อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1078 คนที่ทำให้นางรู้สึกผิดมากที่สุด
ตอนที่ 1078 คนที่ทำให้นางรู้สึกผิดมากที่สุด
ตอนที่ 1078 คนที่ทำให้นางรู้สึกผิดมากที่สุด
เมื่อหลีจื่อฟานลงจากรถม้า เขาก็ถูกหนานหนานที่พุ่งเข้ามาหาชนจนเกือบล้ม
เขารีบทรงตัวให้มั่นคง เมื่อเห็นเด็กน้อยกำลังจ้องมองเขาด้วยดวงตาเป็นประกาย และมีท่าทางกระตือรือร้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านอาหลี ท่านมาแล้ว รีบเข้ามา รีบเข้ามาเถิดขอรับ” หนานหนานคว้ามือหลีจื่อฟานทันที แล้วเดินเข้าไปข้างใน ทิ้งผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายไว้ตามลำพัง
มุมปากของผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายกระตุก เจ้าตัวเล็กคนนี้
หลีจื่อฟานแปลกใจมาก หนานหนานเป็นอะไร? จากนั้นก็มองไปยังผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายโดยไม่รู้ตัว และเห็นเพียงชายชราร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่กำลังหันหลังให้เขา
แต่ก่อนที่หลีจื่อฟานจะทันได้ถาม หนานหนานก็จูงมือเขาเข้าไปในตำหนักอ๋องซิวแล้ว
หนานหนานปิดปากเงียบตลอดทาง จนกระทั่งไปถึงประตูห้องโถงด้านหน้า ในที่สุดก็หยุดฝีเท้าและปล่อยมือเขา
หลีจื่อฟานเอ่ยหยอกเย้า “เหตุใดรู้สึกเหมือนมีคนตามหลังเจ้ามา”
หนานหนานกระแอมเบา ๆ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง “ท่านอาหลี เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?”
“ข้ามาที่นี่เพื่อมาหาท่านอ๋อง”
หนานหนานเอียงศีรษะ แล้วพูดอย่างลำบากใจ “แต่ท่านพ่อไม่อยู่ที่นี่ เขาบอกเมื่อเช้าว่าเขาจะไปหาท่านอาหก แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขายังอยู่ที่ตำหนักของท่านอาหกอยู่หรือไม่”
หลีจื่อฟานชะงักไปครู่หนึ่ง “ไม่อยู่ที่นี่หรือ? ช่างเถิด ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พรุ่งนี้เช้าข้าค่อยบอกเขาก็แล้วกัน”
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สถานการณ์ในราชสำนักเพิ่งมีเสถียรภาพ ในฐานะเสนาบดีฝั่งขวา หลีจื่อฟานก็ได้ติดต่อกับเย่ซิวตู๋อย่างใกล้ชิด และทั้งสองสื่อสารกันบ่อยมาก ไม่ใช่แค่หนหรือสองหนที่พวกเขามาหารือกันที่ตำหนัก
ในอดีตเขามักเจอเย่ซิวตู๋โดยบังเอิญ แต่วันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
หลีจื่อฟานพูดจบก็หันหลังเตรียมเดินจากไป
ทว่าหลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว จู่ ๆ เขาก็หยุดนิ่ง เม้มปากและดูลังเลเล็กน้อย สายตาค่อย ๆ เบนไปมองทางซ้าย ตรงนั้นเป็นที่ตั้งของสวนหลังตำหนักอ๋องซิว
หนานหนานเอียงศีรษะมองหลีจื่อฟานด้วยความสงสัย
“ท่านอาหลี ท่านเป็นอะไรหรือเปล่าขอรับ?”โนเวล-พีดีเอฟ
“แม แม่ของเจ้าอยู่ที่นั่นหรือไม่?” ขณะถามประโยคนั้น หลีจื่อฟานก็รู้สึกว่าเสียงตัวเองแหบแห้ง และอึดอัดใจเล็กน้อย
หนานหนานพยักหน้า “อยู่ขอรับ เมื่อครู่นี้ข้ายังคุยกับท่านแม่อยู่ ท่านแม่กำลังเย็บเสื้อผ้าให้น้องชายของข้าในท้อง”
