ว จับขังแล้ว เช่นนี้ยังไม่พอหรือ อย่างไรเสียเขาก็เป็นโอรสของเจ้า ไม่ได้ทำความผิดถึงกับต้องประหารเสียหน่อย”
ฮ่องเต้เม้มปาก จากนั้นก็นำเรื่องที่อดีตองค์รัชทายาทร่วมมือกับองค์ชายเจ็ด เกือบจะทำร้ายองค์ชายสามและพระชายา ทั้งยังจับตัวสวีโหรว ตัดนิ้วของนางเพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อ บังคับให้เย่หลานเฉิงหลอกหนานหนานเข้าสู่กับดัก ถึงขนาดสุดท้าย ก็ยังคิดจะปล่อยข่าวลือปฏิเสธสถานะของเย่หลานเฉิง บอกกล่าวแก่ไทเฮาทั้งหมด
ไทเฮานั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรงไปทั้งร่าง มองฮ่องเต้อย่างไม่อยากเชื่อ “ที่เจ้าพูด ที่เจ้าพูดล้วนเป็นความจริงหรือ”
“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เรื่องเหล่านี้มีแม่นางสวีและหลานเฉิงรู้แจ้งชัดเจนที่สุด ทุกวันนี้แม่นางสวียังคงมีร่างกายอ่อนแอได้แต่นอนอยู่บนเตียง เรื่องทั้งหมดนั้น เจ้าสามและภรรยาล้วนเห็นทั้งหมดกับตาตนเอง เสด็จแม่ทรงเรียกพวกเขากลับมา ถามดูก็จะรู้เองพ่ะย่ะค่ะ”
มุมปากของไทเฮากระตุกสองครั้ง เปิดปากออกมาสองสามครั้ง ไม่สามารถกล่าวอันใดออกมาได้เลย
“เสด็จแม่ เขาทำร้ายคนอื่นก็ช่างเถิด แต่แม่นางสวีเป็นชายาของเขา หลานเฉิงก็เป็นบุตรชายของเขา เขาไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของชายาและบุตรชาย ถึงขนาดใช้พวกเขาเป็นเหยื่อล่อ ช่างเกินกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก เสด็จแม่ต้องรู้ว่าตอนนั้นหลานเฉิงไม่ยอมทำร้ายหนานหนาน ถึงขนาดมีความคิดจะพาตนเองไปตายอย่างกล้าหาญ นำมีดสั้นติดตัวไปตามลำพัง เขาเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่อดีตองค์รัชทายาทกลับ… หากไม่ใช่เพราะหนานหนานฉลาด รู้สึกว่าหลานเฉิงผิดปกติไป นำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวแก่แม่นางอวี้ จึงไม่ได้ทำให้เกิดโศกอนาฏกรรม ไม่อย่างนั้น เกรงว่าตอนนี้เสด็จแม่คงจะไม่ได้พบหลานเฉิงและแม่นางสวีอีกก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮากุมพระเศียรอย่างผิดหวัง รู้สึกเพียงว่าความเย็นยะเยือกผุดขึ้นมาบนร่าง
อดีตองค์รัชทายาทเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้ ใช้ชายาและบุตรชายจัดการหนานหนานที่เป็นเด็กเพียงคนหนึ่ง ช่างไร้มโนธรรมสียจริงๆ
ไทเฮาเงียบไป ปวดพระเศียรเล็กน้อย
ตำหนักเสียงเหอเงียบไป ฮ่องเต้เองก็หยุดลง ไม่ได้เอ่ยอันใดอีก
ผ่านไปนานจึงได้มีเสียงแหบแห้งและแก่ชราของไทเฮาดังขึ้น “หรือว่า… จองจำไม่ได้แล้วหรือ จับเขาขังเอาไว้ ไม่สามารถไปที่ใดได้อีก ติดต่อใครก็ไม่ได้ ไม่มีอิสระ… หรือว่า หรือว่าให้เขาเป็นเหมือนองค์ชายเจ็ดและองค์ชายสี่ ขังไว้ในคุกหลวง ไม่สามารถออกไปทำร้ายใครอีกตลอดชีวิต”
ฮ่องเต้เม้มพระโอษฐ์ ยังคงเงียบ ถึงขนาดตอนที่ไทเฮาเงยหน้ามองเขา เขาจึงส่ายศีรษะอย่างหนักแน่น
ในใจไทเฮาโศกเศร้า “ลูกเอ๋ย อย่างไรเขาก็เป็นโอรสของเจ้า เจ้าสี่และเจ้าเจ็ดทำความผิดใหญ่เช่นนี้ เจ้าเองก็เพียงแต่ขังพวกเขาไว้ ข้ารู้ว่าเจ้าทนไม่ไหว อย่างไรหากโอรสตายไปทั้งสองคน เจ้าเองก็คงรับไม่ไหว แต่อดีตองค์รัชทายาทเองก็เช่นกัน… ทุกสิ่งที่เขาทำนั้นชั่วช้ายิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานก็จริง แต่เขาก็เป็นโอรสของฮองเฮา ฮองเฮาจะไม่เห็นด้วยเป็นแน่”
หยุดไปครู่หนึ่ง ไทเฮาก็นึกถึงเย่หลานเฉิง “นอกจากนี้ ถึงแม้อดีตองค์รัชทายาทจะโหดร้ายกับหลานเฉิง แต่หลานเฉิงเด็กคนนั้นก็จิตใจดี เจ้าก็เห็นแก่เขา…”
“เสด็จแม่” ฮ่องเต้ยืนขึ้นทันที กล่าวขัดนางด้วยสีหน้าจริงจัง “ก็เป็นเพราะเขาเป็นบิดาของหลานเฉิง ข้าจึงยิ่งไม่อยากจะปล่อยเขาไปพ่ะย่ะค่ะ”
“อะไร หมายความว่าอย่างไร” ไทเฮาตะลึง คำพูดนี้นางฟังแล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฮ่องเต้สูดหายใจเข้าลึกๆ เสียงกลับทุ้มต่ำลงมาก “อนาคตของหลานเฉิงจะต้องสืบทอดราชบัลลังก์ ไม่ว่าอดีตองค์รัชทายาทจะถูกขังหรือปล่อยตัว ก็ล้วนจะเป็นภาระ เขามีเพียงเส้นทางเดียวให้เดินเท่านั้น ก็คือต้องตายพ่ะย่ะค่ะ”
“ว่าอย่างไรนะ??!” ไทเฮาเงยหน้าขึ้นอย่างตกตะลึง อ้าปากค้าง “เมื่อครู่เจ้าว่าอย่างไร หลานเฉิง… สืบทอดราชบัลลังก์หรือ เจ้าคิดจะ…”
ฮ่องเค้พยักหน้า “หลานเฉิงจะต้องเป็นฮ่องเต้ ดังนั้นก่อนหน้านั้น ข้าจะต้องช่วยเขากำจัดขวากหนามบนเส้นทาง ต่อให้ขวากหนามนั้นจะเป็นบิดาของเขา เป็นบุตรของข้าก็ตามที”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คงเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว หากเฉิงๆ ไม่ได้เป็นฮ่องเต้ อดีตรัชทายาทก็ไม่น่าจะโดนโทษหนักขนาดนี้
ไหหม่า(海馬)