อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1072 ลงโทษอดีตไท่จื่อ
ตอนที่ 1072 ลงโทษอดีตไท่จื่อ
ตอนที่ 1072 ลงโทษอดีตไท่จื่อ
เมื่อเย่ซิวตู๋มาถึง เขาก็รีบถามนางอย่างกระวนกระวายว่าวันนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง ลูกสบายดีหรือไม่ และนางสบายดีหรือไม่
เยว่ซินที่อยู่ข้างหลังนางเม้มปากแล้วยกยิ้ม ก่อนหันหน้าไปทางอื่นเงียบ ๆ
เมื่อนึกได้ว่าตนถูกขังในตำหนักอีกครั้ง ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย นางจึงอดไม่ได้ที่จะจ้องมองเย่ซิวตู๋ แล้วถามว่า “ข้าจะออกไปได้เมื่อไหร่?”
เย่ซิวตู๋กระแอมเบา ๆ สองครั้ง อันที่จริงแม้ว่าเขาจะปิดประตูเพื่อป้องกันแขก แต่เหตุผลครึ่งหนึ่งก็เป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้อวี้ชิงลั่วออกไป
ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ เขาก็คิดถึงแต่เรื่องนี้ตลอดเวลา และไปที่สำนักหมอหลวงเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเขาได้ยินเรื่องการแท้งบุตรที่เกิดจากการถูกชน ถูกวางยา หรือสูดกลิ่นธูปโดยไม่ตั้งใจ รวมไปถึงการแท้งที่อธิบายไม่ได้ เย่ซิวตู๋ก็ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก
เมื่อนึกได้ว่าแม่นมเก๋อเคยเล่าว่าอวี้ชิงลั่วคลอดหนานหนานยากมาก เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เขาก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
เขาจึงเฝ้าบอกตัวเองในใจว่าห้ามปล่อยนางออกไป หรือปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุเด็ดขาด
แต่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ ที่จะเก็บนางไว้แต่ในห้องโดยไม่ให้ออกมา หมอหลวงกล่าวว่าจะเป็นการดีกว่าหากนางได้เคลื่อนไหวอย่างเหมาะสม เพื่อให้คลอดได้อย่างราบรื่น
เขาจึงคิดว่าขอบเขตพื้นที่ทำกิจกรรมที่ให้นางได้นั้น มากที่สุดคือบริเวณตำหนักอ๋องซิว
พื้นที่ในตำหนักก็นับว่ากว้างใหญ่เช่นกัน การเดินครึ่งวงกลมก็เพียงพอสำหรับการออกกำลังกายของนางแล้ว ส่วนนอกตำหนัก ถ้าออกไปไม่ได้ก็อย่าออกไป
แต่ตอนที่อวี้ชิงลั่วถามเขาแบบนี้ เขาก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรจริง ๆ
“ท่านปิดประตูไม่ให้แขกเข้า เพราะไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นมารบกวน เช่นนั้นข้าออกไปเองก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก” อวี้ชิงลั่วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเสนอขึ้นมา
“ไม่” เย่ซิวตู๋ปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็รู้สึกทันทีว่าตัวเองพูดเร็วเกินไปจึงรู้สึกผิดเล็กน้อย เขารีบอธิบายว่า “ตอนนี้เจ้าก็รู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ถ้าเจ้าออกไป คนเหล่านั้นต้องทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาเจ้า ไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ เมื่อถึงเวลาเกิดเหตุร้ายขึ้น แล้วไม่มีคนอยู่รอบตัวเจ้า เรื่องวุ่นวายก็จะเกิดขึ้น”