น้องชายในท้อง… เย็บเสื้อผ้า…
หลีจื่อฟานหรี่ตาลง ล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาจากข้างใน กระเป๋าเงินนั้นบอบบางมาก ลวดลายบนกระเป๋านั้นละเอียดประณีตยิ่งนัก
เพียงแต่มันดูเก่าไปหน่อย มันคงถูกลูบคลำอยู่เสมอจึงดูเก่า
หนานหนานเห็นแล้วก็ดวงตาเป็นประกาย “ลายปักบนกระเป๋าใบนี้สวยมากขอรับ” เมื่อเทียบกับฝีมือการปักของแม่ มันช่างต่างกันราวฟ้ากับเหวจริง ๆ
หลีจื่อฟานชะงักและรีบเก็บกระเป๋าเงิน แต่เมื่อเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นระคนสงสัยของหนานหนาน เขาก็นิ่งงันไปอีกครั้ง จากนั้นหยิบกระเป๋าเงินออกมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแห้ง แล้วเปิดมันออก
มีจี้หยกประณีตอยู่ในกระเป๋า มันดูไม่มีมูลค่ามากนัก แต่จะเห็นได้ว่าเจ้าของจี้หยกหวงแหนมันยิ่งนัก
หลีจื่อฟานลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงหยิบจี้หยกออกมาส่งให้หนานหนาน “นี่สำหรับเจ้า”
“อ๊ะ?” ให้เขาเนื่องในโอกาสอะไร?
หนานหนานรับจี้หยกมาแล้วมองซ้ายขวา แน่นอนว่าเขารู้ว่าจี้หยกนี้มีมูลค่าไม่มาก แต่เมื่อเห็นว่าหลีจื่อฟานจริงจังกับมันมาก เขาก็รู้ว่าจี้หยกชิ้นนี้ต้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง
“ข้าซื้อจี้หยกนี้เมื่อหลายปีก่อน ข้าอยากจะให้ แต่ก็ยังไม่เคยให้เสียที ตอนนี้… ข้าให้มันกับเจ้าได้ ถือว่าเป็นคำสัญญาจากข้าก็แล้วกัน”
หนานหนานประหลาดใจกว่าเดิม “สัญญาอะไรขอรับ?”
“จะรักษาสัญญา… ว่าจะปกป้องเจ้าไปตลอดชีวิต” หลีจื่อฟานพูดด้วยเสียงแหบพร่า “เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก”
หนานหนานตกใจมาก เหตุใดจู่ ๆ ท่านอาหลีถึงพูดเรื่องจริงจังเช่นนี้ออกมา? ยิ่งกว่านั้นคือเขาสับสนและไม่เข้าใจเลย
เขารีบส่งจี้หยกคืนไป “ท่านอาหลี ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกขอรับ ท่านไม่ต้องนำมาให้ข้าหรอก”
“เจ้ารับไปเถิด ถ้าเจ้าไม่ต้องการมัน ก็… ถือว่าเป็นของขวัญจากข้าสำหรับน้องที่ยังไม่เกิดของเจ้า เจ้ารับมันไว้ให้ก่อน ได้หรือไม่?” หลีจื่อฟานเก็บกระเป๋าเงินอีกครั้ง แววตาของเขามุ่งมั่น
หนานหนานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ผลักไสมันออกไปอีก
เมื่อเขากลับมารู้สึกตัว หลีจื่อฟานก็เดินออกจากห้องโถงด้านหน้า และเดินไปยังประตูตำหนักแล้ว
หนานหนานยังคงยืนอยู่ที่เดิม คิ้วเล็ก ๆ ของเขาขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าจี้หยกในมือของเขาเย็น แต่เขากลับรู้สึกร้อนเล็กน้อย
เวลาผ่านไปทีละนิด ครึ่งชั่วยามต่อมา หนานหนานก็หันหลังวิ่งไปยังตำหนักของอวี้ชิงลั่ว
สาลี่หั่นชิ้นบนโต๊ะถูกกินไปแล้ว แม่นมเก๋อและแม่นมเซียวไม่อยู่ที่นั่น มีเพียงหงเย่เท่านั้นที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อจัดด้ายให้อวี้ชิงลั่ว
เมื่อเห็นหนานหนานกลับมา อวี้ชิงลั่วก็เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าไม่ได้ไล่เขาออกไปจริง ๆ ใช่หรือไม่?”
