อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 125 แม่นางอวี้หายตัวไป
ตอนที่ 125 แม่นางอวี้หายตัวไป
เย่หลานเฉิงตกใจไปกับท่าทางแปลกประหลาดของอีกฝ่าย จึงขยับเข้าไปใกล้ ๆ เขาอย่างระมัดระวัง กระซิบถามว่า “หนานหนาน เจ้าเป็นอะไรหรือ? ไม่สบายตารึ?”
“เปล่า เสี่ยวเฉิงเฉิง ข้ารู้สึกได้ว่าตาของข้ามีปัญหาแล้ว เจ้าดูสิ น่องไก่ที่ไปเกิดใหม่นานแล้วมันกำลังเคลื่อนไหวเอง”
“แค่ก” ไปเกิดใหม่?…เย่หลานเฉิงถึงกับเกิดเส้นสีดำสามขีดบริเวณหน้าผาก ทว่ากลับมองไปตามนิ้วของหนานหนานด้วยความสงสัย
วินาทีต่อมาเขาถึงกับชะงัก เพราะเขาเห็นน่องไก่ชิ้นนั้นกำลังขยับเขยื้อนตลอดเวลาจริง ๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นว่า “ไม่สิ หนานหนาน ด้านใต้ของน่องไก่ชิ้นนั้นดูเหมือนว่าจะมีแมลงบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่”
แมลง? หนานหนานถึงกับตระหนกตกใจ ใช้มือล้วงปากเล็ก ๆ ของตัวเอง “แค่ก ๆ เช่นนั้นก็แปลว่าเมื่อครู่ข้ากินแมลงเข้าไปน่ะสิ? น่าขยะแขยงเกินไปแล้ว มิใช่ว่าในพระห้องเครื่องต้นสะอาดมากหรอกหรือ? ฮือ ๆ…พะอืดพะอมชะมัดเลย”
เย่หลานเฉิงหันหน้าไปอย่างเงียบ ๆ พูดอย่างจนปัญญาว่า “หนานหนาน แมลงตัวนั้นถูกน่องไก่ของเจ้าทับ ไม่ได้อยู่รวมกับน่องไก่ชิ้นนั้นที่เจ้าคายออกมาจากในปากสักหน่อย”
เขาหมดแรงแล้ว จึงกระโดดลงมาจากเก้าอี้และดันน่องไก่ออก
ทันใดนั้นเขาก็ถอยหลังออกมาสองก้าว “แมงป่อง?”
เย่หลานเฉิงหน้าเปลี่ยนสี เขายกเท้าขึ้นทำท่าจะเหยียบมัน
“อ๋า ช้าก่อนๆ เสี่ยวเฉิงเฉิง” ตอนที่หนานหนานได้ยินคำว่า ‘แมงป่อง’ สองพยางค์นี้ก็ก้มหน้าลงไปมองทันใด ตอนที่เห็นว่าเท้าของเย่หลานเฉิงกำลังจะเหยียบก็ถึงกับตกใจ รีบยื่นมือออกไปขวางอีกฝ่ายไว้ จากนั้นจึงกระโดดตามลงมาจากเก้าอี้ นำแมงป่องที่ถูกน่องไก่ทับจนตัวมันเยิ้มไปทั้งตัวขึ้นมาวางบนฝ่ามือ
“หนานหนาน แมงป่องมีพิษนะ เจ้ารีบโยนมันลงไป ระวังมันต่อยเจ้านะ” เย่หลานเฉิงถึงกับตกใจ คิดจะยื่นมือออกมาเพื่อปัดให้หล่นลงไปจากมือของหนานหนาน แต่ก็กลัวว่าการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่อของตนเองจะทำให้หนานหนานได้รับบาดเจ็บ
หนานหนานกลับภาคภูมิใจมาก เขาใช้เสื้อของตนเองเช็ดแมงป่องอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยิ้มตาหยีพูดว่า “ไม่เป็นไร นี่คือเสี่ยวไป๋เหอของตระกูลข้าเอง มันไม่ต่อยข้าหรอก”
