อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 1081 เสียงกรีดร้องโศกเศร้า
ตอนที่ 1081 เสียงกรีดร้องโศกเศร้า
ตอนที่ 1081 เสียงกรีดร้องโศกเศร้า
อวี้ชิงลั่วส่ายหน้า “ไม่รู้”
หลีจื่อฟานสงสัยเล็กน้อย “เช่นนั้นนอกจากข้า…”
“นอกจากท่าน ก็ไม่มีใครรู้แล้ว” อวี้ชิงลั่วกล่าว “เดิมทีความลับนี้ข้าไม่คิดจะบอกใครรวมถึงท่าน ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าเห็นท่านยุ่งมาก มองดูท่านคอยช่วยเหลือเย่ซิวตู๋อย่างจริงใจ นอกจากในใจข้าจะรู้สึกผิดแล้ว ข้าก็ไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวท่านอย่างไร จนกระทั่งวันนี้เมื่อรู้ว่าท่านกล่าวเช่นนั้นกับหนานหนาน ข้าจึงได้เข้าใจ หากไม่ให้ท่านได้รู้ความจริงบางอย่าง ท่านคงไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้ตลอดไป”
ความจริงแล้วนางเองก็กลัวและเป็นกังวล กังวลว่าหากตนกล่าวสิ่งนี้ไป ความเชื่อที่คอยสนับสนุนหลีจื่อฟานจะพังทลายลง จนทำให้ตัวเขาจบสิ้นลงไปด้วย
ดังนั้นนางจึงลังเล ตัดสินใจไม่ได้ สับสนอย่างมาก
วันนี้หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนั้นของเขา จึงได้ตัดสินใจว่าจะพูดให้ชัดเจน
ถึงหลีจื่อฟานจะสูญเสียคนผู้นั้นที่เขาชอบ แต่ตอนนี้เขาได้พบเป้าหมายใหม่แล้ว นั่นคือการเป็นข้าราชการที่ดีที่คิดถึงประชาชน ซึ่งความคิดเช่นนี้ก็น่าจะสนับสนุนเขาได้เช่นกัน
“ข้าหวังว่าท่านจะได้ทำสิ่งที่ตนอยากทำ อย่าได้เอาความรู้สึกมาเสียไปกับคนที่ ‘หลอกใช้ท่านและหลอกลวงท่าน’ อีกเลย”
หลีจื่อฟานยิ้มขื่นอย่างจนปัญญา “เหตุใดเจ้าต้องพูดจาโทษตนเองเช่นนั้น หลอกใช้ หลอกลวง… เฮ้อ เรื่องใหญ่เช่นนี้ เรื่องเหนือจินตนาการเช่นนี้ เจ้าไม่บอกแม้แต่เย่ซิวตู๋ แล้วข้าจะโทษเจ้าได้อย่างไร ถึงแม้เจ้าจะไม่ใช่นาง แต่ลักษณะนิสัยบางอย่างก็ยังคล้ายคลึงกันอยู่”
ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายนางก็พูดมันออกมา
เขาคิด ตอนที่นางเอ่ยมันออกมาก็คงไม่สบายใจเล็กน้อยเช่นกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก หากตนมีใจโกรธแค้นนางจริง เกรงว่าคงจะเอาไปป่าวประกาศ ให้ทุกคนคิดว่านางเป็นภูตผีปีศาจก็เป็นได้
ที่นางบอกตน ก็เป็นเพราะนางไว้ใจเขาอย่างมาก
ความไว้ใจนี้ เขาย่อมต้องไม่ทำให้ผิดหวัง
หลีจื่อฟานสูดหายใจลึก กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ข้าจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ว่าจะอย่างไร เจ้าก็ช่วยนางดูแลเป่าเอ๋อร์ ฆ่าอวี๋จั้วหลิน สิ่งที่สามารถทำเพื่อนางได้ เจ้าก็ล้วนทำได้หมดแล้ว”
“…ขอบคุณ” อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าจะกล่าวเช่นไร นางมองสีหน้าของหลีจื่อฟาน มองท่าทางเศร้าใจของเขา ในใจก็อดไม่ได้ที่จะหดหู่
นางคิดว่าเขาคงต้องการเวลาอยู่เงียบๆ
อวี้ชิงลั่วยืนขึ้น “ท่าน… ท่านพักผ่อนให้มากเถิด ข้าขอตัวกลับก่อน”
“เดี๋ยว” หลีจื่อฟานเรียกนางเอาไว้ในทันใด
อวี้ชิงลั่วกำลังหมุนตัวหยุดชะงัก ทันใดนั้นก็หันหน้ากลับมาอีกครั้ง “มีอะไรหรือ?”
