อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 133 อวี้ชิงลั่วเข้าวัง
ตอนที่ 133 อวี้ชิงลั่วเข้าวัง
อวี้ชิงลั่วแสร้งทำเป็นเจ็บศีรษะ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็ประสานเข้ากับนัยน์ตาเย็นชาคู่หนึ่ง
นางถึงกับสูดลมเย็นเข้าปากแรง ๆ หนึ่งครั้ง ตกใจจนเด้งตัวกระถดไปด้านหลัง
อีกฝ่ายออกแรงโอบเอวของนางไว้ นางที่กำลังเอนตัวไปด้านหลังต้านไม่ไหว จึงชนเข้าที่แผ่นอกของคนคนนั้นอย่างแรงอีกครั้งหนึ่ง
“อื้อ…” คนที่อยู่ด้านล่างส่งเสียงอู้อี้ จู่ ๆ อีกฝ่ายก็กดศีรษะของนางและก้มหน้าจุมพิตอย่างดุเดือด
อวี้ชิงลั่วใช้มือทั้งสองข้างออกแรงผลักสองครั้ง แต่ไม่สามารถหลุดออกจากอีกฝ่ายได้ ริมฝีปากของนางถูกเขากัดอย่างรุนแรง เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหลรินลงมา
“เย่…อื้อ…เย่ซิวตู๋…” อวี้ชิงลั่วกำลังจะหยิกไปที่คอของอีกฝ่าย ทว่ามือทั้งสองข้างกลับถูกเขาจับไว้จนแน่น ขาทั้งสองข้างก็ถูกเขารัดไว้ทำให้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
เย่ซิวตู๋ยิ้มอย่างเย็นชา ปล่อยฟันที่ขบบริเวณริมฝีปากของนาง การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเชื่องช้าละมุนละไม เพียงแต่มือที่กดร่างของนางไว้ยังคงไม่ปล่อยออก
เสียงรถม้ากระเทือนดังตึง ๆๆ ขึ้นเป็นครั้งคราว เสียงคนที่อยู่ด้านนอกดังเข้ามาในหูอย่างไม่หยุดหย่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ และหายไปในที่สุด
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง รถม้าจึงหยุดลง ด้านนอกมีเสียงของเสิ่นอิงดังขึ้นอย่างลังเล “นายท่าน ถึงตำหนักอ๋องแล้วขอรับ”
“อือ…” ร่างกายผ่อนคลายลงทันใด ในที่สุดอวี้ชิงลั่วก็เจอโอกาส รีบดีดตัวขึ้นจากร่างกายของอีกฝ่าย การเคลื่อนไหวมากเกินไปจึงทำให้ศีรษะของนางกระแทกเข้ากับหลังคารถม้าพอดี เจ็บจนถึงขั้นสูดปาก
เย่ซิวตู๋อยากจะห้ามไว้แต่ก็ห้ามไม่ทัน ท้ายที่สุดจึงทำได้แค่ลากนางกลับมาอย่างจนปัญญา เมื่อเห็นท่าทางเจ็บปวดของนางเช่นนี้ ความเดือดดาลที่สะสมอยู่เต็มอกจึงค่อย ๆ หายไป
“เจ้าจะออกแรงมากมายขนาดนั้นไปเพื่ออะไรกัน?” เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกมา ลูบศีรษะของนางอย่างเบามือ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองริมฝีปากห้อเลือดของนาง ลูกกระเดือกถึงกับขยับอย่างควบคุมไม่อยู่
อวี้ชิงลั่วเจ็บทั้งปาก เจ็บทั้งมือ เจ็บทั้งศีรษะ นางอยากอ้าปากด่าเขาสักสองสามประโยค แต่กลับไร้เรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงแค่สูดหายใจ พยายามบรรเทาความเจ็บปวดอย่างสุดชีวิต
“ดีขึ้นหรือยัง?” ฝ่ามือของเย่ซิวตู๋ยังมีความร้อน เมื่อวางประคบลงบนศีรษะจึงรู้สึกสบายอย่างมาก
ในที่สุดความเจ็บปวดบริเวณศีรษะของอวี้ชิงลั่วจึงบรรเทาลง ความโกรธจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง นางใช้มือทั้งสองข้างบีบคออีกฝ่าย “เย่ซิวตู๋ ท่านรนหาที่ตายเองนะ หากกล้าจูบข้าอีกครั้งท่านได้เจอดีแน่”
“เสิ่นอิงยังรออยู่ข้างนอกนะ…” เย่ซิวตู๋ยิ้มเตือนนาง แม้จะถูกนางบีบคอจนหน้าแดงเถือก ทว่าสีหน้าของเขายังคงไม่แยแส
อวี้ชิงลั่วชะงัก ทันใดนั้นก็ตระหนักขึ้นได้ว่าพวกนางยังอยู่บนรถม้า จึงสบถด่าด้วยความขุ่นเคือง
เย่ซิวตู๋ฉวยโอกาสคว้ามือของนาง ก่อนจะหมุนตัวนางไปอีกฝั่งหนึ่งและกอดนางไว้ในอ้อมกอดของตนเอง
“ให้ข้าอุ้มเจ้าลงไปดีหรือไม่?”