“แต่…” อวี้ชิงลั่วต้องการพูดมากกว่านี้ นางคิดว่าถ้าเช่นนั้นก็ให้จินหลิวหลีกับซวนหย่าอยู่ข้างนาง แม้ว่าสองคนนี้จะขี้เล่นไปหน่อย แต่พวกนางก็ยังเอาใจใส่ลูกในท้องของนางมาก หากต้องการให้พวกนางคอยติดตามไปด้วย ก็จะสามารถช่วยคุ้มครองให้ได้
แต่ก่อนที่นางจะทันได้พูดความคิดนั้นออกไป เย่ซิวตู๋ก็เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาด้วยหางตา แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “อย่างไรเสีย ข้าจะแนะนำคนให้เจ้ารู้จัก”
อวี้ชิงลั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เห็นคนที่อยู่ข้างหลังเย่ซิวตู๋เดินมาข้างหน้า แล้วโค้งคำนับทำความเคารพอวี้ชิงลั่ว “ถวายบังคมหวางเฟยเหนียงเหนียงพ่ะย่ะค่ะ”
หวางเฟยเหนียงเหนียง… ทันทีที่ได้ยินคำนั้น มุมปากของอวี้ชิงลั่วก็อดไม่ได้ที่จะกระตุก
ช่วงนี้ข่าวที่นางกับเย่ซิวตู๋แต่งงานกันในดินแดนเหมิงลือสะพัดกันในเมืองหลวง และยังมีราชโองการจากฮ่องเต้ว่าจะมีการจัดงานอภิเษกสมรสที่ยิ่งใหญ่ หลังจากเรื่องวุ่นวายสิ้นสุดลง ถึงตอนนั้นทุกคนต้องเฉลิมฉลองให้นางแน่
ตอนนี้คนภายนอกเรียกนางว่าซิวหวางเฟย เฉพาะคนที่ใกล้ชิดกับนางเท่านั้นที่ยังคงเรียกชื่อเดิมโนเวล-พีดีเอฟ
เมื่ออวี้ชิงลั่วเห็นว่ามีคนนอก นางจึงไม่พูดอะไรอีก นางแค่มองคนที่อยู่ข้างหน้านางด้วยความสงสัย และรู้สึกคุ้นหน้าเขา จากนั้นนางก็พูดว่า “ทำตัวตามสบายเถิด”
“ชิงเอ๋อร์ ข้ากำลังจะ…ไปดูอดีตไท่จื่อ ข้างนอกมีลมแรง เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด” เย่ซิวตู๋จับมือนางไว้ ทันใดนั้นก็ลดเสียงลง น้ำเสียงของเขาค่อนข้างจริงจัง
อวี้ชิงลั่วตกใจทันที ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองเย่ซิวตู๋ เขาพยักหน้าแล้วมองชายที่ตามเขามาในตอนนี้
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็จำเขาได้ และเข้าใจอยู่ในใจ
ดูเหมือนว่าวันเวลาของอดีตไท่จื่อจะสิ้นสุดลงแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องชดใช้ด้วยชีวิตแล้ว
นางหยุดพูดเรื่องขอออกจากตำหนัก นางแค่เม้มปากแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ก็ได้ ข้าจะกลับไปก่อน ตอนนี้หนานหนานน่าจะรู้เรื่องหลานเฉิงแล้ว เขาน่าจะกลับมาหาข้า หากท่านมีเรื่องต้องทำก็ไปทำเถิด”
สำหรับชะตากรรมของอดีตไท่จื่อ นางก็อยากเห็นมากเช่นกัน สุดท้ายคนผู้นั้นก็คลั่งไคล้นางสนมและทำลายภรรยาตัวเอง ช่างโหดร้ายและเห็นแก่ตัวนัก นางอยากจะทรมานเขาจริง ๆ แต่…
อวี้ชิงลั่วลูบท้องตัวเอง ช่างเถิด ลูกยังเด็กนัก นางไม่ควรปล่อยให้ลูกเห็นการนองเลือดไปมากกว่านี้
เย่ซิวตู๋หัวเราะ จากนั้นหยิบเสื้อคลุมที่เยว่ซินส่งมาพันรอบตัวนาง หลังจากผูกให้นางแล้วก็พูดว่า “ข้าเกรงว่าเจ้าตัวเล็กหนานหนานคงอารมณ์ดีไม่ดีนัก หลังจากรู้ว่าตัวเองได้เสียเพื่อนเล่นไป เจ้าปลอบเขาหน่อยแล้วกัน”
