อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 127 ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ตอนที่ 127 ไม่เห็นอยู่ในสายตา
เรียกตัวเองว่าหมอปีศาจ? น้ำชาในจอกแทบกระฉอกใส่มือของอวี้ชิงลั่ว
นางที่เป็นหมอปีศาจตัวจริงเสียงจริงอยู่ที่นี่ต่างหากล่ะ ยังมีคนไร้ยางอายใช้ชื่อของนางออกมาสร้างปัญหาเช่นนี้ สมองถูกสูบไปแล้วหรือ?
อวี๋จั้วหลินอดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางอวี้ชิงลั่ว ก่อนจะหันไปมองจินหลิวหลี ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หมอปีศาจมิใช่แม่นางหรอกหรือ?”
อวี้ชิงลั่วยักไหล่ วางแก้วน้ำชาลงบนโต๊ะอย่างช้า ๆ “ข้าเองก็สงสัยเช่นกัน คิดไม่ถึงเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีหมอปีศาจถึงสองคน”
จินหลิวหลีมองอวี้ชิงลั่วด้วยความรู้สึกราวกับยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่น “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้วสิ ชิง…แม่นางชิง ตอนนี้เจ้าเตรียมตัวจะจัดการอย่างไร?”
“เจ้าลงไปบอกเสี่ยวเอ้อของร้าน ไม่เปลี่ยน”
จินหลิวหลีแค่คาดเดา และเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะพูดเช่นนี้ จึงหมุนกายเดินลงไปชั้นล่างอีกครั้งทันที
อวี๋จั้วหลินที่อยู่ข้าง ๆ เลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน “แม่นางไม่คิดจะเปิดโปงคนที่มาสวมรอยเป็นหมอปีศาจคนนั้นหรือ? เหตุใดถึงปล่อยให้เขาหลอกลวงต่อไป นี่มิเท่ากับเป็นการทำลายชื่อเสียงของแม่นางหรอกหรือ?”
“เรื่องชื่อเสียง ข้าไม่เคยสนใจมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ข้าสงสัยยิ่งกว่านั้นก็คือ บุคคลผู้นี้สวมรอยเป็นหมอปีศาจเพื่ออะไรกันแน่ รอดูไปก่อนเถิด เฝ้าดูสถานการณ์แล้วค่อยเตรียมรับมือ”
อวี๋จั้วหลินจ้องมองนาง ก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าแม่นางชิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดา แตกต่างจากสตรีโดยทั่วไป เขาแย้มยิ้มยกจอกน้ำชาขึ้นมาและจิบลงคอสองอึก “แม่นางทำให้ข้าชื่นชมมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ”
“คุณชายอวี๋ต่างหากเล่าที่ทำให้รู้สึกชื่นชม ครั้งนี้ข้าเดินทางมาถึงเมืองหลวง ได้ยินมาว่าเป็นเพราะเรื่องที่เจียงเฉิงครั้งก่อน คุณชายอวี๋จึงถูกฝ่าบาทลดตำแหน่ง ข้ารู้สึกได้ถึงความไม่เป็นธรรมแทนคุณชายอวี๋มากจริง ๆ บุรุษที่ทำเพื่อน้องสาวตัวเองโดยไม่สนใจอะไรเหมือนคุณชายอวี๋บนโลกใบนี้ช่างมีน้อยนิด เหตุใดกลับต้องถูกลดตำแหน่ง?”
อวี๋จั้วหลินยิ้มเจื่อน หลังจากได้ยินคำชื่นชมจากปากนาง จึงเชิดคางขึ้นเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ข้าก็ละทิ้งหน้าที่โดยพลการจริง ๆ ฝ่าบาททรงโปรดปรานและเสียดายข้า แค่ลดตำแหน่งลงก็นับว่าไม่เลวแล้ว หลังจากนี้หากสร้างคุณงามความดีทดแทนได้ ฝ่าบาทก็จะกลับมาเรียกใช้งานจากข้าใหม่อีกครั้ง”
“จะว่าไปก็ใช่ คุณชายอวี๋เป็นคนมีความสามารถเช่นนี้ อีกไม่นานย่อมได้ตำแหน่งกลับคืนมาอย่างแน่นอน ทั้งยังมีตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย” อวี้ชิงลั่วเกือบอาเจียนแทบตายเพราะคำพูดของตัวเอง ตอนนี้นางชักจะชื่นชมความสามารถในการพูดโกหกแบบไม่ลืมหูลืมตาของตัวเองเสียแล้วสิ นั่งกับคนที่น่าขยะแขยงและกลืนน้ำชาลงท้องได้อย่างมั่นคงเช่นนี้
“จริงสิ คุณชายอวี๋ โรคของน้องสาวท่านมิอาจล่าช้าได้ สะดวกให้ข้าไปที่จวนของท่านเมื่อไรหรือ ให้ข้าไปรักษาให้น้องสาวของท่านดูเถอะ”
อวี๋จั้วหลินชะงัก สีหน้าเริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน แม่นางชิงเพิ่งมาถึงเมืองหลวง พักผ่อนสักสองวัน ข้าค่อยจัดเตรียมให้”
