อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1075 เจ้าเด็กสุรุ่ยสุร่ายคนนี้
ตอนที่ 1075 เจ้าเด็กสุรุ่ยสุร่ายคนนี้
ตอนที่ 1075 เจ้าเด็กสุรุ่ยสุร่ายคนนี้
แม้ตู้กงกงจะอยู่ในวังหลังตลอดทั้งปี แต่กำลังมือของเขาก็แข็งแกร่งมากขณะที่บีบคางของอดีตไท่จื่อ ต่อให้ฝ่ายหลังจะดิ้นรนอย่างหนักก็เปล่าประโยชน์
ไม่สิ เป็นเพราะเขาไม่มีเรี่ยวแรงเลยต่างหาก
ทุกวันนี้เขากินข้าวไม่อร่อยเลย ต่อให้เขาจะไม่หิว สภาพอาหารก็ย่ำแย่มากอยู่แล้ว ในตอนนี้เขาจะมีแรงขัดขืนกำลังมือของตู้กงกงได้อย่างไร
เขาส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง พยายามหลบจอกใส่สุราพิษ
แต่หลังจากพยายามหลายครั้งก็พบว่ามันไร้ประโยชน์ ตู้กงกงกรอกสุราในจอกอีกสองสามครั้ง สุราทั้งหมดก็ถูกกรอกลงในท้องของเขา
ทันทีที่ตู้กงกงปล่อยมือ อดีตไท่จื่อก็สำลักอย่างสิ้นหวัง กุมลำคอตัวเองอย่างรุนแรงทั้งน้ำตา
“ไม่ ข้าไม่อยากตาย แค่กๆ ข้าตายไม่ได้… สวีโหรว โหรวเอ๋อร์ รีบมาเร็ว มาเร็วเข้า…” เขาหวาดกลัวสุดขีด สุราเข้าไปในท้องของเขาแล้ว แต่มันไม่ได้ทำให้เขาตายทันที
เมื่อรู้ว่าความตายกำลังจะมาเยือน เขาก็ยิ่งหวาดกลัว
ตู้กงกงย่อตัวลงอย่างไร้ความรู้สึก แล้วเก็บเศษจดหมายที่อดีตไท่จื่อฉีกทิ้งขึ้นจากพื้น สิ่งต่าง ๆ ที่ฮองเฮาส่งมาจะต้องถูกส่งคืน
อดีตไท่จื่อดูเหมือนยังคงดิ้นรนที่จะมีชีวิตต่อ เขาไม่สนใจตู้กงกงหรือเย่ซิวตู๋ เอาแต่กุมลำคอ ปากยังคงพร่ำเรียกชื่อของสวีโหรว ราวกับว่าหากเขาพูดอีกสองสามครั้ง สตรีคนนั้นก็จะปรากฏตัวต่อหน้าเขา
เขาเสียใจ เสียใจเหลือเกิน หากมีโอกาสอีกครั้ง เขาจะปฏิบัติต่อนางอย่างดี จะรับฟังนาง จะทำทุกอย่างที่นางขอให้เขาทำ และจะไม่ตัดนิ้วของนางแน่นอน
“สวีโหรว สวีโหรว… เจ้าอยู่ที่ไหน?” เขาตะโกนด้วยความสิ้นหวัง กุมลำคอขณะลงไปดิ้นบิดตัวเร่าไปมาบนพื้น
แต่สุดท้ายมันก็ยังไร้ประโยชน์ เขารู้สึกว่าร่างกายของตนผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็รู้สึกว่าทั้งร่างอ่อนระทวย ราวกับว่ากำลังล่องลอยอยู่
ตู้กงกงหยิบเศษจดหมายขึ้นมาจนครบแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็เห็นอดีตไท่จื่อนอนเบิกตากว้างไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนพื้น
แววตาคู่นั้นตื่นตระหนกยิ่ง ดูเหมือนรู้ตัวว่าตนเองกำลังจะตาย
ตู้กงกงเพียงแค่เหลือบมอง จากนั้นหันไปหาเย่ซิวตู๋ “ท่านอ๋องซิว กระหม่อมต้องกลับไปรายงานไทเฮา ขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ”
“ขันทีไปเถิด” เย่ซิวตู๋ส่งเขาออกจากเรือน โดยสั่งให้พ่อบ้านหยางพาเขากลับไปที่วัง ส่วนเขาก็กลับไปที่ห้อง แล้วมองอดีตไท่จื่อที่นอนอยู่บนพื้น ดวงตาของเขาพลันมืดมน
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็อธิบายสองสามคำกับเหวินเทียน จากนั้นก็เดินจากไป
อดีตไท่จื่อตายแล้ว เขาสมควรได้รับสิ่งที่เขาสมควรได้รับ เย่ซิวตู๋เข้าใจว่าไทเฮากำลังคิดอะไร นั่นก็คือนางไม่ต้องการให้หลานเฉิงแค้นเคืองเขา
