อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1079 เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว
ตอนที่ 1079 เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว
ตอนที่ 1079 เจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว
เมื่ออวี้ชิงลั่วคิดถึงเรื่องนี้ ขอบตาของนางก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ความรู้สึกผิดฝังลึกอยู่ในใจของนาง เป็นความรู้สึกผิดที่มีมาตลอดตั้งแต่ได้เจอกับหลีจื่อฟาน ในที่สุดมันก็พรั่งพรูออกมาเมื่อนางเห็นจี้หยกชิ้นนี้ในวันนี้
นางปล่อยให้เขาช่วยพวกเขาในราชสำนักต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหวังว่านางจะมีตอนจบที่ดีและมีชีวิตที่ดี
นางไม่ควรปล่อยให้เขาจับตาดูตัวนางเองที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ทั้งป้องกันลูกชายของนาง ป้องกันสามีของนาง และพยายามอย่างเต็มที่โดยลดคุณค่าของตัวเองลง
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปขอรับ?” หนานหนานรู้สึกว่าสีหน้าของแม่แปลกไปมาก จึงก้าวเข้าไปหาอย่างกระวนกระวายทันที “ท่านแม่ ท่านไม่สบายหรือขอรับ?”
“ไม่มีอะไร แม่สบายดี” อวี้ชิงลั่วรีบเงยหน้าขึ้นยิ้มให้หนานหนาน
นางแค่รู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป
“หนานหนาน” อวี้ชิงลั่วเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้นมองหนานหนานด้วยสายตากังวล และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “จี้หยกชิ้นนี้สำคัญมากสำหรับท่านอา เราไปคืนให้เขากันเถอะ “
หนานหนานพยักหน้าทันที เขาเองก็รู้สึกว่าท่านอาหลีมองจี้หยกด้วยสีหน้าผูกพันอย่างชัดเจน
“เช่นนั้นท่านแม่ ข้าไปเอง ท่านอยู่บ้านเฉย ๆ เถิดขอรับ”
“แม่ไปด้วย แม่จะไปจับชีพจรเขา ไม่รู้ว่าเขากินยาที่แม่ให้ครั้งสุดท้ายไปหรือเปล่า ท่านอาหลีไม่ค่อยสบายมาพักหนึ่งแล้ว และช่วงนี้เขายุ่งมาก แม่จึงจะไปหาเขาอีกครั้ง” จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่นางกับเขาได้พบกันก่อนไปดินแดนเหมิง ตอนนั้นร่างกายของหลีจื่อฟานแย่มาก
แม้ว่านางจะให้ยาที่ดีแก่เขา แต่เขาก็ยังต้องดูแลตัวเองให้ดี
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ แต่ข้าเพิ่งไปเจอท่านอาหลีจื่อฟานมา ข้าคิดว่าสีหน้าของเขาค่อนข้างดี”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้าและพาหนานหนานลุกขึ้น
ทั้งสองไปรับประทานอาหารกลางวันที่โถงบุปผาก่อน จากนั้นก็เรียกรถม้ามา อวี้ชิงลั่วและหนานหนานพาหงเย่ไปที่จวนเสนาบดีฝั่งขวาด้วยกัน
จวนของเสนาบดีฝั่งขวานั้นสะอาดและเงียบสงบ เช่นเดียวกับบุคลิกของหลีจื่อฟาน อ่อนโยนและสงบเสงี่ยม
เมื่อคนรับใช้เห็นพวกเขา ก็รีบเข้าไปในจวนเพื่อรายงานหลีจื่อฟาน
ไม่นานหลังจากที่อวี้ชิงลั่วและคนอื่น ๆ ลงจากรถ หลีจื่อฟานก็รีบวิ่งไปหา
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว ดวงตาของหลีจื่อฟานก็สว่างสดใสขึ้นทันที นัยน์ตาของเขาฉายแววดีใจ