“ได้เลย”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า จากนั้นเดินออกจากศาลาพร้อมแม่นมเซียวและเยว่ซิน นางเดินกลับตำหนักอย่างแช่มช้าสบายอารมณ์
เย่ซิวตู๋มองแผ่นหลังของนางอยู่พักหนึ่ง สักพักคนที่อยู่ข้างเขาก็ยิ้มและพูดว่า “ท่านอ๋องและหวางเฟยรักกันสุดหัวใจ เสี่ยวซื่อจื่อก็ฉลาดและน่ารัก ตอนนี้ก็จะมีนายน้อยคนใหม่ในไม่ช้า คนทั้งเมืองหลวงต้องอิจฉาท่านยิ่งนัก”
เย่ซิวตู๋เหลือบมองเขา แต่ก็พอใจกับคำพูดของเขามาก
แม้ว่าอาจจะฟังดูประจบสอพลอ แต่มันก็เป็นคำชมภรรยาและลูก ๆ ของเขา ซึ่งเย่ซิวตู๋คิดว่า… มันเป็นคำพูดที่ดี
เขาให้รางวัลแก่เขาเป็นเงินชิ้นหนึ่ง จากนั้นสะบัดแขนเสื้อเดินออกจากศาลา “ไปกันเถอะ ได้เวลาไปหาเขาแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” ชายคนนั้นรับเงินด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วเดินตามเย่ซิวตู๋ไป
อดีตไท่จื่อถูกขังไว้ตามลำพังในเรือน ที่ตอนนี้มีเหวินเทียนคอยเฝ้าอยู่
เมื่อเห็นว่าเย่ซิวตู๋มาแล้ว เขาก็รีบปรากฏตัวขึ้นเพื่อทำความเคารพ
“ทุกวันนี้เขาทำตัวดีหรือเปล่า?” เย่ซิวตู๋ถาม
เมื่อเหวินเทียนเห็นคนที่ตามเย่ซิวตู๋มาด้วยก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าและพูดว่า “ทำตัวดีมากพ่ะย่ะค่ะ กินอาหารที่นำไปให้จนหมดเกลี้ยง แต่บางครั้งก็ก่นด่าบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจก็ได้แต่นอนพักผ่อน”
เย่ซิวตู๋ส่งเสียง “อืม” แล้วเดินเข้าไปข้างใน
ทว่าเมื่อเขาไปถึงประตูห้อง จู่ ๆ เขาก็หยุดฝีเท้า แล้วพูดกับคนที่อยู่ข้างหลังเขาว่า “เปิ่นหวางต้องการเข้าไปคุยกับเขาตามลำพังสักสองสามคำ ขอเวลาสักพักคงไม่เป็นอะไร”
ชายคนนั้นตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบหัวเราะและพูดว่า “แล้วแต่จะโปรดเลยพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายต้องการจะพูดอย่างไร ก็พูดไปเถิด ใช้เวลาให้เต็มที่ กระหม่อมจะรออยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซิวตู๋ให้ขยิบตาให้เหวินเทียน เหวินเทียนก็ยิ้มทันที แล้วพาชายคนนั้นออกไปเรือนเพื่อดื่มชา
จากนั้นเย่ซิวตู๋ก็เอื้อมมือออกไปผลักประตู
แสงใน้ห้องมืดสลัว หน้าต่างทุกบานปิดสนิท ภายในห้องมีกลิ่นสาบโชยคลุ้ง
กลางห้องมีอดีตไท่จื่อที่ถูกใส่ตรวนข้อเท้าไว้ เพื่อให้เขาเคลื่อนที่ได้ในระยะจำกัดเท่านั้น ไม่อาจไปไหนได้ไกล
ทันทีที่แสงจากภายนอกส่องเข้ามา เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความแสบตาและยกมือขึ้นกั้นแสง
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลดมือลง และมองไปยังคนที่ยืนอยู่หน้าประตู
รูม่านตาเริ่มขยายช้า ๆ ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน แล้วกระโจนเข้าหาเย่ซิวตู๋อย่างดุร้าย
“เจ้าคนสารเลว เปิ่นไท่จื่อจะฆ่าเจ้า”
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ตั้งแต่ตั้งท้องลูกคนนี้ ท่านอ๋องก็แทบจะถนอมชิงลั่วแบบไข่ในหินเลยนะเจ้าคะ