ตอนนี้เรื่องได้รับการแก้ไขแล้ว หลานเฉิงได้กลายเป็นไท่จื่อ และพ่อของเขาก็ได้ไปพักผ่อนแล้ว ในอนาคตเมื่อหลานเฉิงสามารถดูแลหน้าที่ของตัวเองได้ เขาก็จะสามารถปลดภาระอันหนักอึ้งบนบ่าได้ และได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจกับภรรยาและลูก ๆ
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ เย่ซิวตู๋ก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้น และก้าวเดินช้าลงมาก
เมื่อเดินไปถึงตำหนักของอวี้ชิงลั่ว เขาก็ได้ยินเสียงร้องของหนานหนานดังมาแต่ไกล
“ท่านแม่ เสี่ยวเฉิงเฉิงกลายเป็นไท่จื่อ และเขากลายเป็นไท่จื่อแล้วจริง ๆ สุดยอดไปเลย อืม แต่ข้าก็คิดว่าเสี่ยวเฉิงเฉิงเป็นคนที่มีความสามารถ ข้ามีสายตาดีมาโดยตลอด คนที่ข้าโปรดปรานย่อมโดดเด่นขึ้นมาในสักวันหนึ่ง”
หนานหนานกำลังกระโดดโลดเต้น เขาเพิ่งกลับมาจากข้างนอก เขารีบกลับบ้านทันทีหลังจากได้ยินว่าเย่หลานเฉิงได้เป็นไท่จื่อ และยังคงถือกลองป๋องแป๋งอยู่ในมือ
ทันทีที่เย่ซิวตู๋เข้าประตูมา เขาก็เห็นเจ้าตัวเล็กนอนอยู่บนโต๊ะ และดิ้นไปมาโดยไม่หยุดพัก
โชคดีที่เขารู้ว่าตนไม่สามารถเข้าใกล้อวี้ชิงลั่วมากเกินไป เกรงว่ามือและเท้าของเขาจะเผลอไปกระทบกระเทือนนางเข้า
ตั้งแต่เด็กน้อยคนนี้รู้ว่าชิงเอ๋อร์กำลังตั้งท้องลูกอีกคนหนึ่ง เขาก็ออกไปวิ่งข้างนอกทุกวัน และเริ่มซื้อของอย่างเมามัน จากนั้นก็กลับตำหนักมา
เพียงแค่กลองป๋องแป๋ง เขาก็ซื้อมามากกว่าสิบอันแล้ว โดยบอกว่าทั้งหมดนั้นสำหรับน้องสาวของเขา
เย่ซิวตู๋มีลางสังหรณ์อยู่แล้วในขณะนี้ หากเด็กในท้องของอวี้ชิงลั่วเป็นเด็กหญิงจริง ๆ ก็คงถูกหนานหนานจอมซนทำให้เสียนิสัยแน่นอน เด็กคนนี้ถึงกับยอมควักเงินส่วนตัวทั้งหมดที่เขาลังเลที่จะใช้ซื้อของให้
“ท่านแม่ เช่นนั้นต่อไปข้าก็ไม่อาจเล่นกับเสี่ยวเฉิงเฉิงได้อีกแล้วหรือขอรับ?” หนานหนานกำลังตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นก็นึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าเล็กน้อย “เขาต้องเป็นไท่จื่อ มีหน้าที่ดูแลบ้านเมือง คงไม่มีเวลาเป็นแน่ น่าสงสารนัก”
“อะแฮ่ม” ในที่สุดเย่ซิวตู๋ก็เดินเข้ามา การได้เป็นไท่จื่อนั้นเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่เจ้าเด็กน้อยนี่เอาแต่บอกว่าเขาน่าสงสาร เฮ้อ
หนานหนานหันหน้ามาชำเลืองมองเขา แล้วแสร้งทำเป็นลุกจากโต๊ะ จากนั้นโค้งคำนับและพูดว่า “ขอแสดงความยินดีกับท่านพ่อที่ได้เป็นอุปราช แต่ข้าไม่มีความประทับใจที่ดีต่ออุปราชขอรับ”
เมื่อนึกถึงซ่างกวนจิ่น หนานหนานก็มองบิดาตัวเองด้วยสายตาแปลก ๆ อย่างอธิบายไม่ถูก
มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุก ก่อนจะก้าวเข้าไปเขกศีรษะเขา “ไม่ว่าข้าจะเป็นอะไร ข้าก็เป็นพ่อของเจ้าอยู่ดีนั่นแหละ”
หนานหนานวิ่งกุมศีรษะไปอยู่ข้างอวี้ชิงลั่ว แล้วเริ่มฟ้อง “ท่านแม่ ท่านพ่อทำไม่ดีกับข้าขอรับ”