“เจ้า พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
อวี้ชิงลั่วยกยิ้มและพูดว่า “ข้าได้ยินหนานหนานบอกว่าสีหน้าของท่านไม่ค่อยดีนัก ข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจอาการท่าน ช่วงนี้ท่านค่อนข้างยุ่ง อย่าลืมว่าท่านเป็นมือขวาของท่านอ๋อง ดังนั้นจะละเลยสุขภาพเช่นนี้ไม่ได้”
หนานหนานที่อยู่ด้านข้างทำหน้าบูดบึ้ง เห็นได้ชัดว่าท่านอาหลีมีสีหน้าแจ่มใสดี ท่านแม่ช่างร้ายกาจนัก
หลีจื่อฟานอึ้งงันไปชั่วขณะ แต่ก็พาทั้งสองเข้าไปในห้องตำราอย่างใจเย็น
เมื่อเหลือเพียงไม่กี่คนในห้องตำรา อวี้ชิงลั่วก็พูดกับหงเย่ว่า “เจ้าพาหนานหนานออกไปเดินเล่นเถิด”
หนานหนานมองแม่ด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสายตาจริงจังของนาง เขาจึงออกไปกับหงเย่อย่างเชื่อฟัง
ทันทีที่ประตูห้องตำราปิดลง อวี้ชิงลั่วก็หยิบจี้หยกออกมาวางไว้บนโต๊ะหน้าหลีจื่อฟาน
ใบหน้าของหลีจื่อฟานซีดลงทันใด รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลายเป็นฝืดเฝื่อนเล็กน้อย “นี่เป็นแค่ของเล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของมีค่ามากมายอะไร แต่ก็ยังเป็นหัวใจของข้าเสมอ เจ้า…หวางเฟยไม่ต้องคิดมาก”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด นางแค่ขอให้หลีจื่อฟานยื่นมือออกมาให้นางสัมผัสชีพจร
โชคดีที่ดูเหมือนว่าเขาจะฟังคำพูดของนางและกินยาอย่างดี
เมื่อนางได้ยินคำเรียกเช่นนั้นจากเขา ก็รู้สึกว่าหัวใจบีบรัดยิ่งกว่าเดิม
ถ้าหลีจื่อฟานไม่สามารถปล่อยวางได้ ไม่ช้าก็เร็วเขาจะเข้าสู่สภาวะซึมเศร้า และสุขภาพของเขาก็จะแย่ลงไปอีก
“ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี ข้ากินยาทั้งหมดที่เจ้าให้มาตรงเวลา ข้าต้องมีสุขภาพดีอยู่เสมอ จึงจะสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ตอนนี้สถานการณ์ในราชสำนักไม่คงที่ ข้าจะปล่อยให้ร่างกายตัวเองพังไม่ได้”
อวี้ชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ยังเป็นเพราะนาง
แม้ว่าเขาจะกินยาตรงเวลาแล้วก็ตาม ถ้าเขายังทำงานหนักถึงเพียงนี้ ต่อให้เขาจะมียาดีกี่ขนาน ร่างกายเขาก็จะยังทรุดลงอยู่ดี
“หลีจื่อฟาน…ท่าน ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าจะเลิกเป็นเสนาบดีฝั่งขวา? อันที่จริงก่อนหน้านี้ท่านไม่ชอบเรื่องในราชสำนักไม่ใช่หรือ? ตอนนี้ท่านสามารถปล่อยมือได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักถึงเพียงนี้ พักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้แข็งแรง”
รูม่านตาของหลีจื่อฟานหดตัวกะทันหัน หัวใจของเขาพลันรู้สึกหนาวเยือก “ใช่แล้ว อันที่จริง… ตอนนี้ข้าควรเกษียณตัวเองได้แล้ว และข้าก็ไม่ต้องการทำอีกต่อไป”
อวี้ชิงลั่วรีบอธิบาย “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าไม่ได้บอกว่าข้าไม่ต้องการท่านอีกต่อไป ข้าแค่ไม่อยากให้ท่าน…” ไม่อยากให้เขาทุ่มแรงทั้งหมดเพื่อนาง
