อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว - ตอนที่ 137 จุดอ่อนก็คือเขา
ตอนที่ 137 จุดอ่อนก็คือเขา
เย่ซิวตู๋เดินออกจากห้องตำราหลวงด้วยสีหน้าอึมครึม การก้าวเท้าแอบดูรีบร้อนขณะเดินไปยังจุดที่อวี้ชิงลั่วยืนรออยู่
ผู้อารักขาที่เหมิงกุ้ยเฟยปล่อยให้เฝ้าอยู่ที่นี่เห็นว่าท่านอ๋องซิวเดินเข้ามา จึงหันสบตากัน ยังไม่รอให้ขันทีทั้งสองคนนั้นเดินกลับมา ก็กลับไปที่ตำหนักอี๋ซิ่งของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงอย่างเงียบเชียบ
“เหอะ กลับไปเร็วจริง ๆ” เย่ซิวตู๋ยิ้มเยาะ เขาไม่มีกะจิตกะใจไปจับตัวคนพวกนั้น แต่กลับรีบเดินไปด้านหน้าอย่างรีบร้อน คนของตำหนักอี๋ซิ่งปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดว่าเหมิงกุ้ยเฟยอาจลงมือกับคนของเขาไปแล้ว
จนกระทั่งเย่ซิวตู๋เห็นอวี้ชิงลั่วยังสบายดีไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย หัวใจที่ตึงเครียดจึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลง การก้าวเท้าจึงกลับมามั่นคงและทรงพลังอีกครั้ง
เพียงแต่ตอนที่เขาเดินเข้ามาใกล้ กลับค้นพบว่าข้างกายของอวี้ชิงลั่วไม่เห็นเงาของเสิ่นอิงแล้ว ทั้งยังมีร่องรอยการต่อสู้ปรากฎอยู่บนพื้นด้วย
“เสิ่นอิงล่ะ?” เย่ซิวตู๋สีหน้าเคร่งขรึม หันซ้ายมองขวาก็ยังไม่เห็นคนของตนเอง
อวี้ชิงลั่วชะงัก เงยหน้าขึ้นและรีบก้าวเท้าวิ่งมายืนข้าง ๆ เขา เล่าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่แบบง่าย ๆ ตรงประเด็น “เมื่อสิบนาทีก่อน…อ๋อ เมื่อครู่ตอนที่ท่านเพิ่งเข้าไปในห้องตำราหลวงได้ไม่นาน เหมิงกุ้ยเฟยพาคนของนางมาที่นี่ นางบอกว่าเมื่อวานเป็นเพราะท่านสงสัยทักษะทางการแพทย์ของคนแซ่เสิ่นผู้นั้นภายในโรงเตี๊ยมเยว่หมิง ถือเป็นการกล่าวหาว่านางและฮ่องเต้ว่ามองคนไม่ขาด เหมิงกุ้ยเฟยโยนความผิดทั้งหมดไปที่เสิ่นอิง คิดว่าเขาไม่มีความรับผิดชอบในฐานะของผู้ใต้บัญชาการ ไม่ได้โน้มน้าวใจท่านทันเวลา ทั้งยังทำให้ท่านเปลี่ยนเป็นคนไร้ความสามารถ จึงสั่งให้คนนำตัวเขาไปในทันที บอกว่าข้างกายของท่านไม่จำเป็นต้องมีสวะไร้ประโยชน์เช่นนี้”
“นางคงรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองสุขสบายมากเกินไปแล้วจริง ๆ” เย่ซิวตู๋พลันมีสายตาเย็นชา ระเบิดไอเย็นเยือกรุนแรงออกมา
อวี้ชิงลั่วมองนัยน์ตาคู่นั้น ตอนนี้นางมั่นใจได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเย่ซิวตู๋และเหมิงกุ้ยเฟยไม่ดีเอาเสียเลย ไม่สิ สามารถพูดได้ว่าเปรียบดั่งน้ำกับไฟ
“แล้วเจ้าเล่า? นางทำให้เจ้าต้องลำบากใจหรือไม่?” เย่ซิวตู๋เข้าใจเหมิงกุ้ยเฟย เขาไม่เชื่อว่าหมู่เฟยที่ปรารถนาอยากให้เขาตายคนนั้นจะไม่ถอนรากถอนโคนด้วยการจับตัวเสิ่นอิงไปแค่คนเดียว
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้น ชี้ไปยังโอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “คนที่สร้างความลำบากใจให้ข้าถูกข้าโยนลงไปในนั้นแล้ว”
“หืม?” เย่ซิวตู๋เดิมไปตามนิ้วที่นางชี้ ก็พบว่ามีคนสองคนกำลังนอนอยู่ในโอ่งน้ำขนาดใหญ่จริง ๆ เขาแอบรู้สึกคุ้นหน้าอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของตำหนักอี๋ซิ่งของเหมิงกุ้ยเฟย
มุมปากของเย่ซิวปรากฏความเย็นชาผิดปกติ นิ้วมือของเขาโค้งงอเล็กน้อย ก่อนจะวาดนิ้วลงไปในโอ่งขนาดใหญ่
ขันทีสองคนที่จากเดิมยังคงสลบไสล บัดนี้กลับปรากฏบาดแผลบนลำคอเพิ่มขึ้นสองเส้น เงียบเชียบและไม่ลุกขึ้นมาอีกต่อไป
อวี้ชิงลั่วไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร จึงชะโงกหน้าเล็กน้อยเตือนเขาว่า “เสิ่นอิงบอกให้ข้ารอท่านอยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าเหมิงกุ้ยเฟยคงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ ท่านมีวิธีไปช่วยเหลือเขาหรือไม่?”