อวี้ชิงลั่วชำเลืองมองเขาด้วยรอยยิ้ม นางไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างพ่อลูก เพียงแค่จับมือของหนานหนานและพูดว่า “แม้ว่าหลานเฉิงจะกลายเป็นไท่จื่อ แต่ภาระของเขาก็หนักเช่นกัน ตอนนี้เขาต้องดูแลบ้านเมือง เขาจึงยุ่งมากจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะยุ่งเพียงใด เขาก็ยังต้องพักผ่อนเมื่อควรจะพักผ่อน และผ่อนคลายเมื่อควรจะผ่อนคลาย เจ้าก็แค่เข้าวังไปเป็นครั้งคราวเพื่อพูดคุยกับเขา ปล่อยให้เขาพักผ่อนตามสมควร อย่าให้เขากดดันตัวเองมากเกินไป”
หนานหนานพยักหน้าทันที “ข้ารู้แล้วขอรับ ข้ารู้ว่าความสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อนคืออะไร หลังจากที่ท่านให้กำเนิดน้องสาวของข้า ข้าก็สามารถอุ้มน้องสาวของข้าไปหาเสี่ยวเฉิงเฉิงได้ อ๊ะ ใช่แล้ว เมื่อถึงเวลา ข้าจะให้เสี่ยวเฉิงเฉิงแต่งตั้งน้องสาวของข้าให้เป็นหญิงงามที่สุดในโลก”
“…” ทั้งอวี้ชิงลั่วและเย่ซิวตู๋ต่างพูดไม่ออก เด็กยังไม่ทันเกิด แต่เขาคิดไปไกลได้ถึงเพียงนั้นแล้วหรือ?
“อ๊ะ ใช่แล้ว ท่านแม่ ข้าใช้เงินไปเกือบหมดแล้ว ขอบัญชีแต่งภรรยาที่ข้าเคยฝากไว้ก่อนหน้านี้ให้ข้าหน่อยขอรับ ข้าต้องการนำไปซื้อของให้น้องสาวขอรับ”
“…” อวี้ชิงลั่วตกตะลึง และจ้องมองหนานหนานอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่แล้ว เจ้าเพิ่งบอกว่า… เจ้าใช้เงินไปเกือบหมดแล้วงั้นหรือ? เจ้าซื้ออะไรมาถึงได้ใช้ไปเกือบหมด?”
เสิ่นอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ได้ไปซื้อของกับเขามาทั้งวันกระแอมเบา ๆ เขารู้สึกค่อนข้างลำบากใจที่จะพูดว่า “หนานหนาน… ซื้อของมากมายจริง ๆ ทำให้ใช้เงินไปจำนวนมากพ่ะย่ะค่ะ”
แม้แต่เสิ่นอิงก็ยังพูดเช่นนั้น? แต่ แต่หนานหนานมีเงินส่วนตัวอยู่เท่าใด อวี้ชิงลั่วยังคงคลางแคลงใจ
นางมองหนานหนานด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วถามอย่างจริงจังว่า “บอกแม่มาสิ เจ้าซื้ออะไรมาบ้าง?”
“โอ้” หนานหนานเริ่มนับนิ้ว “มีกู่เจิงและกู่ฉินสองอันที่ว่ากันว่าสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ ทำให้พวกมันมีค่ามาก ข้าคิดว่าน้องของข้าต้องเป็นสตรีแน่ ดังนั้นข้าจึงซื้อมันเพื่อให้นางไว้ใช้ฝึกฝน แล้วน้องสาวของข้าก็ต้องเรียนศิลปะป้องกันตัวด้วย เพื่อที่นางจะได้ไม่ถูกรังแก ข้าจึงซื้อมีดสั้นสองสามเล่มให้นาง ซึ่งทั้งหมดฝังด้วยอัญมณีสวยงามมาก และเมื่อน้องสาวของข้าจะแต่งงานในอนาคต ข้าได้ยินมาว่าสตรีต้องมีสินเดิมเมื่อแต่งงาน ข้าจึงไปถามเยว่ซินว่าต้องใช้อะไรบ้าง เยว่ซินบอกว่าสินเดิมนั้นรวมถึงที่ดินบางส่วน ข้าจึงซื้อที่ดินบางส่วนให้นาง และ…”
“…” อวี้ชิงลั่วเกือบจะเป็นลมเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้าเด็กสุรุ่ยสุร่ายคนนี้
……………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หนานหนานเอ๊ย จะสายเปย์เกินไปแล้วนะลูก เกิดน้องไม่ใช่ผู้หญิงขึ้นมาจะว่ายังไงคะ
ไหหม่า(海馬)