อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 132 ออกเสียงตามข้า ข้าชื่ออาฮวา
ตอนที่ 132 ออกเสียงตามข้า ข้าชื่ออาฮวา
อวี้ชิงลั่วหน้าเปลี่ยนสี เสนาบดีฝั่งขวา…รู้จักนาง?
ไม่ถูกสิ ควรพูดว่า เคยรู้จักอวี้ชิงลั่ว?
เพียงแต่ นางไม่รู้จักเขา
ไม่สนใจแล้ว แสร้งทำเป็นไม่รู้จักก็แล้วกัน
อวี้ชิงลั่วหมุนกายอย่างเนิบช้า เผชิญหน้ากับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นทันใดของเสนาบดีฝั่งขวา รีบถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “นี่ท่านกำลัง…เรียกข้าหรือ?”
“เจ้าคืออวี้ชิงลั่ว” เสนาบดีฝั่งขวาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ขณะเผชิญหน้ากับดวงตาของอวี้ชิงลั่วที่ดูเลือนรางโดยไม่หยุดคิด
ร่างกายเอนเอียงเล็กน้อย ยื่นมือออกมาทำท่าจะเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง ท่าทางไร้การควบคุมเช่นนี้ ช่างแตกต่างจากท่าทางนิ่งสงบตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมอย่างสิ้นเชิง
อวี้ชิงลั่วย่อขาทั้งสองข้าง ถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว หลังจากเห็นว่าอยู่ในระยะห่างที่ปลอดภัยแล้ว จึงยิ้มเจื่อนกล่าวว่า “คุณชายจำผิดคนแล้ว”
เสนาบดีฝั่งขวาจะรู้จักอวี้ชิงลั่วได้อย่างไรกัน? ก่อนหน้านี้แม่นมเก๋อไม่เคยบอกนางว่าอวี้ชิงลั่วคนเก่าจะรู้จักกับคนที่มีความโดดเด่นเช่นนี้
เสนาบดีฝั่งขวายื่นมือค้างอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางเคอะเขิน หลังจากชะงักไป จึงค่อย ๆ ดึงมือกลับมา ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ชิงลั่ว เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ? ข้าคือหลีจื่อฟาน ท่านพี่หลีของเจ้าไง”
ท่านพี่หลี? อวี้ชิงลั่วรูม่านตาหดขยายอย่างห้ามไม่อยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่เคยรู้จักกับอวี้ชิงลั่วก่อนหน้านี้จริง ๆ
“ชิงลั่ว เจ้ายังไม่ตาย เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ” หลีจื่อฟานดูเหมือนจะเกิดความตื่นเต้น สายตาพุ่งเป้ามาที่อวี้ชิงลั่วไม่วางตา นัยน์ตานั้นดูคล้ายกับแสงอาทิตย์ที่กำลังแผดเผา ราวกับสามารถเผาคนได้ “เมื่อครู่ตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยม ข้าคิดว่าข้าคงตาฝาดไปเอง คิดว่าข้าคงจำคนผิดแล้ว แต่เงาแผ่นหลังของเจ้าดูคล้ายขนาดนั้น ภายในใจของข้าจึงเกิดความคิดอันแรงกล้ากระตุ้นให้ข้าตามมาดู เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย”
อวี้ชิงลั่วเม้มปากไม่พูดไม่จา ท่านเสนาบดีทำเช่นนี้ทำให้นางแอบ…คาดไม่ถึง นางรู้สึกมาโดยตลอดว่า เสนาบดีฝั่งขวาคนที่พูดและแสดงออกด้วยท่าทางเรียบเฉย ทว่ากลับมีอำนาจกดดันผู้คนที่อยู่ชั้นล่างเมื่อครู่ต่างหากที่เข้ากับตัวตนของเขา
ทว่าตอนนี้หลีจื่อฟานกลับแสดงสีหน้าเอาอกเอาใจ เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
“คุณ…คุณชายหลี ท่านจำผิดคนแล้วจริง ๆ ข้าไม่ใช่ชิงลั่วอะไรนั่นที่ท่านพูดถึง ข้าชื่อ…อาฮวา”
“งั้นหรือ? เช่นนั้นเจ้ากล้าเปิดผ้าบนใบหน้าให้ข้าดูสักหน่อยหรือไม่ ดูสิว่าจะใช่คนคนนั้นที่ข้ารู้จักหรือไม่” ดวงตาคล้ายขนาดนั้น แผ่นหลังก็คล้ายขนาดนั้น แม้แต่น้ำเสียงก็คล้ายมาก เขาจะจำผิดคนได้อย่างไรกัน?