อวี้ชิงลั่วไม่สามารถดึงมือกลับมาได้ จึงทำได้เพียงแค่ยิ้มเยาะ “คงไม่รบกวนท่านอ๋องซิว”
“แต่ ปากของเจ้ายังบวมเป่งอยู่เลยนะ หากออกไปแล้วคนอื่นเห็นเข้า คงรู้กันหมดว่าเกิดอะไรขึ้น” เย่ซิวตู๋เตือนนางด้วยความหวังดี
อวี้ชิงลั่วมีสีหน้าอึมครึม “ท่านยังมีหน้ามาพูดอีกหรือ? ใครเป็นต้นเหตุล่ะ? เย่ซิวตู๋ ความสัมพันธ์ระหว่างข้าและท่านไม่ได้ถึงขั้นที่สามารถถึงเนื้อถึงตัวได้”
เย่ซิวตู๋รู้สึกไม่พอใจที่ได้ยินคำพูดนี้ของนาง ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่ถูกผูกติดเข้าด้วยกันแล้ว นางยังขีดเส้นกั้นระหว่างกันอยู่เสมอ “ยังไม่ถึงขั้นนี้งั้นหรือ? แล้วหนานหนานออกมาได้อย่างไร?”
“…” เรื่องนั้นเมื่อหกปีก่อนเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดเขาถึงหยิบยกมาพูดในตอนนี้?
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็น ปล่อยมือนางและกระโดดลงจากรถม้า “อวี้ชิงลั่ว เรื่องในวันนี้ข้าจะให้อภัยเจ้า แต่ครั้งหน้าหากยังกล้าออกจากตำหนักโดยไม่ได้รับความยินยอมจากข้า ข้าไม่ให้อภัยเจ้าอย่างแน่นอน”
ครั้นกล่าวจบ เขาก็สาวเท้าเข้าไปด้านในตำหนักอ๋อง
อวี้ชิงลั่วขบฟันแน่น เย่ซิวตู๋ยังไม่เข้าใจสินะ? นางไม่ใช่สาวใช้และไม่ใช่คนในตำหนักอ๋องซิวด้วย นางอยากจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องรอฟังคำยินยอมจากเย่ซิวตู๋ แต่นี่กลับคิดจะมาสนใจเรื่องของนาง มีสิทธิ์อะไรกัน?
“แม่…แม่นางอวี้ ท่านอ๋องยังหาหนานหนานไม่เจอ จึงอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก เจ้าอย่าได้โกรธเคืองเลย” เสิ่นอิงรีบเข้ามาห้ามอวี้ชิงลั่วที่กระโดดลงจากรถม้าด้วยความโกรธเคือง กระซิบอธิบายเสียงเบา
เฮ้อ สีหน้าของท่านอ๋องเช่นนี้ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอารมณ์ไม่เสถียร คงหึงหวงที่แม่นางอวี้และอวี๋จั้วหลินเจอหน้ากันเป็นการส่วนตัว
ก็แค่…นายท่านไม่เข้าใจความคิดของสตรี การพูดการจาจึงห้วน ๆ โผงผาง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแม่นางอวี้เกลียดอะไร แต่ก็ยังทำเช่นนี้
สิ่งที่เขาที่เป็นผู้ช่วยสามารถทำได้ คงช่วยได้ถึงแค่นี้แล้ว
อวี้ชิงลั่วได้ยินคำพูดนี้ การย่างก้าวจึงหยุดลง เอ่ยถามด้วยความสงสัย “หนานหนานยังไม่กลับมาตำหนักอ๋องอีกหรือ?”