ถึงอย่างไรก็คลุกคลีกันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว เสิ่นอิงเป็นมิตรกับนางตั้งแต่แรก โดยเฉพาะระหว่างทางที่เดินทางจากเจียงเฉิงและเมืองหลวง เขาก็ดูแลนางอย่างสุดความสามารถ เป็นเพราะต้องปกป้องนางไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกซุ่มโจมตีโดยนักฆ่า ถึงขั้นใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อขวางไว้
แม้อวี้ชิงลั่วจะไร้ยางอายไปสักหน่อย แต่ก็ยังมีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่ เสิ่นอิงถูกลากตัวไปต่อหน้าต่อตา หากนางไม่สนใจเขาสักหน่อย พูดอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น
เย่ซิวตู๋เม้มปาก ถอยห่างจากข้างโอ่งขนาดใหญ่ “ไป ไปที่ตำหนักอี๋ซิ่ง”
อวี้ชิงลั่วรีบตามไป ตอนนี้นางไม่ได้โค้งกายแล้ว แต่กลับเดินตามเย่ซิวตู๋ไปที่ตำหนักอี๋ซิ่งด้วยท่าทางทรงพลัง
เพียงแต่ ตอนที่พวกเขาทั้งคู่เดินมาถึงประตูของตำหนักอี๋ซิ่ง จู่ ๆ ก็เห็นคนหนึ่งที่ดูเหมือนขันทีหันมาส่งสายตาให้เย่ซิวตู๋ จากนั้นจึงกลิ้งกระดาษสีแดงหนึ่งม้วนมาตามพื้นอย่างเงียบ ๆ มาที่ข้างเท้าของพวกเขาทั้งสอง เสียงเย่ซิวตู๋กระซิบ “หยิบขึ้นมา”
อวี้ชิงลั่วชะงัก คำพูดนี้…กำลังคุยกับนางหรือ?
นางหันซ้ายมองขวา ราวกับว่า ดูเหมือนว่า คล้ายกับว่า จะมีแค่สถานะของนางเพียงคนเดียวที่เหมาะจะก้มลงไปหยิบขึ้นมา
นางลอบถอนหายใจ แสร้งทำเป็นคุกเข่าลง จากนั้นจึงใช้มือที่ถูกคลุมด้วยแขนเสื้อ ขยับเพียงครั้งเดียวม้วนกระดาษเล็ก ๆ นั้นก็ย้ายมาอยู่ในฝ่ามือของนาง
นางยื่นให้เขาด้วยท่าทางไม่รีบร้อน มองอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่ง “บนกระดาษเขียนว่า เมื่อวานตาเฒ่าแซ่เสิ่นช่วยจับชีพจรให้เหมิงกุ้ยเฟย บอกว่าร่างกายของกุ้ยเฟยไม่ค่อยสบาย ดังนั้นฮ่องเต้จึงอนุญาตให้เขาเข้ามาช่วยดูแลร่างกายให้กุ้ยเฟย เช้าวันนี้เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นภายในโรงเตี๊ยมเยว่หมิง อาจารย์เสิ่นจึงเข้าวังมาร้องเรียน ดังนั้นเหมิงกุ้ยเฟยจึงมาสร้างปัญหาให้ท่าน ตอนนี้เสิ่นอิงถูกผู้อารักขาหกคนเฝ้าไว้ ต่างเป็นผู้มีฝีมือขั้นสูงสุดภายในวัง อยู่ในเรือนหลังเล็กทางซ้ายมือ”
“ผู้มีฝีมือระดับสูง?” เย่ซิวตู๋ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย สายตามองไปยังเรือนหลังเล็กที่อยู่ทางซ้ายมือนั้น
อวี้ชิงลั่วเห็นสีหน้าของเขา ภายในใจจึงเกิดอาการเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ อย่างห้ามไม่อยู่ กระซิบถาม “นี่ท่านคงไม่ได้คิดจะบุกเข้าไปในเรือนหลังนั้นเพื่อสังหารผู้มีฝีมือขั้นสูงทั้งหกคนนั้น เพื่อช่วยเสิ่นอิงออกมาหรอกนะ?”