“เสี่ยวไป๋เหอ?” เย่หลานเฉิงย่อตัวลงข้าง ๆ เขา และสำรวจแมงป่องตัวนี้ไปพร้อม ๆ กับหนานหนาน
หนานหนานหัวเราะหึๆ “ท่านแม่ต้องส่งมันมาหาข้าเป็นแน่ ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านแม่ไม่วางใจ เสี่ยวไป๋เหอ เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าอยู่ที่นี่สบายดี ได้กินดีอยู่ดีนอนหลับสบาย มีเสี่ยวเฉิงเฉิงอยู่เป็นเพื่อนข้าด้วย เจ้ากลับไปบอกท่านแม่นะ ข้าตัดสินใจจะอยู่ที่นี่อีกหนึ่งเดือน หลังจากนั้นจะเข้าร่วมการแข่งขันใหญ่ของสี่อาณาจักร ข้าต้องเอาที่หนึ่งมาให้ได้ และข้าจะทำให้ทุกคนชื่นชมข้าให้ได้ และไปถึงจุดสูงสุดในชีวิตด้วย”
เสี่ยวไป๋เหอขยับหาง คล้ายกับจะหมดความอดทน เมื่อครู่ถูกน่องไก่ทับจนอธิบายไม่ถูก ทั้งบนตัวยังมีน้ำลายของหนานหนานติดอยู่ จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก
หนานหนานแสดงออกว่าเข้าใจถึงท่าทางของมันเป็นอย่างดี “เจ้าเองก็คิดว่าข้าต้องทำได้ใช่หรือไม่ เมื่อครู่เจ้าช่วยให้กำลังใจข้าใช่หรือไม่? โถ่เอ๊ย ข้าเขินแย่เลย”
เสี่ยวไป๋เหออยากจะร้องไห้แล้ว ท่านพูดไร้สาระจบหรือยัง? ข้ายังต้องกลับไปพักผ่อนอีกนะ
หนานหนานโอ้อวดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงจะปล่อยแมงป่องลงบนพื้น จากนั้นจึงหยิบผงสีเขียวมาเทลงบนตัวของมัน พูดจาฉะฉานว่า “ไปเถอะ อย่าลืมนำความทะเยอทะยานของข้าส่งไปให้ท่านแม่ของข้ารู้ด้วยนะ นางต้องภูมิใจในตัวข้าเป็นแน่”
เสี่ยวไป๋เหอไม่สนใจเขา แทบรอไม่ไหวที่จะวิ่งออกไปพร้อมกับผงสีเขียว
ครั้งหน้ามันจะไม่มาอีกแล้ว ทุกครั้งที่นำข้อความไปบอกนายท่าน ก็จะถูกนายน้อยวางยาพิษใส่หนึ่งครั้ง จุกจนพูดไม่ออกจนมิอาจที่จะรู้สึกจุกมากไปกว่านี้อีกแล้ว
มันไต่ออกนอกธรณีประตู ผ่านทางเดินด้านนอกที่มีวัชพืชงอกขึ้นใหม่ เพียงไม่นาน เสี่ยวไป๋เหอก็มุดกลับเข้าไปในซอกหินอีกหน
ตอนที่โผล่ออกมา มันก็แกว่งหางมุดออกมาจากถ้ำหินของอุทยานอวี้ฮวา ก่อนจะเข้าไปอยู่ในขวดที่เย่ซิวตู๋วางไว้บนพื้นอย่างเชื่อฟัง
ทั้งยังมีผงสีเขียวอยู่บนตัวด้วย
เย่ซิวตู๋เม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าตึงเครียด ภายในใจลอบขบฟันใส่แมงป่องที่ชอบมุดเข้าซอกหิน ทั้งยังเป็นการมุดเข้าไปโดยไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา
มันช่วยเดินอยู่บนพื้นดี ๆ แล้วพาเขาไปหาหนานหนานไม่ได้เชียวหรือ?
เสิ่นอิงและเหวินเทียนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาหันสบตากัน ภายในใจเริ่มเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ดูเหมือนว่านายท่านจะโกรธไม่น้อยเลย
“นายท่าน พวกเราจะกลับไปปรึกษาแม่นางอวี้หรือไม่ขอรับ ลองดูว่านางยังมีวิธีอื่นที่ทำให้พวกเราเจอตัวหนานหนานได้หรือไม่?” เสิ่นอิงเสนออย่างระมัดระวัง
เย่ซิวตู๋ไม่พูดไม่จา มือที่กำขวดกระเบื้องเคลือบได้กำแน่นขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เขามีความคิดอยากจะขยี้แมงป่องให้ตายทั้งเป็นจริง ๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ด้านหน้าที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงคนเดินเข้ามา เขาจึงดึงสายตากลับมาและพูดกับทั้งสองคนที่อยู่ด้านหลัง “ไป กลับตำหนัก”
อวี้ชิงลั่วเคยพูดว่า ผงสีเขียวหมายความว่าหนานหนานยังปลอดภัยดี เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้หนานหนานวิ่งไปอยู่ที่ไหนแล้ว อีกฝ่ายชอบกินขนาดนั้น สองวันมานี้ไม่รู้ว่าจะได้กินและดื่มของดี ๆ และมีที่ให้หลับนอนหรือไม่
ราชวังใหญ่โตแห่งนี้ หากไม่ระมัดระวังตัว ก็อาจจะถูกคนใช้เป็นเป้าและจับฆ่าในทันที
หนานหนานอยู่ที่นี่ไม่ใช่วิธีการที่ดี เพียงแต่เด็กคนนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีท่าทีอยากออกจากวังแม้แต่น้อย
เสิ่นอิงและเหวินเทียนหันสบตากันอย่างเงียบ ๆ อีกหน เดินตามหลังเย่ซิวตู๋ออกจากวังไปพร้อมกัน
หลังจากพวกเขาทั้งสามขึ้นมานั่งบนรถม้าแล้ว เสิ่นอิงจึงรายงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย “นายท่าน หมอเสิ่นผู้นั้นออกจากวังไปแล้ว และกลับไปที่จวนของเว่ยหยวนโหวแล้วขอรับ จากการตรวจสอบ เมื่อวานหมอเสิ่นบังเอิญเจอกับหลิ่วเซียงเซียงที่ได้รับบาดเจ็บกำลังกลับจวนพอดี จึงใช้ทักษะทางการแพทย์อันน้อยนิดนั้นช่วยชีวิตนางไว้ได้ ภายหลังเมื่อถูกเชิญไปที่จวนเว่ยหยวนโหว จึงเรียกตนเองว่าหมอปีศาจ และถูกเว่ยหยวนโหวต้อนรับในฐานะของแขกผู้สูงศักดิ์”
เย่ซิวตู๋กำลังหลับตา ภายในใจครุ่นคิดถึงเรื่องของหนานหนาน หลังจากได้ยินรายงานของเขา มุมปากจึงกระตุกเป็นเส้นโค้งเล็กน้อย หัวเราะออกมาพลางกล่าวว่า “คนแซ่เสิ่นผู้นั้นช่างกล้าหาญยิ่งนัก หลอกลวงเข้ามาจนถึงในวัง ตอนนี้ยังปีนต้นไม้ใหญ่อย่างเหมิงกุ้ยเฟยอีก ดูเหมือนว่าต่อให้เขาจะไม่ใช่หมอปีศาจ แต่หลังจากนี้คงได้ใช้ชื่อนี้เพื่อดำเนินการแล้ว”
เสิ่นอิงชะงัก แอบเป็นกังวลใจ “นายท่าน เช่นนั้นแม่นางอวี้ก็คงไม่…?”
เสื่อมเสียชื่อเสียง?
“ไม่ต้องรีบร้อน รอให้เขาติดต่อกับกุ้ยเฟยให้มากสักหน่อย ให้พวกเขาสนิทสนมกัน ค่อยเปิดโปงก็ยังไม่สาย” ถึงเวลานั้นเขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่าความคิดเหล่านั้นของเหมิงกุ้ยเฟยจะเป็นจริงได้หรือไม่
เสิ่นอิงพยักหน้า ภายในใจกลับเริ่มคาดเดาความคิดของแม่นางอวี้อย่างห้ามไม่อยู่ หากนางรู้ว่าฉายาของตนเองถูกผู้อื่นสวมรวย นางจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบเช่นไร
“เจ้าสั่งให้คนจับตาดูการเคลื่อนไหวภายในวังตลอด รีบหาตัวหนานหนานให้เร็วที่สุด หากเหมิงกุ้ยเฟยทราบถึงตัวตนของเขา เกรงว่าเขาคงไม่ปลอดภัยแล้ว”
เสิ่นอิงตกตะลึง รีบตกปากรับคำ ‘ขอรับ’
หนานหนานเด็กคนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันแม้แต่นิดเดียว ไม่เพียงแค่แม่นางอวี้ แม้แต่นายท่านก็คงได้รื้อถอนพระราชวังจนหมดสิ้น
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด รถม้าก็ค่อย ๆ จอดลงที่ด้านหน้าประตูใหญ่ของตำหนักอ๋องซิว
ทันทีที่พ่อบ้านที่ยืนอยู่หน้าประตูตำหนักอ๋องได้เห็น ก็รีบวิ่งเข้ามาหยุดลงตรงหน้าเย่ซิวตู๋ กล่าวเสียงเบาว่า “ท่านอ๋อง แม่นางอวี้หายไปแล้วขอรับ”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงสารน้องไป๋เหอมากเลยค่ะ เป็นทุกอย่างเกินกว่าที่จะเป็นแมงป่องให้แล้ว อย่าลืมอวยยศให้น้องนะ
ชิงลั่วหายไปไหนกันน้า เป็นอ๋องซิวก็ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย เดี๋ยวลูกหาย เดี๋ยวเมียหาย
ไหหม่า(海馬)