เสิ่นอิงส่ายหน้าพลางกระซิบ “ผลลัพธ์เป็นเหมือนกับเมื่อคืน บนหลังของแมงป่องตัวนั้นโรยด้วยผงสีเขียว แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่หน้าของหนานหนาน”
“เจ้าเด็กบ้านี่ มัวทำอะไรอยู่ในวัง?” อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วมุ่น ยกเท้าก้าวเดินเข้าไปด้านในตำหนักอ๋องอย่างช้า ๆ
เสิ่นอิงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยื่นรถม้าให้คนรับใช้และก้าวเท้าเดินตามเข้าไป
ทั้งคู่คนหนึ่งเดินนำหน้าอีกคนเดินตามหลังเข้ามาด้านในห้องโถงด้านหน้า ก็พบว่าจินหลิวหลีกำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ ตอนที่เห็นอวี้ชิงลั่วก็รีบลุกขึ้นมาด้วยท่าทางมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “หึ ชิงลั่ว เจ้าเจอปัญหาแล้ว”
“ปัญหาอะไร?” อวี้ชิงลั่วกวาดตามองอีกฝ่าย หยิบแก้วน้ำชาที่อีกฝ่ายชงไว้ดื่มเองขึ้นมาจิบหนึ่งคำ
จินหลิวหลีมองริมฝีปากที่บวมแดงใต้ผ้าคลุมหน้าของอวี้ชิงลั่วด้วยความประหลาดใจ กะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นสายตาก็เปลี่ยนเป็นความอ่อนโยน
อวี้ชิงลั่ววางถ้วยน้ำชาลง ใบหน้าดำอึมครึม “ปัญหาอะไรกันแน่?”
“เอ่อ แค่ก ๆ” จินหลิวหลีไอกระแอมเบา ๆ หนึ่งเสียง หัวเราะเสียงเบา “อวี๋จั้วหลินรับปากแทนเจ้าว่าจะร่วมประลองกับตัวปลอมคนนั้นในสิบวันหลังจากนี้”
ระหว่างที่พูด หางตาของนางแอบซ่อนด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่ามีความคิดอยากดูเรื่องสนุกสนาน ระหว่างที่มีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ก็ไม่ลืมที่จะเติมเชื้อไฟเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกครั้ง ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าอวี๋จั้วหลินกำลังรนหาที่ตาย
“ไม่ไป” อวี้ชิงลั่วได้ฟังจนจบ นางก็ปฏิเสธเสียงแข็งในทันที อวี๋จั้วหลินคิดเองเออเองเกินไปแล้ว เหตุใดเขาถึงได้มีความมั่นใจมากขนาดนั้น ถึงได้คิดว่านางจะตอบรับคำขอไร้มารยาทนั้นของเขา…งี่เง่า
“แม่…แม่นางอวี้” เสิ่นอิงมุมปากกระตุก “หากเจ้าไม่ไป ท่านอ๋อง…ต้องขอโทษตาเฒ่าแซ่เสิ่นผู้นั้นด้วยนะ”
ไม่เพียงแค่เขา เสนาบดีฝั่งขวาก็เช่นเดียวกัน
อวี้ชิงลั่วมุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “งั้นหรือ? นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาแล้ว เกี่ยวอะไรกับข้า”
วันนี้ทั้งสามคนนี้ทำให้นางขุ่นเคือง พวกเขาจะเป็นหรือตายแล้วเกี่ยวอะไรกับนาง?
“แล้วก็…เมื่อครู่ตอนที่อยู่ด้านนอกรถม้าไม่ได้ยินสิ่งที่นายท่านของเจ้าพูดหรือ? เขาบอกว่า หลังจากนี้ห้ามไปเจออวี๋จั้วหลินเป็นการส่วนตัว มิเช่นนั้นข้าคงได้เจอดี โอ๊ย ข้ากลัวจังเลย ในเมื่อน่ากลัวแบบนั้น ข้าคงไม่ไปเจออวี๋จั้วหลินแล้ว และข้าก็ย่อมไม่รู้เรื่องนี้ด้วย”
เสิ่นอิงมุมปากกระตุกวูบ “แม่นางอวี้…”
“เฮ้อ ใครใช้ให้ข้าเชื่อฟังนายท่านของเจ้าขนาดนั้นกันล่ะ? ดังนั้นสิบวันนี้ ข้าจะไม่ไปเจออวี๋จั้วหลินแล้ว”
จินหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้น “นี่เจ้าคิดจะอยู่แต่ในตำหนักอ๋องนี้หรือ?” นางไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะอยู่แต่ในนี้ได้
“เปล่า ข้าจะ…เข้าวัง”
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
รุนแรงจังท่านอ๋อง รู้จักถนอมหยกรักบุปผาสักหน่อยเซ่
ชิงลั่วจะเข้าวังไปตามเจ้าลูกตัวแสบแล้ว
ไหหม่า(海馬)