หนานหนานไม่ตอบ เพียงปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ข้างนาง แล้ววางจี้หยกในมือลงบนโต๊ะ
อวี้ชิงลั่วตกตะลึง “หือ? ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายมอบจี้หยกนี้ให้เจ้าหรือ? มันมีความหมายอะไรหรือไม่?”
“ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายไม่ได้มอบให้ข้า แต่เป็นท่านอาหลีที่เพิ่งมาเมื่อครู่นี้ เขามอบมันให้ข้า แล้วพูดอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ได้”
เมื่อได้ยินคำว่าหลีจื่อฟาน มือของอวี้ชิงลั่วก็หยุดไปครู่หนึ่ง หลังจากเงียบไปสักพัก นางก็เงยหน้าขึ้นพูดกับหงเย่ว่า “เจ้าไปบอกในครัวให้เตรียมอาหารกลางวัน ทำของโปรดของหนานหนานเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง”
หงเย่ฉลาดเฉลียว ฟังแล้วเข้าใจทันที จึงรีบวางด้ายลงบนโต๊ะแล้วจากไป
จากนั้นอวี้ชิงลั่วก็ถามหนานหนานอย่างตั้งใจว่า “เสนาบดีฝั่งขวาพูดอะไรที่อธิบายไม่ได้? พูดว่าอะไรบ้าง?”
หนานหนานคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเล่าให้นางฟังทันทีว่าหลีจื่อฟานพูดอะไร
ยิ่งอวี้ชิงลั่วฟังมากเท่าไร คิ้วของนางก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นเท่านั้น และหัวใจของนางก็เหมือนถูกบีบอย่างรุนแรง
จะบอกว่าในโลกนี้ คนที่ทำให้นางรู้สึกผิดและอยากทำร้ายให้น้อยที่สุดก็คือหลีจื่อฟาน
คนผู้นั้นรักอวี้ชิงลั่วมากจริง ๆ ที่เขากลายเป็นเสนาบดีฝั่งขวา คอยช่วยเหลือเย่ซิวตู๋และกำจัดอวี๋จั้วหลิน ทั้งหมดเป็นเพราะอวี้ชิงลั่วคนเดิม
แต่อวี้ชิงลั่วที่เขารักนั้นตายไปแล้ว และไม่อาจหวนคืนกลับมาอีก
ทว่าสิ่งที่เขาบอกกับหนานหนานนั้น หมายความว่าเขาจะปกป้องอวี้ชิงลั่วไปตลอดชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าใบนั้นหรือจี้หยกชิ้นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะอวี้ชิงลั่ว
นางจะยอมรับคำสัญญาอันหนักหน่วงเช่นนี้ได้อย่างไร? นางไม่ใช่คนที่เขารัก และนางไม่เคยรักเขาเลย
แต่ความรักของเขาเป็นเพียงความเงียบ เขาไม่เคยร้องขอสิ่งตอบแทนอะไรจากนางเลย
เมื่อเทียบกับซ่างกวนจิ่นแล้ว หลีจื่อฟานมีคุณสมบัติในการพิชิตใจอวี้ชิงลั่วมากกว่า อย่างไรเสียความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของพวกเขาก็คือชายหญิงที่รักกัน
เพียงแต่เขาไม่ได้เอ่ยออกมา เขาอุทิศตนเพื่อปกป้องนาง หนานหนาน และแม้แต่ตำหนักอ๋องซิวอย่างสุดหัวใจ
เขาไม่ขอสิ่งใดตอบแทน แต่เมื่อใดก็ตามที่นางต้องการเขา เขาจะไม่ละความพยายามที่จะหาทางช่วย
เขาเชื่อใจนางอย่างไม่มีเงื่อนไข แม้แต่เชื่อใจเย่ซิวตู๋โดยไม่ต้องพูดอะไร แต่พวกเขา… พวกเขาไม่สามารถให้อะไรเขาได้ และยังกดดันความสามารถและทักษะของเขาโดยไม่รู้ตัวด้วย
……………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ถึงเวลาปล่อยเสนาบดีฝั่งขวาออกจากพันธนาการที่จองจำหัวใจไว้ตลอดหลายปีแล้วค่ะ ได้เวลาปล่อยให้เขามูฟออนแล้ว
ไหหม่า(海馬)