จัดเตรียม? จัดเตรียมอะไร? อวี้ชิงลั่วยิ้มเยาะ มิใช่ว่าจัดเตรียมเปลี่ยนหลี่หรานหร่านเป็นน้องสาวของเจ้าหรอกกระมัง เช่นนั้นก็นับว่าเจ้ามีความสามารถแล้ว
ระหว่างที่กำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ ๆ ประตูก็ถูกเคาะเบา ๆ สองครั้ง
จากนั้นจึงพบว่ามีเสี่ยวเอ๋อของร้านที่เดินเข้ามาพร้อมกับจินหลิวหลี เสี่ยวเอ้อของร้านสีหน้าดูลำบากใจ ดูเหมือนจะเกรงใจอย่างมาก “แม่นาง ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ข้าทราบดีว่าคำขอนี้ไม่เหมาะสม เพียงแต่ ลูกค้าท่านนั้นที่อยู่ด้านล่าง …เป็นคนของจวนเว่ยหยวนโหว พวกเราเป็นแค่ประชาชนตัวเล็ก ๆ มิอาจสร้างความขุ่นเคืองได้”
เว่ยหยวนโหว? อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเบื้องหลังของหมอปีศาจที่สวมรอยคนนั้นคือเว่ยหยวนโหว
เว่ยหยวนโหว? อวี้ชิงลั่วยิ้ม นางและท่านโหวผู้นั้นมีวาสนาต่อกันจริง ๆ เมื่อวานก็เพิ่งจะสั่งสอนบุตรีอันเป็นที่รักผู้แสนหยิ่งผยองของเขาไป วันนี้ฝ่ายนั้นกลับมาสวมรอยชื่อของนางเพื่อใช้อำนาจในทางไม่ชอบ
ประเสริฐมาก ในเมื่อเป็นคนของตระกูลเว่ยหยวนโหว…เช่นนั้นนางยิ่งไม่ปล่อยผ่าน
“พี่เสี่ยวเอ้อ เปิดร้านทำธุรกิจ เดิมทีก็ต้องทำอย่างเป็นธรรมและเปิดเผย ต่อให้เป็นเว่ยหยวนโหวก็ไม่ควรอาศัยอำนาจบาตรใหญ่ข่มเหงคนอื่นไปทั่ว สั่งให้คนอื่นยกที่ให้ตนเอง เจ้าไปบอกเว่ยหยวนโหวอะไรนั่นว่าห้องพิเศษนี้ข้ามาก่อน มาอย่างสง่าผ่าเผยก็สมเหตุสมผลอยู่แล้ว”
อวี๋จั้วหลินเดิมทีคิดจะโน้มน้าวใจให้นางออกไปก่อน ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงเว่ยหยวนโหว เขาในตอนนี้เป็นแค่รองเจ้ากรมฝ่ายกลาโหม เจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ เช่นนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของท่านโหวด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะแสดงออกถึงความอ่อนแอ ยิ่งรู้สึกไม่ดีที่จะลุกขึ้นและเดินจากไป
ทว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไร หมอปีศาจผู้นั้นก็เป็นตัวปลอม หากแม่นางชิงเปิดโปงเขา คาดว่าคนที่สวมรอยคงรู้สึกไม่ดีที่จะอยู่ต่อไป จวนเว่ยหยวนโหวก็จะไม่ต้อนรับเขาเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น แม่นางชิงคือหมอปีศาจตัวจริง นางจะถอยให้กับผู้สวมรอยได้อย่างไรกัน? หากพูดออกไป หลังจากนี้แม่นางชิงคงไม่ต้องอยู่ในโลกใบนี้อีกแล้ว
คิดเช่นนี้ อวี๋จั้วหลินจึงนิ่งสงบลงอย่างมาก จิบน้ำชาเบา ๆ ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีก
เสี่ยวเอ๋อของร้านฟังแล้วก็ลำบากใจ ทั้ง…ทั้งสองฝั่งต่างเป็นผู้มีอำนาจทั้งคู่ เขาควรจะทำอย่างไรดี? แม่นางผู้นี้ที่อยู่ชั้นบนแม้จะดูอ่อนแออย่างมาก คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับเป็นถึงรองเจ้ากรมฝ่ายกลาโหม ดูเหมือนว่าคงไม่ใช่คนที่ใคร ๆ ก็เข้ามารังแกได้
คนคนนั้นที่อยู่ชั้นล่างยิ่งแล้วใหญ่
จินหลิวหลีเห็นเขายังลังเลตัดสินใจไม่ถูก จึงจับไปที่ไหล่ของอีกฝ่าย เสี่ยวเอ้อคนนั้นถึงกับตกใจ รู้สึกเจ็บบริเวณไหล่อย่างรุนแรง จึงเข้าใจได้ในทันทีว่าสตรีผู้นี้ที่ยืนอยู่ข้างกายฝีมือไม่เลวเลย
เขาจึงไม่กล้าลังเลอีกต่อไป รีบเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับจินหลิวหลี เพื่อเจรจากับคนรับใช้ของจวนท่านโหวอย่างระมัดระวัง
ใครจะไปคิดว่าผู้อารักขาที่ดูดุร้ายยังไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ยกมือขึ้นมาโยนเสี่ยวเอ้อของร้านคนนั้นออกไป
“กล้าหาญนัก เจ้าไม่ได้บอกคนที่อยู่ด้านบนหรือว่าคนที่มาในวันนี้คือหมอปีศาจผู้มีชื่อเสียงใต้หล้า? แม้แต่ตำแหน่งด้านนอกจวนเว่ยหยวนโหวก็ไม่หลีกทางให้ ไม่เห็นเว่ยหยวนโหวของพวกเราอยู่ในสายตาเลยหรือ?”