อวี้ชิงลั่วรู้สึกปวดหัวไปหมด ใต้เท้าเสนาบดีฝั่งขวา ท่านช่วยคิดเสียว่าอวี้ชิงลั่วคนนั้นได้ตายไปแล้วเถิด
“คุณชายหลี ความต้องการของท่านไม่เป็นไปตามกฎ ข้าเป็นสตรีจะถอดผ้าคลุมหน้าออกได้อย่างไรกัน?” อวี้ชิงลั่วพูดไปพลางก็เริ่มถอยหลังออกไปเล็กน้อยไปพลาง “ข้ายังมีธุระ เชิญคุณชายหลีตามสบาย ลาก่อน”
ครั้นกล่าวจบ นางก็ยกมือคารวะด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ก่อนจะก้าวเท้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
หลีจื่อฝานชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้าวเท้าไล่ตาม “ชิงลั่ว เจ้าจะไปไหน?”
“คุณชายหลี เดินตามสตรีอยู่บนถนนใหญ่ดูไม่งามเท่าไรนัก พวกเราแยกเดินทางใครทางมันเถิด” ตอนนี้อวี้ชิงลั่วรู้สึกเกลียดตัวเองที่ไม่มีวิชาตัวเบาเสียเหลือเกิน ไม่เช่นนั้นนางคงสลัดหลุดจากอีกฝ่ายได้แล้ว จินหลิวหลีก็ไม่อยู่ด้วย ช่างน่าอนาถเหลือเกิน
“ชิงลั่ว ข้าจะไปหาเจ้าได้ที่ใด? ตอนนี้เจ้าอยู่คนเดียวหรือ? เจ้าอยู่ที่ใด?”
“…”
“ชิงลั่ว เจ้าเจอเรื่องยากลำบากมาใช่หรือไม่? หากเจ้าได้รับความยากลำบากก็บอกข้าได้ หากไม่มีที่อยู่ เจ้าก็ย้ายมาอยู่ที่จวนเสนาบดีฝั่งขวาได้เช่นกัน”
“…”
“ชิงลั่ว หกปีมานี้ เจ้าใช้ชีวิตเพียงลำพังคงทุกข์ทรมานมากเลยใช่หรือไม่? ตอนนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“หลีจื่อฝาน!!!” อวี้ชิงลั่วหยุดก้าวเดิน ยิ้มหน้าตึงหันไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย กล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ข้าไม่ได้ชื่อชิงลั่ว ข้าชื่ออาฮวา ออกเสียงตามข้า…ข้าชื่ออาฮวา”
“แต่ว่าเจ้า…ก็ได้ อาฮวา” หลีจื่อฝานเรียกตามนางอย่างจนปัญญา ทั้งยังปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของอีกฝ่าย เพียงแต่ท่าทางที่ดูเอาอกเอาใจนั้นกลับทำให้อวี้ชิงลั่วตกใจจนรู้สึกไม่ดี
นางกล้ามั่นใจได้ว่าอวี้ชิงลั่วคนก่อนและหลีจื่อฝานอะไรนี่ต้องเป็นชู้กันแน่นอน
“อาฮวา อย่างน้อย ๆ เจ้าก็น่าจะบอกข้าสักหน่อย ตอนนี้เจ้าสบายดีหรือไม่ ต้องการให้ข้าช่วยอะไรหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วยิ้มหน้านิ่งต่อไป “ข้าสบายดี ไม่ได้ขาดแคลนอะไร กินอิ่มนอนหลับครอบครัวก็มั่งคั่งดี ไม่ได้หนาวจนแข็งและไม่ได้รู้สึกหิว ไม่มีความต้องการให้ช่วยเหลืออะไรทั้งนั้น อีกอย่าง รบกวนท่านช่วยออกห่างจากข้าสักหน่อยเพราะข้าไม่รู้จักท่าน และข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าท่านชื่อหลีจื่อฝาน”
หลีจื่อฝานแย้มยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี หลังจากนี้หากต้องการให้ช่วยเหลืออะไร ต้องบอกข้านะ ต่อให้ข้าต้องตายร่างกายแหลกเหลว ข้าก็จะช่วยเหลือเจ้าให้ได้”
คำพูดประโยคสุดท้ายนี้แฝงด้วยความหดหู่และเศร้าโศกเล็ก ๆ ในน้ำเสียง
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ ส่ายหน้าก่อนจะหมุนกายเดินจากไป
เสนาบดีฝั่งขวาก็ดี เย่ซิวตู๋ก็ดี นางไม่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้อง
“ชิง…อาฮวา ในเมื่อเจ้ากลับมาที่เมืองหลวงแล้ว เหตุใดถึงไม่ไปที่จวนอวี้ล่ะ?”