เย่ซิวตู๋ชะงัก หลุบตามองนางปราดหนึ่ง กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “นอกจากสิ่งนี้ เจ้ายังมีความคิดอื่นอีกหรือ?”
สตรีผู้นี้คิดอะไรอยู่? ต่อให้เขาโง่เขลามากกว่านี้ ก็ไม่มีทางที่จะทำเรื่องที่ผลักตัวเองเข้าไปติดอยู่ในกับดักเช่นนี้หรอก
ไม่เพียงแต่ตำหนักอี๋ซิ่งที่เป็นตำหนักของหมู่เฟยของเขา ต่อให้หมู่เฟยจับเสิ่นอิงทว่าไม่ได้ลงมือกับเขา ก็ทราบได้ว่านางแค่หาข้ออ้างเพื่อทำให้เขาลำบากใจ คนที่นางอยากลงมือจริง ๆ ก็คือเย่ซิวตู๋
หากเขาสร้างความวุ่นวายภายในตำหนักอี๋ซิ่ง ก็เท่ากับเข้าไปอยู่ในหลุมพรางของนางพอดีมิใช่หรือ?
อวี้ชิงลั่วเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงค้นพบว่าตนเองถามคำถามโง่ ๆ เสียแล้ว
ทว่า…
“จุดอ่อนของเหมิงกุ้ยเฟยคืออะไร?” อวี้ชิงลั่วคือหมอ ย่อมทราบดีเกี่ยวกับการจ่ายยามากที่สุด
แม้ว่านางจะรู้สึกได้ว่ามารดาแท้ ๆ คนนี้สร้างความลำบากใจให้บุตรชายแท้ ๆ ของตนเองเช่นนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ ทว่าเป็นเพราะอยู่ในวัง เรื่องแบบนี้จึงเข้าใจได้ ดังนั้นนางจึงพูดว่าสิ่งที่นางเกลียดมากที่สุดก็คือความวุ่นวายเหล่านี้ภายในวัง จึงไม่อยากให้หนานหนานเข้าไปแปดเปื้อน
ทว่า คนแบบเหมิงกุ้ยเฟยได้รับความโปรดปราน มีตำแหน่งสูงในกลุ่มนางใน ทั้งยังมีคนและมีอำนาจ เย่ซิวตู๋เผชิญหน้ากับนางแม้ว่าจะไม่ถึงกับพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวอย่างโจ่งแจ้งได้
สองแม่ลูกคู่นี้สร้างปัญหาจนคนรู้กันดี คนที่ได้รับผลประโยชน์ ก็คือเหล่าองค์ชายที่ไม่ถูกกับเย่ซิวตู๋เหล่านั้นหรอกหรือ?
ดังนั้นจึงมีบางเรื่องที่ต้องใช้วิธีการบางอย่าง
เย่ซิวตู๋มุมปากกระตุกเป็นเส้นโค้งเล็กน้อย มองอวี้ชิงลั่วที่มีโครงหน้าเปลี่ยนแปลงไป ทว่านัยน์ตาคู่นั้นกลับยังคงแวววาวไม่เปลี่ยนแปลง จึงมีรอยยิ้มที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
จุดอ่อนงั้นหรือ? จุดอ่อนของเหมิงกุ้ยเฟย มีเพียงคนเดียวเท่านั้น
เย่ซิวตู๋เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองดูคนคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เดินเข้ามาจากจุดที่ห่างไกลออกไป เขาดึงอวี้ชิงลั่วให้ถอยหลังกลับมาสองสามก้าว ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเชิดคางขึ้นเบา ๆ กระซิบเบา “จุดอ่อนของเหมิงกุ้ยเฟย ก็คือเขา”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ท่านอ๋องโหดมาก สังหารคนของแม่ตัวเองทิ้งแบบเงียบ ๆ ไม่ให้สุ้มเสียงเลย
เป็นไปได้ไหมที่นังกุ้ยเฟยจะมีชู้ลับหลัง แล้วหาโอกาสให้ลูกชู้ของตัวเองได้มีตำแหน่งใหญ่ ๆ ในวัง
ไหหม่า(海馬)