“ช่วยบอกข้า… ได้หรือไม่ ตอนนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ สุดท้ายแล้วนาง… ตายไป ตายไปได้อย่างไร”
อวี้ชิงลั่วอึ้งไป จากนั้นก็นั่งลงอีกครั้ง น้ำเสียงเรียบเฉยอย่างมาก “จริงๆ แล้วตัวข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัดนัก ตอนนั้นที่อยู่ในวัดร้าง นางคลอดบุตรยาก เด็กไม่ยอมออกมา ทั้งยังถูกคนตามฆ่า สถานการณ์เลวร้ายอย่างมาก เพียงชั่วลมหายใจเดียว นางก็…จากไป ตอนที่ข้าฟื้นขึ้นมานั้นก็เป็นตอนที่ทรมานที่สุด ตอนนั้นข้าเองก็ไม่สามารถคิดถึงอย่างอื่นได้ ทำได้เพียงคลอดให้เด็กออกมาก่อน โชคดีที่ข้ามีความรู้ด้านการแพทย์ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเด็กก็คงจะจากไปพร้อมนางแล้ว”
เพียงสองสามประโยคสั้นๆ นี้ก็อธิบายสถานการณ์นั้นได้อย่างง่ายๆ แล้ว
หลีจื่อฟานคิดว่าเขาพอจะนึกถึงความทรมานในตอนนั้นของนางออก พอจะนึกออกว่าสภาพแวดล้อมยากลำบากเพียงใด
เขายิ่งทวีความเกลียดชังอวี๋จั้วหลิน ตนควรลงมือกับเขาไปตั้งนานแล้ว ไม่ควรคิดจะทรมานเขาอย่างช้าๆ ทำลายชื่อเสียงของเขาอย่างช้าๆ มันกลับเป็นการปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจไปอีกสองสามปี
“…ขอบคุณมาก” หลีจื่อฟานกล่าวเบาๆ “บางทีนี่อาจเป็นพรหมลิขิต หากไม่ใช่เพราะเจ้า ก็เกรงว่าตอนนี้ข้าก็คงไม่ได้พบหน้านางแล้ว หวังว่าเจ้าจะกลับมามีชีวิตได้ หวังว่าหนานหนานจะใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างสงบ นั่นคงจะเป็นความปรารถนาสุดท้ายของนางแล้ว”
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ไม่ได้กล่าวอันใดอีก
แต่ครู่หนึ่งผ่านไป ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังตึกๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
เสียงฝีเท้านั้นคุ้นหูมาก อวี้ชิงลั่วกล่าวเบาๆ “พวกหนานหนานกลับมาแล้ว”
แน่นอนว่าทันทีที่นางกล่าวจบ ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น “ท่านแม่ ข้าไปเดินเล่นมานานแล้วนะขอรับ”
หลีจื่อฟานไปเปิดประตู เมื่อเห็นหนานหนาน แววตาก็อ่อนโยนอย่างมาก
“ไปเถิด ออกมาก็นานแล้ว ควรกลับกันได้แล้ว” อวี้ชิงลั่วบอกลาหลีจื่อฟาน
“เดี๋ยวข้าไปส่งพวกเจ้า”
“ไม่ต้องขอรับๆ ท่านลุงหลี มีข้าอยู่ทั้งคน ตอนขามาท่านแม่บอกว่าจะมาจับชีพจรให้ท่าน แล้วจะให้ท่านไปส่งพวกเราได้อย่างไรกัน” ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ หนานหนานกลับฉลาดอย่างหาได้ยาก
หลีจื่อฟานหัวเราะ ลูบศีรษะของเขา “ได้ เช่นนั้นก็ลำบากเจ้าแล้วนะ”
หนานหนานยู่ปาก จับมือของท่านแม่จนเดินออกมาข้างนอก ปากก็พึมพำสองประโยค “เหตุใดจึงมีคนชอบลูบหัวข้าเพิ่มมาอีกคนแล้ว ท่านแม่ ผมข้านุ่มเกินไปแล้วหรือไม่ พอจะมีวิธีทำให้มันแข็งขึ้นหน่อยได้ไหมขอรับ แต่ถ้าเป็นเช่นนี้ ต่อไปก็จะไม่แทงคนหรือ…”