“ข้ารู้” หลีจื่อฟานขัดจังหวะนาง และหัวเราะอีกครั้ง “อย่ากังวล เมื่อก่อนข้าไม่เคยอยากเป็นขุนนาง เพราะข้าไม่ชอบบรรยากาศที่มีเส้นสนกลในกันในราชสำนัก แม้ว่าจุดประสงค์ในการเป็นขุนนางของข้าในตอนแรกจะเป็น… แต่ตอนนี้ข้าค่อย ๆ ตระหนักได้ว่าการเป็นขุนนางก็มีประโยชน์เช่นกัน ข้าสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้คนได้มากมาย ถ้าพวกเขามีเรื่องทุกข์ใจ ข้าก็จะพยายามช่วยเหลือพวกเขาให้ดีที่สุด ความจริงมันก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย และข้าก็ชอบบรรยากาศเช่นนี้ด้วย ไม่มีอะไรอื่น ดังนั้นเจ้าอย่าได้รู้สึกกังวลเลย”
มีความจริงมากกว่าครึ่งในถ้อยคำนั้น การเป็นเสนาบดีฝั่งขวานั้น นอกจากจะสามารถช่วยอวี้ชิงลั่วได้แล้ว ยังสามารถแก้ปัญหาของราษฎรได้อีกด้วย
เขาไม่ต้องการให้สิ่งที่เกิดขึ้นกับอวี้ชิงลั่วเมื่อหกปีที่แล้วเกิดขึ้นอีกจริง ๆ เขาสามารถช่วยเหลือสตรีที่ถูกข่มเหงเหมือนอย่างชิงลั่วได้มากมาย ใช่หรือไม่?
อวี้ชิงลั่วกังวลอยู่ในใจ จะไม่ให้นางกังวลได้อย่างไร?
บางทีสิ่งที่เขาพูดอาจเป็นความจริง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็ควรทำสิ่งที่ควรทำให้ดีที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักถึงขั้นถวายชีวิตเพื่อนาง
อวี้ชิงลั่วปวดหัวมากขึ้นเรื่อย ๆ หลีจื่อฟานที่ดูอ่อนโยน จริง ๆ แล้วเป็นคนดื้อรั้นมาก
“…ชิงลั่ว” หลีจื่อฟานถอนหายใจเบา ๆ เสียงของเขาเบาลงกว่าเดิม “ข้าสบายดี ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ข้ามีความสุขมาก ข้ามีสิ่งที่ต้องทำทุกวัน ตอนนี้เจ้าก็มีความสุขมากเช่นกัน ข้าจึงไม่ต้องกังวล ข้ารู้ด้วยว่าท่านอ๋องซิวเป็นบุรุษที่ดี เขาจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”
จู่ ๆ อวี้ชิงลั่วก็ลุกขึ้นยืน แล้วจ้องมองเขาอย่างดุดัน “ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทุกวันงั้นหรือ? ท่านสมหวังอะไรบ้างหรือไม่? ท่านทำหลายสิ่งหลายอย่างทุกวัน เพราะท่านมีอะไรมากมายให้ทำ หรือหาอะไรทำเพราะไม่มีอะไรให้ทำกันแน่?”
อวี้ชิงลั่วจะไม่เข้าใจได้อย่างไร? นี่คือการใช้แรงงานเพื่อกลบเกลื่อนชัด ๆ
มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ลืมความรู้สึกผิดหวังไม่ใช่หรือ? เขาต้องเผชิญหน้ากับเย่ซิวตู๋ทุกวัน เมื่อใดก็ตามที่เห็นเขา เขาก็จะนึกถึงนาง นึกถึงทุกอย่างในอดีตใช่หรือไม่?
อารมณ์แบบนี้ ตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่งเสนาบดีฝั่งขวา ตราบใดที่เขาต้องเจอเย่ซิวตู๋ทุกวัน เขาก็จะถูกความทรงจำนั้นทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวก็ตาม
อวี้ชิงลั่วกัดฟัน บางทีคำพูดที่ว่าเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาวนั้นคงถูกต้องแล้ว
“หลีจื่อฟาน ท่านเคยคิดหรือไม่ ว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าท่านตอนนี้ ไม่ใช่อวี้ชิงลั่วในตอนนั้น?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
บางทีก็ต้องเลือกวิธีที่เจ็บแต่จบ จะได้ไม่มีเรื่องติดค้างต่อกันล่ะนะ
ไหหม่า(海馬)