อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 126 คนรักเก่า
ตอนที่ 126 คนรักเก่า
หายไปแล้ว?
เย่ซิวตู๋กระโดดลงมาจากรถม้า คิ้วขมวดมุ่นขณะมองเข้าไปด้านในตำหนักอ๋อง “หายไปได้อย่างไร?”
“เมื่อเช้าหลังจากแม่นางอวี้ตื่นขึ้นมาและมากินอาหารเช้าเสร็จได้แจ้งว่าจะออกไปข้างนอก แต่ท่านอ๋องเคยกำชับไว้ว่าให้ข้าน้อยดูแลแม่นางอวี้ให้อยู่แค่ในจวน” พ่อบ้านชางตัวสั่นเทิ้ม จนถึงตอนนี้ภายในใจก็ยังกระสับกระส่ายอย่างมาก นายท่านบอกให้เขาดูแลคนคนหนึ่ง เขากลับดูแลไม่ได้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่นางคนนั้นออกไปตอนไหน พ่อบ้านอย่างเขายังจะมีประโยชน์อะไรอีก?
“แม่นางอวี้โกรธมากขอรับ เดิมทีคิดจะฝ่าออกไป แต่จู่ ๆ แม่นางแซ่จินก็เข้ามา บอกว่าเป็นสหายของแม่นางอวี้ ภายหลังแม่นางจินผู้นั้นได้เดินกลับเข้าห้องไปพร้อมกับแม่นางอวี้ ไม่รู้ว่าทั้งคู่พูดคุยอะไรกันในนั้น ข้าน้อยเห็นแม่นางอวี้ไม่ได้ออกมา จึงมิกล้ารบกวนการสนทนาของทั้งคู่ ใครจะไปคิดว่าช่วงเที่ยงตอนที่ข้าน้อยไปเชิญให้แม่นางทั้งสองออกมารับประทานอาหารเที่ยง ภายในห้องกลับไม่มีใคร ไม่รู้ว่าหายไปไหนขอรับ”
เย่ซิวตู๋ไม่ได้พูดอะไรให้มากมาย เพียงแค่สาวเท้ายาว ๆ เดินเข้าไปด้านใน
เสิ่นอิงตบบ่าพ่อบ้านชางด้วยความเห็นอกเห็นใจ ฝีมือของจินหลิวหลียอดเยี่ยมขนาดนั้น ต่อให้แม่นางอวี้ไม่มีวิชาตัวเบา จินหลิวหลีก็สามารถพานางออกจากตำหนักอ๋องซิวได้อย่างเงียบเชียบ
เย่ซิวตู๋เดินเข้ามาด้านในห้องอวี้ชิงลั่ว ภายในห้องไม่มีร่องรอยของมนุษย์แม้แต่นิดเดียว สังเกตจากระดับความร้อนของน้ำชา ดูเหมือนว่าคงออกไปตั้งนานแล้ว
สตรีผู้นั้นต้องไปหาอวี๋จั้วหลินเป็นแน่
“ท่านอ๋อง…” พ่อบ้านชางเดินตามเข้ามาด้านในอย่างระมัดระวัง ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเย่ซิวตู๋
“ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเจ้า ออกไปเถอะ” เย่ซิวตู๋โบกมือให้อีกฝ่ายออกไป จากนั้นจึงหันมามองเหวินเทียนที่เดินตามหลังเข้ามา “ไปเรียกผู้พิทักษ์ทมิฬที่รับหน้าที่คุ้มกันอวี้ชิงลั่วในวันนี้ให้มาหาข้า”
“ขอรับ”
เหวินเทียนหมุนกายเดินออกไป เพียงไม่นาน ผู้พิทักษ์ทมิฬสวมชุดสีดำทั้งชุดที่ถูกนำตัวเข้ามาก็ก้มหน้าคุกเข่าลงบนพื้น “ท่านอ๋อง”
“แม่นางอวี้ไปไหน?”
“รายงานท่านอ๋อง แม่นางจินพาแม่นางอวี้ไปที่โรงหมอซิงเซิ่ง ฉินซงเป็นผู้ติดตามขอรับ” เขาชี้ไปยังผู้พิทักษ์ทมิฬอีกคน
เย่ซิวตู๋คลึงหว่างคิ้ว เขาเดาไม่ผิดเลย สตรีผู้นั้นไปหาอวี๋จั้วหลินแล้วจริง ๆ เขาอยากฆ่านางให้ตายเสียจริง
หนานหนานยังติดแหงกอยู่ในวังจนถึงตอนนี้ นางยังไปหาคนรักเก่าอย่างสบายใจเฉิบ นางไม่คิดบ้างหรือว่าตอนนี้ควรอยู่ในตำหนักอ๋องเพื่อรอฟังข่าวของหนานหนานจากเขา จากนั้นค่อยปรึกษากันว่าจะพาตัวเด็กคนนั้นออกมาจากวังอย่างไร?
คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้าทิ้งเขาไปหาคนรักเก่า ไปหาคนรักเก่า คนรักเก่า…
เฉินอิ่งร่างสั่นสะท้าน เขารู้สึกได้ถึงความขุ่นเคืองที่มิอาจบรรยายได้แผ่ออกมาจากร่างกายของนายท่าน เขาไม่เข้าใจเลย นายท่านโกรธเคืองอะไรกันแน่ หรือว่าเขาไม่อนุญาตแม้กระทั่งให้แม่นางอวี้ไปแก้แค้น?
อวี้ชิงลั่วเพิ่งก้าวเท้าเข้ามาในโรงหมอซิงเซิ่งก็เนื้อตัวสั่นเทิ้มเช่นกัน นางยกมือขึ้นมาถูแขน มองดูพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงอยู่ด้านนอก ภายในใจก็เกิดอาการใจเต้นตึกตัก
นางรู้สึกได้ว่าวันนี้ไม่ใช่วันที่ดีเหมาะสมกับการเดินทาง ก่อนออกจากประตูในครั้งหน้า นางควรคำนวณวันจากปฏิทินสักหน่อย
“ชิงลั่ว อยู่นั่น” เสียงของจินหลิวหลีดังขึ้นข้างหูของนางอย่างฉับพลัน
อวี้ชิงลั่วจึงได้สติกลับมาในทันที นางมองไปยังอวี๋จั้วหลินที่นั่งอยู่กลางโรงหมอ รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้น “เขาว่างจริง ๆ สินะ เป็นรองเจ้ากรมฝ่ายกลาโหมกลับว่างขนาดนี้เชียวหรือ?”
จินหลิวหลีแย้มยิ้ม “ใช่ที่ไหนกัน ได้ยินมาว่าเขาลาหยุดหลายวัน คาดว่าคงเป็นเพราะกำลังรอเจ้าอยู่”
“มองไม่ออกเลยว่าเขาจะมีความรักที่แสนลึกซึ้งต่อหลี่หรานหร่านเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ถูกลดตำแหน่งเพราะนาง แต่ยังลางานในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้อีก” อวี้ชิงลั่วก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าว ก่อนจะดึงกลับมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เมื่อครู่ตอนที่นางยืนอยู่ข้างประตูเพียงครู่หนึ่ง นางเชื่อว่าอวี๋จั้วหลินต้องเห็นแล้ว
“ไปเถอะ พวกเราไปดื่มชากัน” อวี้ชิงลั่วหมุนตัวเดินออกไป จินหลิวหลีรีบเดินตามหลัง สตรีสองคนคนหนึ่งดูเย็นชาส่วนอีกคนดูพราวเสน่ห์ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยผ้าผืนบางยิ่งเสริมความงามให้ดูน่าค้นหายิ่งขึ้น คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างเบิกตาโตมองพวกนางทั้งคู่เดินจากไป
อวี๋จั้วหลินชะงัก ลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้และเดินตามออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
เพียงแต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาช้าไปเพียงก้าวเดียว เพราะไม่เห็นเงาของแม่นางทั้งสองตรงซอยด้านนอกแล้ว
อวี๋จั้วหลินรู้สึกหงุดหงิดอยู่ภายในใจ เหตุใดเมื่อครู่เขาถึงชะงักไป เหตุใดถึงไม่รู้สึกคุ้นตากับเงาทั้งสองคนนั้นตั้งแต่แรกเห็น?
ตอนนี้ไปไหนกันหมดแล้ว?