เสี่ยวเอ้อเนื้อตัวสั่นเทา ไหนเลยจะกล้าพูดอะไรแม้แต่ครึ่งคำ? ทำได้เพียงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนจินหลิวหลี
จินหลิวหลีมุมปากกระตุก เดินกอดอกก้าวเท้ามาด้านหน้า “ขอโทษด้วย พวกเราไม่ได้เห็นเว่ยหยวนโหวอะไรนั่นอยู่ในสายตา อาศัยบารมีคนอื่นมาอวดเบ่งคนที่ไม่รู้จัก จำเป็นต้องเห็นอยู่ในสายตาด้วยหรือ?”
“เจ้า…” ผู้อารักขาคนนั้นคาดว่าคงไม่เคยเห็นใครกล้าหยามเหยียดเว่ยโหวหยวนเช่นนี้ จึงชักกระบี่ออกมาในทันที “เจ้ากล้าดูหมิ่นเว่ยหยวนโหวหรือ? อยากตายงั้นหรือ?”
จินหลิวหลีกลอกตาใส่ ผู้อารักขาและบุตรีของจวนเว่ยหยวนโหวผู้นี้ เหตุใดถึงได้พูดจาเหมือนกันเช่นนี้?
จวนเว่ยหยวนโหวเก่งกาจมากงั้นหรือ? ยอดเยี่ยมเท่าอวี้ชิงลั่วของนางหรือ?
“ข้าใช้ชีวิตมาอย่างดี และยังอยากใช้ชีวิตต่อไปอีกหลายปี เจ้ารีบไสหัวออกไปพร้อมกับคนของเจ้าซะ มิเช่นนั้นพวกเจ้าได้เห็นดีแน่” จินหลิวหลียกกำปั้นขึ้นมา ครุ่นคิดว่าถึงเวลาต้องขยับแข้งขยับขาอีกแล้วสินะ
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้อารักคนนั้นได้ฟังคำพูดของนางก็ถึงกับหัวเราะร่า “คุยโวโอ้อวดโดยไม่รู้สึกละอายใจเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าบุคคลผู้นี้ที่อยู่ข้างกายข้าคือใคร? เขาคือหมอปีศาจผู้ที่เพิ่งรับราชโองการจากฮ่องเต้ให้เข้าเฝ้า เหมิงกุ้ยเฟยและท่านอ๋องซิวต่างก็เคารพเป็นอย่างมาก หากเจ้าและบุคคลผู้นั้นที่อยู่ชั้นบนรู้จัก ก็รีบหลีกทางโดยเร็ว มิเช่นนั้นคงได้ตายโดยไม่รู้ตัว”
“…” จินหลิวหลีเกือบจะถ่มน้ำลายออกมา นางเชื่อที่อีกฝ่ายถูกฮ่องเต้เรียกให้เข้าเฝ้า และนางก็เชื่อว่ากุ้ยเฟยให้ความเคารพ เพียงแต่อ๋องซิวนี่สิ…ล้อกันเล่นอยู่หรือ?
อาจารย์เสิ่นที่เงียบขรึมมาโดยตลอดผู้นั้นดูเหมือนว่าจะพึงพอใจกับคำแนะนำของผู้อารักขาคนนั้น จึงพยักหน้าเบา ๆ ทั้งยังใช้สายตาดูหมิ่นมองไปที่จินหลิวหลี
ตอนที่พวกเขาคิดว่าจินหลิวหลีเงียบขรึมไปเพราะกำลังพิจารณาว่าจะหลีกทางให้ จู่ ๆ บุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้พวกเขาอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดก็หมุนตัวกลับมา กล่าวเสียงขรึมเคล้ารอยยิ้มว่า “หมอปีศาจ? อาจารย์ท่านนี้เป็นหมอปีศาจจริง ๆ หรือ? เหตุใดหมอปีศาจที่ข้าเคยได้ยินมาช่างแตกต่างจากอาจารย์ท่านนี้เล่า?”
………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ้างชื่อได้หน้าตาเฉยเลย ไม่รู้จักชิงลั่วซะแล้ว
อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องซิวก็มาด้วย?
ไหหม่า(海馬)