ขมับของอวี้ชิงลั่วเริ่มกระตุกแล้ว เขายังคงยืนกรานคิดว่านางคืออวี้ชิงลั่ว คงคุยกันดี ๆ ไม่ได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น สถานที่แบบจวนอวี้นั่น ทั้งชีวิตนี้นางคงไม่คิดจะเข้าไปอีก เพราะที่นั่นมีแต่คนน่าขยะแขยงถึงขั้นสุด
“ท่านเสนาบดีฝั่งขวา…”
หลีจื่อฝานเห็นนางไม่พูดอะไร จึงคิดอยากจะถามให้มากกว่านี้อีกสักสองประโยค จู่ ๆ ห่างออกไปไม่ไกลก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น มีคนกำลังตะโกนมาทางฝั่งนี้
หลีจื่อฝานขมวดคิ้วหันกลับไปมอง อวี้ชิงลั่วเม้มปากและรีบหายตัวไปต่อหน้าเขา
จนกระทั่งหลีจื่อฟานเห็นและกำลังคิดจะไล่ตามไป ตรงหน้าของเขาก็ไม่มีเงาของอวี้ชิงลั่วแล้ว “ชิงลั่ว? ชิงลั่ว?”
เขาลองก้าวเท้าไปด้านหน้าสองก้าว ทว่าจู่ ๆ ตรงหน้าของเขากลับมีเงาหนึ่งปรากฏขึ้น บุรุษสีหน้าไร้อารมณ์ผู้หนึ่งเข้ามาขวางทางเขาอย่างเย็นชา
“เจ้าเป็นใคร?” หลีจื่อฟานสีหน้าตึงเครียด ร่างกายเตรียมพร้อมรับมือ
ฉินซงมีสีหน้าเย็นชา ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “แม่นางตระกูลข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน ท่านเสนาบดีฝั่งขวาหยุดเถิด อย่าได้ไล่ตามนางอีกเลย”
“แม่นางตระกูลเจ้า? เจ้าหมายถึง…ชิงลั่ว?”
“แม่นางตระกูลข้ามีนามว่าอาฮวา” ฉินซงแก้คำพูดให้ด้วยท่าทางจริงจัง ภายในใจคาดการณ์ว่าอวี้ชิงลั่วเดินออกไปไกลแล้ว จึงกระโดดขึ้นไปบนหลังคาและหายไปอย่างไร้ร่องรอยภายในชั่วพริบตา
หลีจื่อฟานเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าคนคนนั้นได้หายไปแล้ว
ฝีมือยอดเยี่ยม ข้างกายของชิงลั่วมียอดฝีมือเช่นนี้
หมายความว่าชีวิตของนางคงเป็นไปด้วยดีจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วเดินมาครู่หนึ่งจึงหยุดลง นางหันกลับไปมองพบว่าหลีจื่อฟานไม่ได้ไล่ตามมาแล้ว จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก วันนี้นางไม่สมควรออกจากจวนเลยจริง ๆ โชคไม่ดีเอาเสียเลย เจอเย่ซิวตู๋ยังพอทน นี่ยังต้องมาเจอเสนาบดีฝั่งขวาอีก
วันหน้าหากจะก้าวเท้าออกจากเรือน นางคงต้องให้คนช่วยคำนวณสักหน่อยถึงจะดี
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ ด้านหลังก็มีเสียงกุบกับดังขึ้น รถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาหานางอย่างรีบร้อน
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกวูบ เบี่ยงกายไปด้านข้าง ใครจะไปคิดว่านางแค่เบี่ยงตัวไปได้ครึ่งเดียว จู่ ๆ ภายในรถม้าก็มีมือคู่หนึ่งยื่นออกมา ก่อนจะดึงเอวของนางลากเข้าไปด้านในรถม้า
“ว้าย…” อวี้ชิงลั่วร้องด้วยความตกใจ ร่างกายของนางชนเข้ากับอกของคนคนนั้นเต็มแรง
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชักอยากรู้แล้วสิว่าเสนาบดีฝั่งขวามีความสัมพันธ์แบบไหนกับชิงลั่วคนเก่า อารมณ์แอบรักข้างเดียวแต่ไม่สมหวังอะไรงี้หรือเปล่าน้า
ใครลักพาตัวชิงลั่วไป?
ไหหม่า(海馬)