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ข้างหูก็ได้ยินเสียงบุรุษสองคนกำลังพูดคุยกัน “นี่ เมื่อครู่เจ้าเห็นหรือไม่ แม่นางสองคนนั้น แม้ว่าจะปิดใบหน้าด้วยผ้า แต่เรือนร่างนั่น จุ๊ ๆ…”
“นั่นสิ ๆ ข้าล่ะสงสัยจริง ๆ ว่าภายใต้ผ้าผืนนั้นจะมีหน้าตาจะเป็นเช่นไร”
“เฮ้อ น่าเสียดายที่พวกนางเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นแล้ว พวกเราที่เป็นแค่ประชาชนรากหญ้าเช่นนี้ ไม่มีปัญญาเข้าไปกินข้าวในนั้นหรอก มิเช่นนั้นคงได้มองมากขึ้นอีกหน่อย…”
บนใบหน้าของอวี๋จั้วหลินปรากฏแววดีใจ เขาไม่ได้ฟังคำพูดหลังจากนั้นของคนเหล่านั้นแล้ว รีบหมุนกายเดินตามไปที่โรงเตี๊ยมที่อยู่ตรงข้ามทันที
ตอนที่เพิ่งก้าวเดินได้สองก้าว ก็พบว่ามีเงาของชายกระโปรงสองสายผ่านไปไวๆ อยู่ที่มุมทางเดิน จึงรีบตามไป
อวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลีขึ้นมาด้านบนห้องพิเศษหมายเลขสาม ซึ่งเป็นห้องเดียวกับครั้งก่อน
อวี๋จั้วหลินยืนหอบหายใจเล็กน้อยอยู่ด้านนอกห้องพิเศษ พยายามออกแรงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองครั้ง จัดแต่งเสื้อผ้าและทรงผมของตนเอง แย้มยิ้มจาง ๆ ขณะเคาะประตูห้องเบา ๆ
เพียงไม่นาน เสียงอ่อนนุ่มเนิบช้าของอวี้ชิงลั่วก็ดังออกมา “เชิญคุณชายอวี๋เข้ามาเถิด”
อวี๋จั้วหลินชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
เงาสองเงานั่งอยู่ริมหน้าต่าง ดูเหมือนว่าบนใบหน้าจะปรากฎรอยยิ้มจาง ๆ ด้วย ครั้นเห็นเขา จึงลุกขึ้นเล็กอย่างมีมารยาท “คุณชายอวี๋ เชิญนั่ง”
“ท่าน…ท่านคือหมอปีศาจจริง ๆ หรือ?” อวี๋จั้วหลินยังไม่มั่นใจ น้ำเสียงทุ้มต่ำลงเล็กน้อย “ท่านมาที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือ?”
อวี้ชิงลั่วแย้มยิ้ม “รับปากกับคุณชายอวี๋ไว้แล้ว จะกลับคำพูดได้อย่างไรกัน? คุณชายอวี๋ยังเหมือนเดิมเลยนะ”
อวี๋จั้วหลินเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “แม่นางก็ยังเป็นสตรีผู้มีจิตใจงดงามเช่นเคย”
จินหลิวหลีแทบอยากอาเจียนออกมา ภายในใจเกิดเจตนาอกุศลไม่หยุดพัก หากอวี๋จั้วหลินทราบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคืออดีตฮูหยินที่เขาคิดจะสังหารทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อหกปีก่อน ไม่รู้ว่าจะแสดงออกมาเช่นไร
“คิดไม่ถึงเลยว่าเถ้าแก่เนี้ยจินก็มาด้วย”
จินหลิวหลีได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงตนเองโดยไม่ทันได้คาดคิด จึงแอบรู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาเล็กน้อย คลี่ยิ้มมุมปากด้วยรอยยิ้มจอมปลอม “นี่เป็นครั้งแรกที่หมอปีศาจเดินทางมาเมืองหลวง ข้าไม่สบายใจหากปล่อยให้นางมาเพียงลำพัง จึงติดตามมาด้วย”
ครั้นกล่าวจบ นางก็ทนบรรยากาศที่แสร้งทำเป็นอ่อนโยนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนกล่าวว่า “ข้าจะลงไปสั่งอาหารด้านล่างสักสองสามอย่าง พวกเราจะได้กินไปพูดคุยกันไป”
“แม่นางจินสั่งมาได้เต็มที่เลย วันนี้ข้าเป็นเจ้ามือเอง ไม่ต้องเกรงใจ”
จินหลิวหลีแย้มยิ้ม เจ้าพูดเองนะ หากนางเกรงใจก็เท่ากับดูถูกเขามิใช่หรือ?
หลังจากชะงักไปครู่หนึ่ง จึงก้มหน้าลงเล็กน้อยและเดินออกไป
นางเดินออกไปได้ไม่นาน จู่ ๆ ก็เปิดประตูเดินเข้ามาด้านในอีกครั้ง คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย มองอวี้ชิงลั่วด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนเต็มใบหน้า กล่าวว่า “ด้านล่างมีคนเรียกตัวเองว่าหมอปีศาจ บอกว่าอยากแลกห้องพิเศษห้องนี้กับพวกเรา”
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ขณะที่ตำหนักอ๋องซิวกำลังอวลไปด้วยกลิ่นน้ำส้มเป็นโกดัง ทางโรงเตี๊ยมนี้ก็เริ่มส่อเค้าลางวุ่นวายขึ้นมาครามครันแล้ว ชิงลั่วจะมีปฏิกิริยายังไงนะที่ถูกคนสวมรอย
ไหหม่า(海馬)