ร่างของพวกเขาทั้งสามไกลออกไปเรื่อยๆ หลีจื่อฟานค่อยๆ หุบรอยยิ้มที่มุมปาก หมุนตัวกลับห้องตำราของตนไปอย่างเงียบๆ
หลังจากนั่งอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เรียกพ่อบ้านเข้ามา “วัดร้างที่ถูกไฟไหม้เมื่อตอนนั้น ตอนนี้ถูกบูรณะใหม่แล้วใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับ”
หลีจื่อฟานพยักหน้า ทันใดนั้นก็กล่าว “เตรียมรถม้า ข้าจะไปดูเสียหน่อย”
พ่อบ้านงุนงง แต่ก็รีบไปเตรียมรถม้าอย่างรวดเร็ว
รีบมาตลอดทาง เมื่อยามรถม้าหยุดลง หลีจื่อฟานก็กระโดดลงจากรถม้าอย่างรีบร้อน
วัดร้างในตอนนั้น ตอนนี้กลายเป็นเรือนสี่ประสานธรรมดาทั่วไปแห่งหนึ่ง ไม่ใหญ่นัก ดูแล้วคนที่พักอยู่ก็ไม่ได้ร่ำรวย
นี่… เป็นที่ที่ชิงลั่วจากไปตั้งแต่อายุยังน้อยเมื่อตอนนั้น ตอนนี้กลับไม่เหลือร่องรอยของวันคืนเก่าๆ แล้ว แต่หลีจื่อฟานกลับรู้สึก… มีความคุ้นเคยอย่างแปลกประหลาด
“ไปเคาะประตูเสีย”
พ่อบ้านรีบตอบรับคำ เดินหน้าไปเคาะประตู
ประตูสองบานที่ค่อนข้างเก่าถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว มีหญิงงามคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน มองคนที่ประตูทั้งสองคนอย่างแปลกใจ “พวกท่านมาหาใครหรือ?”
“แม่นาง ข้าต้องการซื้อเรือนนี้”
“ได้…”
ขณะเดียวกันนั้น รถม้าของอวี้ชิงลั่วทั้งสามคนก็หยุดลงกะทันหันระหว่างทางกลับไปยังตำหนักอ๋องซิว
หนานหนานมองท่านแม่ของตน “ท่านแม่ ท่านจะลงเดินจริงๆ หรือขอรับ”
อวี้ชิงลั่วไม่อยากกลับตำหนักเร็วเพียงนี้ วันนี้อารมณ์ของนางยังคงหนักอึ้งอยู่ อีกทั้งนางเองก็ไม่ได้ออกมาข้างนอกหลายวัน เดินเล่นเสียหน่อยก็ดีเช่นกัน อีกอย่างจากที่นี่ไปยังตำหนักอ๋องซิวก็ไม่ไกลนัก
“อืม หนานหนาน เราเดินอ้อมทางเล็กไปเถิด บางทีอาจจะเร็วพอๆ กับนั่งรถม้าก็เป็นได้”
หนานหนานส่งเสียงเหอะ อยากจะเดินเล่นข้างนอกก็บอกตรงๆ สิ บอกว่าเร็วพอๆ กับรถม้าหรือ ท่านแม่ก็ช่างกล้าพูดออกมาอย่างไร้เหตุผลนัก
“ก็ได้ๆๆ ตามใจท่านแม่ ตอนนี้ท่านใหญ่ที่สุดในตำหนักของเราแล้วนี่นา” หนานหนานกล่าวอย่างจนปัญญา
อวี้ชิงลั่วรู้สึกขบขันกับท่าทางผู้ใหญ่ตัวน้อยของเขา บีบแก้มเล็กๆ ของเขา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า
ถึงแม้เมืองหลวงจะกลับมาทำการค้าขายตามปกติ แต่เทียบกับเมื่อก่อนแล้วก็ดูรกร้างกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะในเส้นทางเล็กๆ นี้ก็มีคนไม่มากนัก
แต่เช่นนี้ก็ดี เงียบสงบ
“โอ๊ย…” อวี้ชิงลั่วกำลังคิดเช่นนั้นอยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องทุกข์ทรมานดังเข้ามาในหู
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาใจช่วยท่านเสนาบดีฝ่ายขวาให้มูฟออนเร็วๆ นะคะ
เสียงใครกันหนอ
ไหหม่า(海馬)